เชื่อว่า หลายคนน่าจะไม่เคยได้ยินศัพท์ประหลาดๆ สองสามคำนี้
Scrotox กับ Labia Puffing มันคืออะไรกันแน่หนอ?
ก่อนจะไปพูดว่า คนเราจะทำ Scrotox กับ Labia Puffing ไปทำไม เลยต้องขออนุญาตอธิบายขยายความกันเสียหน่อยนะครับ ว่าสองอย่างนี้มันคืออะไร
คำว่า Scrotox มาจากคำสองคำผสมกัน คือคำว่า Scrotum กับ Botox เพราะฉะนั้นจึงแปลได้ง่ายๆ ว่าคือการ ‘ฉีดโบทอกซ์’ ให้กับ Scrotum
แล้ว Scrotum คืออะไรล่ะนี่ – มันก็คือ ‘ถุงอัณฑะ’ ของผู้ชาย และดังนั้น Scrotox จึงคือการ ‘ฉีดโบทอกซ์’ ให้กับถุงอัณฑะของหนุ่มๆ นั่นเองครับ!
เฮ้ย! แล้วทำไปทำไม?
ก็เราทำโบทอกซ์ไปทำไมล่ะครับ เราทำเพื่อให้ใบหน้าที่ยับๆ ย่นๆ เรียบขึ้นใช่ไหมครับ เพราะเจ้าสารพิษโบท็อกซ์ที่ได้จากแบคทีเรียสายพันธุ์บูโทลินัม มันจะไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเกร็งตัวไม่เคลื่อนไหว ก็เลยไม่เกิดรอยย่นไงครับ
ดร. จอห์น เมซา เรียกกระบวนการนี้ว่า Balls Ironning หรือการ ‘รีดไข่’ ให้มันเรียบ (เหมือนรีดผ้า) นั่นแหละครับ
แล้วคุณว่า ‘ถุงอัณฑะ’ นี่มันย่นไหมครับ
ใช่แล้ว – จะว่าไป ถุงอัณฑะมันน่าจะเป็นอวัยวะที่ย่นที่สุดของผู้ชายก็ว่าได้นะครับ ดังนั้น การฉีดโบทอกซ์ให้ผู้ชาย จึงเป็นการทำให้ถุงอัณฑะมันย่นน้อยลง น่าดูมากขึ้น ซึ่งศัลยแพทย์อย่าง ดร. จอห์น เมซา (John Mesa) ในนิวยอร์ก ซึ่งได้ฉีดโบทอกซ์ให้หนุ่มๆ นิวยอร์กเกอร์ไปราว 15 ราย เมื่อปีที่แล้ว เรียกกระบวนการนี้ว่า Balls Ironning หรือการ ‘รีดไข่’ ให้มันเรียบ (เหมือนรีดผ้า) นั่นแหละครับ
ผลลัพธ์ของ Scrotox ก็เหมือนการทำโบทอกซ์นั่นแหละครับ คือมันจะช่วยกำจัดรอยย่นบนผิว โดยจะมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 4-8 เดือน แต่นอกจากทำให้หายย่นแล้ว Scrotox ยังทำให้ถุงอัณฑะห้อยลงมามากขึ้น (เพราะผิวที่เคยย่นมันเรียบ) เลยทำให้ดู ‘ใหญ่’ ขึ้น ซึ่งผู้ชายหลายคนเห็นว่ามัน ‘น่าดู’ มากกว่า
คุณอาจจะสงสัยว่า จะอายไปทำไมกับการที่ ‘หนังไข่’ ย่น ถ้าจะฉีดก็ควรจะฉีดที่ ‘หนังหน้า’ มากกว่า เพราะว่านั่นคืออวัยวะที่คนอื่นเห็นมากกว่า แต่ก็มีคำอธิบายนะครับ อย่างคอลัมนิสต์ของ abc.net แห่งออสเตรเลีย ชื่อ เบน พอบจี (Ben Pobjie) เขาอธิบายเรื่อง ‘คนอายไข่’ (หรือ Scrotum Shaming) เอาไว้พิสดารพันลึกมากๆครับ
เขาบอกว่า อัณฑะของผู้ชายนี่แหละ คือส่วนที่ไม่น่าดูที่สุด เพราะมันเป็นถุงที่ห้อยลงมาน่าเกลี๊ยดน่าเกลียด (แม้ว่าการ ‘ห้อย’ ของมันจะเป็นประโยชน์นะครับ เพราะอัณฑะคือโรงงานผลิตเชื้ออสุจิ และโรงงานนี้ก็ทำงานได้ดีเมื่อมีอุณหภูมิต่ำกว่าส่วนอื่นของร่างกาย มันเลยต้องห้อยออกมาเพื่อระบายความร้อน) เขาบอกว่ามันเหมือนการเอามะเขือเทศไปตากแดด ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นขึ้นมา และเป็นตัวการทำให้ผู้ชายไม่ค่อยมั่นใจ
