ท่ามกลางเสียงค้านหนาหู แต่ล่าสุด ‘จีนา ฮัสเพล’ (Gina Haspel) อดีตผู้บริหารคุกลับซีไอเอในประเทศไทย ซึ่งใช้กักตัวและซ้อมทรมานผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มอัลไคดาหลังเหตุการณ์ 9-11 เมื่อปี 2001 ได้ขึ้นเป็นผู้อำนวยการหญิงคนแรกของสำนักข่าวกรองกลางแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (ซีไอเอ)
แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อประวัติการทำงานของเธอเกี่ยวกับการซ้อมทรมานนักโทษ แต่เมื่อ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภาจากทั้งสองพรรคก็ลงมติเลือกฮัสเพลด้วยคะแนนเสียง 54-45 ซึ่งเป็นคะแนนที่สูสีที่สุดในรอบ 70 ปี บ้างเรียกการลงคะแนนครั้งนี้ว่าเป็นการโหวตว่าสหรัฐฯ จะยอมรับการซ้อมทรมานหรือไม่
ฮัสเพลวัย 61 ปีทำงานในซีไอเอมา 33 ปี เธอเป็นชาวเคนตักกี แต่ต้องเดินทางไปทั่วโลกตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของเธอมีหน้าที่ดูแลเครื่องบินแอร์ฟอร์ซ วัน ฮัสเพลเคยทำงานในแอฟริกา ยุโรป และสถานที่อื่นๆ ที่ถูกปิดเป็นความลับทั่วโลก เธอยังทำงานภายใต้ ไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) ผู้อำนวยการซีไอเอคนก่อนหน้านี้ ก่อนที่เขาจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศให้กับทรัมป์
ฮัสเพลได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ทั้งระดับล่างของซีไอเอและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอาวุโส รวมทั้งอดีตผู้อำนวยการซีไอเอ 6 คน และผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรอง 3 คน
แดน โคทส์ (Dan Coats) ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติบอกว่า ฮัสเพลมีความซื่อสัตย์ (intregrity) และมีประสบการณ์การทำงาน ทั้งงานในแนวหน้าและเชี่ยวชาญการบริหาร “เรายกย่องผู้อำนวยการฮัสเพล ซึ่งตอนนี้เป็นผู้บุกเบิกในฐานะที่เป็นผู้นำหญิงคนแรกของซีไอเอ”
ส่วนฝ่ายที่ต่อต้านฮัลเพลแย้งว่า มันไม่ถูกต้องที่จะสนับสนุนคนที่ทำหน้าที่ควบคุมคุกลับในประเทศไทย ซึ่งผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายจะถูกทรมานด้วยการใช้น้ำราดที่ใบหน้าจนหายใจไม่ออก (waterboarded) เป็นเทคนิคสอบสวนโดยการทำให้เหมือนจมน้ำ ฝ่ายต่อต้านบอกว่านี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของซีไอเอที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย
วุฒิสมาชิกหลายคนกล่าวด้วยว่า ฮัลเพลไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับบทบาทของเธอในโครงการทรมานผู้ต้องสงสัยหรือการตัดสินใจของซีไอเอในการทำลายเทปวิดีโอที่เป็นหลักฐานสำคัญ
วุฒิสมาชิกแพทริค ลีห์ (Patrick Leahy) พรรคเดโมแครต บอกว่าโลกกำลังจับตาดูการลงคะแนนเสียงครั้งนี้ ที่เขาเรียกว่าเป็น ‘การลงประชามติต่อการทรมาน’ เทคนิคการสอบสวนที่ซีไอเอใช้ในคุกลับ รวมทั้งการกักตัวผู้ต้องสงสัยในพื้นที่แคบขนาดเท่ากับโลงศพ เปรียบเสมือนการทรมานที่แทรกแซงโดยรัฐ
ฮัสเพลสัญญาว่าจะไม่นำโครงการนี้กลับมาอีก และกล่าวว่า เข็มทิศทางศีลธรรมที่เข้มแข็งของเธอ จะคุ้มกันเธอจากการดำเนินการใดๆ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีที่เธอคิดว่าต้องคัดค้าน นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้วุฒิสมาชิกลงคะแนนเสียงให้กับฮัสเพล แต่ลีห์ยังตั้งข้อสงสัยว่า ฮัสเพลไม่เคยประณามในที่สาธารณะเลยว่า การทรมานเป็นสิ่งเลวร้าย
เขาสงสัยว่าฮัสเพลจะทำอย่างไร หากถูกขอให้ทำสิ่งที่ขัดกับคุณค่าหลักของอเมริกา “เราควรจะไว้ใจว่าเธอจะมีเข็มทิศทางศีลธรรมในการต่อต้าน และพูดว่า ‘ไม่’ จากที่สิ่งเราเคยเห็นหรือ? ผมไม่เชื่อแบบนั้น”
ส่วนวุฒิสมาชิก รอน ไวเดน พรรคเดโมแครต ตั้งคำถามว่า วุฒิสมาชิกให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนความคิดต่อการทรมานของฮัสเพลได้อย่างไร
ฮัสเพลบอกว่าเธอจะไม่นำวิธีสอบสวนด้วยการทรมานมาใช้อีกแม้ทรัมป์จะร้องขอ นั่นทำให้ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต 6 คนลงชื่อสนับสนุนเธอ พวกเขาคิดว่าประสบการณ์ที่โชกโชนของฮัสเพลจำเป็นต่อภัยคุกคามที่สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญในปัจจุบัน เช่น รัสเซีย เกาหลีเหนือ จีน อิหร่าน
นอกจากนี้ ทูตสหรัฐอเมริกากว่า 100 คนที่ทำงานให้กับประธานาธิบดีจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตก็ส่งจดหมายถึงวุฒิสมาชิกเพื่อคัดค้านฮัสเพล โดยระบุว่า การเลือกฮัสเพลจะทำให้ผู้นำเผด็จการทั่วโลกจะอ้างได้ว่า พฤติกรรมของสหรัฐอเมริกาก็ “ไม่แตกต่างจากพวกเรา”
หลังเสร็จสิ้นการลงคะแนน กลุ่มสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ประณามทันที “ตอนนี้วุฒิสมาชิกยกย่องการกระทำอันโหดเหี้ยมด้วยการสนับสนุนผู้บริหารงานนี้ ขึ้นเป็นผู้นำองค์กรที่มีอำนาจมากที่สุดองค์กรหนึ่งของรัฐบาล” ดาฟเน่ เอเวียตาร์ (Daphne Eviatar) ตัวแทนจากแอมเนสตีอินเตอร์เนชั่นแนล สหรัฐอเมริกากล่าว
ที่มา:
- https://apnews.com/c785e67e3c7f4f76ab63a11c95172410
- https://www.cnbc.com/2018/05/17/trumps-divisive-cia-director-pick-gina-haspel-has-the-votes-to-get-confirmed.html
- https://www.aljazeera.com/news/2018/05/senate-confirms-trump-nominee-haspel-cia-chief-180517194322350.html
- https://www.theguardian.com/us-news/2018/may/17/gina-haspel-cia-director-senate-vote