สิงคโปร์ออกมาตรการจัดเก็บภาษีคาร์บอนสำหรับทุกภาคส่วนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและกระตุ้นการแข่งขันในบริษัทต่างๆ ให้ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เมื่อจันทร์ที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา นาย Heng Swee Keat รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสิงคโปร์ ได้พูดถึงแผนจัดเก็บภาษีคาร์บอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงบประมาณปี 2018
สำหรับภาษีคาร์บอน จะเรียกเก็บเป็นเงินจำนวน 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 120 บาท) ต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหนึ่งตัน ซึ่งจะมีการเก็บภาษีคาร์บอนเป็นครั้งแรกในปี 2020 คำนวณจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2019
โดยจะเรียกเก็บภาษีคาร์บอนนี้จากผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 25,000 ตันต่อปีขึ้นไป ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบกับบริษัท 30-40 แห่ง ที่เป็นบริษัทจำพวกปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ และธุรกิจผลิตสารกึ่งตัวนำ โดยคิดเป็น 80% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสิงคโปร์ที่ต้องจ่ายภาษีคาร์บอนในครั้งนี้
นาย Heng Swee Keat ยังกล่าวเสริมด้วยว่าทางรัฐบาลจะทบทวนภาษีคาร์บอนที่เก็บอีกครั้ง คาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 10-15 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตันในปี 2030 และภายในห้าปีแรกที่มีการจัดเก็บ น่าจะมีรายได้จากภาษีคาร์บอนราวๆ หนึ่งพันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
ทางรัฐบาลจะนำรายได้เหล่านี้ไปจัดตั้งกองทุนหรือสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โครงการ The Productivity Grant และ กองทุน The Energy Efficiency Fund เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ภาษีคาร์บอนที่จัดเก็บจะส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน โดยจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าและก๊าซสูงขึ้น 1% แต่ทางรัฐบาลก็ได้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวในรูปแบบของเงินอุดหนุนสาธารณูปโภค 20 ดอลลาร์สิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป
ที่มารูป: REUTERS/Edgar Su
ที่มา:
http://www.straitstimes.com/politics/carbon-tax-will-affect-mainly-large-polluters
https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/budget-2018-carbon-tax-greenhouse-gas-9970690
Tags: ก๊าซเรือนกระจก, สิงคโปร์, ภาษีคาร์บอน