ดังนั้น การทำ Scrotox จึงเป็นการแก้ปัญหาให้กับถุงอัณฑะของผู้ชายได้ และหลายคนก็เชื่อนะครับ ว่ามันจะกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ต่อไปในอนาคต ที่สำคัญ หลายคนที่ทำ Scrotox แล้ว ยังบอกด้วยว่ามันทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นไวต่อความรู้สึกมากขึ้น เวลามีอะไรต่อมิอะไรกัน ก็เลยรู้สึกดีขึ้นด้วย แต่แพทย์ก็เตือนนะครับ ว่าการฉีดโบทอกซ์บริเวณนั้น (แม้จะไม่ได้เข้าไปถึงอัณฑะก็ตาม) จะส่งผลต่อการผลิตอสุจิด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากมีลูก ก็อย่าไปฉีด แต่ถ้าใครอยากให้ไข่สวยเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นโดยไม่ได้มีลูก ก็ฉีดๆ ไปเถอะครับ
หลายคนที่ทำ Scrotox แล้ว ยังบอกด้วยว่ามันทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นไวต่อความรู้สึกมากขึ้น
สนนราคาค่าฉีด Scrotox นั้นก็เหมือนการฉีดโบทอกซ์นั่นแหละครับ คือขึ้นอยู่กับปริมาณของโบทอกซ์ที่ใช้ โดยคุณหมอจะเอายาชามาทาๆ ให้ก่อน แล้วค่อยเอาเข็มจิ้มๆ ลงไป ซึ่งคนที่ได้ทดลองแล้วบอกว่าเจ็บ แต่ไม่ได้เจ็บปวดแสนสาหัสอะไร ทนได้เพื่อความงามของถุงอัณฑะ
นั่นก็คือเรื่องของ Scrotox ซึ่งเป็นการเสริมความงามให้กับอวัยวะเพศชาย เราขยับมาที่ Labia Puffing ดูบ้างไหมครับ เพราะอันนี้เป็นเรื่องของสาวๆ โดยเฉพาะเลย
รากศัพท์ดั้งเดิมของคำว่า Labia จริงๆ แล้วแปลว่าริมฝีปาก แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงริมฝีปากหรอกนะครับ พูดเป็นภาษาไทยง่ายๆ ก็คือ ‘แคม’ นั่นเอง ส่วนคำว่า Puffing ก็คือการทำให้เกิดอาการ ‘พอง’ ขึ้นมา ดังนั้น Labia Puffing ก็คือการทำให้แคมมันพองฟูดูสวยงามนั่นเองครับ
แคมในที่นี้หมายถึง ‘แคมใหญ่’ (Labia Majora) คืออยู่ด้านนอกนะครับ ไม่ใช่แคมเล็ก (Labia Minora) อันนั้นอยู่ด้านใน ไม่เกี่ยวกันกับเรื่อง Labia Puffing ของเรา
ทีนี้ถ้าผู้ชายอับอายเรื่องถุงอัณฑะได้ ผู้หญิงก็อับอายเรื่อง ‘แคม’ ของตัวเองได้เหมือนกันครับ เพราะหลายคนก็จะมีผิวบริเวณนี้ที่ย่นๆ ยับๆ ยู่ยี่ ก่อให้เกิดอาการไม่มั่นใจหรืออับอายกับอวัยวะของตัวเองขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม การทำ Labia Puffing นั้น ไม่ได้ใช้โบทอกซ์เหมือน Scrotox นะครับ แต่ก็เป็นเทคนิคเสริมความงามที่มีที่มาจากใบหน้าเหมือนกัน นั่นคือการใช้ฟิลเลอร์ (Filler) ฉีดเข้าไป แล้วก็เลยทำให้ผิวหนังส่วนของแคมนั้นพองฟูดูแน่นหนาสวยงามขึ้นมา
