ย่างเข้าสู่วันที่ 35 ที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปิดทำการ ทรัมป์ก็ได้ลงนามแผนงบประมาณระยะสั้นเพื่อยุติการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อให้สามารถบริหารงานไปจนถึง 15 กุมภาพันธ์

ก่อนหน้านี้สภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณที่เกี่ยวกับการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก  5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ทรัมป์ยืนกรานว่าจะไม่ลงนามในงบประมาณใดๆ หากไม่มีการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพง จึงมีผลทำให้หน่วยงานของรัฐบาลปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2018 พนักงานของรัฐบาลกว่า 800,000 คน ต้องพักงานชั่วคราวหรือไม่ได้เงินเดือน

เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มกราคม วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรโหวตเห็นชอบแผนงบประมาณชั่วคราวนี้ จากนั้นทรัมป์ยินยอมลงนามในกฎหมาย  เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ทรัมป์ยอมรับข้อตกลงหลังจากรับฟังผลกระทบของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยเช้าวันศุกร์มีรายงานว่า เที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวต้องล่าช้ากว่ากำหนด เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินซึ่งต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างลาป่วย รวมทั้งการขาดแคลนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางการบิน

หลังจากการโหวตในสภาคองเกรส ทรัมป์ทวีตข้อความว่า การตัดสินใจของเขาไม่ใช่การอ่อนข้อให้ แต่เพื่อดูแลประชาชนหลายล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์ แต่เขายังคงยืนยันว่าการสร้างกำแพงเป็นสิ่งจำเป็น และหากไม่มีข้อตกลงที่ยุติธรรมมากพอ ก็จะมีการชัตดาวน์อีกครั้งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์

นอกจากนี้เขายังขู่ว่าจะใช้อำนาจประธานาธิบดีตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อนำงบประมาณมาสร้างกำแพงให้ได้

เบื้องหลังของแผนชั่วคราวนี้เกิดขึ้นจากคำเตือนของมิทซ์ แมคคอนเนล สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน เตือนประธานาธิบดีว่า ยังไม่เห็นว่าจะมีวิธีที่เอาชนะพรรคเดโมแครตได้ ส่วนแนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตได้รับการชื่นชมจากสมาชิกพรรคที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ทรัมป์

ทันทีที่ทรัมป์ลงนามในกฎหมายนี้ หน่วยงานของรัฐบาลสามารถเปิดดำเนินการได้เลย พนักงานของรัฐจะได้รับเงินค่าจ้างย้อนหลังทันที

อ่านบทความปูพื้นฐานเกี่ยวกับการชัตดาวน์ได้ที่ สหรัฐฯ ชัตดาวน์ – เทคนิคจับ ‘ตัวประกัน’ เพื่อผลักดันนโยบาย

 

ที่มาภาพ: REUTERS/Kevin Lamarque

ที่มา:

Tags: , , , ,