แต่ Labia Puffing นี่ จะเจ็บกว่า Scrotox มากหน่อยนะครับ เพราะว่าต้องไปเอาไขมันจากบริเวณท้องหรือต้นขามาใช้ทำเป็นฟิลเลอร์ฉีดเข้าไป ก็จะเป็นเหมือนการยัดไส้ให้ตุ๊กตา แต่เป็นไส้ที่เป็นไขมันของตัวเอง จึงไม่เป็นอันตราย (จะว่าไปก็ปลอดภัยกว่าโบทอกซ์ด้วยซ้ำ) แถมยังดูเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญก็คืออยู่ได้นานกว่าโบทอกซ์มาก
การเสริมความงามด้วยวิธี Scrotox และ Labia Puffing นี่ ส่วนใหญ่จะทำในคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหน่อยนะครับ เพราะถุงอัณฑะของผู้ชายที่ยังหนุ่มๆ อยู่ ก็มักจะเรียบตึงกว่าถุงอัณฑะของชายสูงวัย ส่วนแคมของผู้หญิงที่อาจจะมีลูกแล้ว ก็จะหย่อนคล้อยยับย่นมากกว่าของผู้หญิงที่ยังสาว ศัลยแพทย์พลาสติกอย่าง เจนนิเฟอร์ วอลเดน (Jennifer Walden) เคยให้สัมภาษณ์ว่า Labia Puffing นี่ถ้าทำปุ๊บก็เห็นผลปั๊บเลยทันที คืออวัยวะส่วนนั้นของผู้หญิงจะกลับไปเหมือนของใหม่ในทันที แต่ของผู้ชายต้องรอสักหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ถึงจะเข้าที่เข้าทาง แต่ทั้งสองอย่างใช้เวลาน้อยมาก คือแค่ราว 30 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เอาละครับ ทีนี้ก็มาถึงคำถามมูลค่าหนึ่งล้านเหรียญแล้ว นั่นคือคำถามที่ว่า – แล้วคนที่ทำ Scrotox กับ Labia Puffing เขาทำกันไปทำไม
ที่เกิดคำถามนี้ขึ้นมาก็เพราะหลายคนคิดว่า ถ้าฉีดโบทอกซ์ฉีดฟิลเลอร์ให้หน้า คนก็เห็นเราได้ตลอดเวลา พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเสริมความงามนั้นเกิดขึ้นเพราะเราจะต้อง Be Seen หรือ ‘ถูกเห็น’ ใช่ไหมครับ มันถึงจะคุ้มค่าเป็นประโยชน์
เทรนด์ Scrotox และ Labia Puffing นั้น ฮิตขึ้นมาได้ก็เพราะเมกะเทรนด์ใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือเทรนด์ Digital Age
แล้วการทำ Scrotox และ Labia Puffing นี่ ทำแล้วก็ต้องพับเก็บใส่กางเกงกระโปรงเอาไว้ไม่ใช่หรือ ใครจะมาเห็นกันเล่า แล้วทำไมมันถึงจะเป็น ‘เทรนด์’ ขึ้นมาได้
คำตอบของเรื่องนี้น่าสนใจมากนะครับ เพราะเทรนด์ Scrotox และ Labia Puffing นั้น ฮิตขึ้นมาได้ก็เพราะเมกะเทรนด์ใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือเทรนด์ Digital Age
ถ้าเป็นสมัยก่อน การที่ใครสักคนจะลุกขึ้นมาเป็นดาราหนังโป๊นั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่มากนะครับ เพราะต้องมีโปรดักชัน ต้องลงทุน ต้องมีคนมาถ่ายทำให้ พอเริ่มมีอินเตอร์เน็ต ยุคแรกๆ เราจะเห็นคนเสิร์ชหาหนังโป๊ (Pornography) กันให้ควั่กไปหมด ซึ่งเป็นอิทธิพลของการสื่อสารแบบทางเดียว คือต้องเป็นผู้เสพเท่านั้น
แต่ในโลกปัจจุบัน ใครๆ ก็เป็นผู้ผลิตสื่อได้ โครงสร้างของอุตสาหกรรมพอร์โนกราฟี จึงเปลี่ยนไป ผู้ผลิตหลายเจ้าบ่นอุบนะครับว่าคนไม่ค่อยจะเสพหรือซื้อสื่อพอร์โนกราฟีในแบบเดิมแล้ว เพราะคนจำนวนมากหันไปผลิตเอง คือแค่มีมือถืออันเดียวก็ทำได้แล้ว แถมยังผลิตได้ซ้ำๆ คิดคอนเซ็ปต์ได้ต่างๆ นานาด้วย แล้วคนที่นิยมเสพพอร์โนกราฟีในแบบที่ไม่ได้ต้องผลิตกันจริงจังอลังการ แต่เป็นแบบแอบถ่ายหรือเป็นแบบสมัครเล่นโฮมวิดีโอก็เริ่มเยอะขึ้นมาก
วิธีหาเงินจากพอร์โนกราฟีก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่ต้องลงทุนผลิต ก็แค่ทำเป็น Channel บางอย่าง เช่น เปิดแอคเคานต์สื่อสังคมบางอย่างที่ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องนี้ แล้วก็ทำคลิปผลิตเองบ้าง ไปดูดคลิปจากที่อื่นๆ มาบ้าง พร้อมกับขายสินค้าออนไลน์บางอย่างประกอบ เช่น เซ็กซ์ทอยประเภทต่างๆ
ตอนนี้ การทำโฮมวิดีโอคลิปพอร์โนกราฟีเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วนะครับ โดยเป็นการถ่ายทำที่มีทุกรูปแบบ เห็นหน้า ไม่เห็นหน้า เดี่ยว คู่ หมู่ ฯลฯ แต่ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายที่สุด เห็นจะเป็นการถ่ายทำแบบไม่เห็นหน้า (Faceless) เพราะไม่ต้องระบุตัวตนชัดเจน แต่เห็นอวัยวะต่างๆ ได้ทั้งหมด โดยสามารถสร้าง ‘ตัวตน’ หรือ Identity แบบไร้หน้าออนไลน์ได้ ทำให้แฟนหรือผู้ติดตามรู้ว่าคนนั้นคนนี้จะผลิตคลิปหรือนิยมแชร์คลิปแบบไหน ก็จะเกิดอัตลักษณ์ให้ติดตามกันได้โดยเฉพาะ
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดแค่กับสังคมไทยนะครับ แต่เกิดขึ้นกับทุกหนแห่งทั่วโลก หลายคนแค่อยากโชว์อวัยวะโดยไม่ได้ไปนัดเจอกับใคร ไม่โชว์หน้า ไม่แลกรูป นั่นทำให้การดูแลอวัยวะส่วนตัวอันลี้ลับเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับ (หรืออาจจะมากยิ่งกว่า) การดูแลใบหน้าด้วยซ้ำ เพราะ ‘ตัวตน’ ของพวกเขาอยู่ที่อวัยวะเพศมากกว่าใบหน้า จึงไม่น่าประหลาดใจ ที่หลายคนจะดูแลอวัยวะส่วนนั้นของตัวเองให้ดีที่สุด และทำให้การเสริมความงามอย่าง Scrotox และ Labia Puffing ได้รับความนิยมขึ้นมา
บางคนอาจบอกว่า นี่เป็นเรื่องบัดสีบัดเถลิงอย่างยิ่ง แต่อีกบางคนก็มองว่านี่คือเรื่องของ ‘การเมืองเรื่องส่วนตัว’ (Identity Politics) ในสังคมพหุนิยมอย่างหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าก็ต้องถกเถียงกันไปจนกว่าโลกจะแตกสลายนั่นแหละครับ
Tags: Pornography, Digital Age, Identity Politics, เสริมสวย, Botox, Scrotox, Labia Puffing