‘งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา’ ประโยคสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นปนเศร้าในคราวเดียว ชวนสะท้อนถึงสัจธรรมของชีวิตว่า ใดๆ ล้วนไม่จีรังบนโลกใบนี้
เช่นเดียวกับสถานะของ ‘The Yer’ วงดนตรีแนว Post-Punk Revival เมื่อสมาชิกทั้ง 4 คน อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ (ร้องนำและกีตาร์), ต่อ-พนิต มนทการติวงค์ (กีตาร์และคอรัส), บูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง (กลอง) และโบ๊ท-นิธิศ วารายานนท์ (เบส) ตัดสินใจประกาศยุติเส้นทางของวงเมื่อปลายกลางปี 2023 ที่ผ่านมา
‘เสียดาย’ คือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผู้เขียน อาจเพราะผูกพันและคุ้นเคยกับวงดนตรีวงนี้ตั้งแต่ครั้งเป็นนักเรียนหัวเกรียน แววตาลุกวาวเป็นประกายทันทีที่ฟัง ‘การสื่อสาร’ ซิงเกิลเปิดตัวจากโปรเจกต์ Smallroom 007 Boutique ด้วยสไตล์เพลงดิบ ดุดัน และขบถ ฉีกกระแสเพลงอินดี้ป็อปที่กำลังเป็นเทรนด์ในเวลานั้น รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นแฟนเพลงเดนตายของพวกเขาเสียแล้ว
จากครั้งยืนชิดติดขอบรั้วฟังพวกเขาเล่นสดเป็นครั้งแรกในคอนเสิร์ต Channel [V] หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 2012 ถึงครั้งคอนเสิร์ตอำลาที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เมื่อค่ำคืนวันที่ 9 ธันวาคม 2024 ความรู้สึกในฐานะแฟนเพลงต่อพวกเขายังซื่อตรงและคงเดิมเฉกเช่นวันแรก
และสำหรับผู้เขียนแล้ว ‘Farewell Concert: เต้นรำครั้งสุดท้าย’ ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตอำลา The Yers แต่ยังหมายถึงการสื่อสารครั้งสุดท้ายของพวกเขาทั้ง 4 คน เพื่อเอ่ยคำอำลาผ่านโชว์สุดระห่ำ ตอบแทนความรักแก่แฟนเพลงที่มีต่อพวกเขามายาวนานถึง 15 ปีเช่นกัน
จุดประสงค์ข้างต้นผนวกกับ 41 เพลงจาก 4 อัลบั้ม ค่ำคืนดังกล่าวจึงมีความหมายพิเศษต่อทั้งตัวศิลปินและแฟนเพลงมากกว่าครั้งไหนๆ ดังนั้น หลายคนเลือกที่จะมาก่อนเวลาตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อมาเสพบรรยากาศรอบๆ พบปะกลุ่มแฟนเพลงคอเดียวกัน และซื้อนานา Merchandise เก็บเป็นที่ระลึก
เข็มนาฬิกาชี้ตรงเวลา 19.00 น. มวลชนเสื้อดำราว 6,000 ชีวิต พากันเบียดเสียดตัวเองเข้ามาอยู่ในธันเดอร์โดมฯ พร้อมเพรียง ไม่ช้า ชายชุดดำทั้งสี่ก้าวขึ้นสู่เวทีเพื่อแสดงโชว์ครั้งสุดท้ายของพวกเขา โดยบทเพลงที่ The Yers เล่นในค่ำคืนนั้นแบ่งเป็น 6 Part ทั้งนี้ผู้เขียนจะขอไล่เรียงเพลงที่พวกเขาเล่นเผื่อคนที่ไม่ได้ร่วมงานอยากจะทราบ ได้แก่
Part 1: The Floor Is Open
การสื่อสาร
Dance in the Dark
ปริศนา
พร้อมยอมตาย
เทียน
วัตถุโบราณ
ห้องที่ไม่เคยสว่าง
มีเพียงคนที่รักกันเท่านั้น
Part 2: The Secret
ความลับของเงา
กล่องจดหมาย
รถไฟ
แด่เบื้องบน
หมาป่าเดียวดาย
ผีตากผ้าอ้อม
ถูกเวลา
พูด
ล้างแค้น
Part 3: The Outside Conversation
CRY
คลาย
อยู่ไหน
คิดเอาเอง
เสียง
พายุหมุน
เกลียด
Part 4: VTR The Party
แอบรอ
LOOP
แสดงความเสียใจ
โรคส่วนตัว
ลน
โลกในแง่ร้าย
TV
Part 5: VTR The Fairwell
เพียงหนึ่งครั้ง
ตำรับยา
ฉลาด
เทศกาล
คืนที่ปวดร้าว
เสพติดความเจ็บปวด
ระหว่างขับรถ
คืนที่ฟ้าสว่าง
Part 6: The Last Dance
เต้นรำครั้งสุดท้าย
ความพิเศษของโชว์ทั้งหมด 4 ชั่วโมง ไม่ใช่เพียงขึ้นมายืนระยะเล่นให้จบ (ซึ่งก็นับว่ายากมากแล้ว) เพราะสิ่งที่ปรากฏตรงหน้ามันสะท้อนถึงผลลัพธ์ของการเตรียมตัว ออกแบบโชว์ และซุ่มซ้อมมาอย่างดี แม้ในช่วงเปิดฟลอร์ของพาร์ต 1 ซาวด์ฟังแล้วยังไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกใจนัก เพราะธันเดอร์โดมฯ คือโจทย์หินในแง่การบาลานซ์ซาวด์ด้วยสาเหตุข้อจำกัดด้านพื้นที่
ทว่าเข้าสู่ช่วงพาร์ต 2 เป็นต้นมาปัญหาดังกล่าวก็หมดไป คนฟังเริ่มเครื่องติดกระโดดโลดเต้น ร้องตามไม่ขาดสาย ขณะที่บนเวทีหรี่ไฟ และสาดไฟสีตรงกับธีมเพลงนั้นๆ เช่น ความลับของเงา หมาป่าเดียวดาย และผีตากผ้าอ้อม ที่เป็นช่วงเวลาให้บูมโซ่โล่ฟาดกลองจนหนำใจ (ขออนุญาตใช้คำว่าฟาดแทนตี เพราะบูมฟาดไม้กลองลงบนสแนร์หนักแน่นถึงใจจริงๆ)
ก่อนที่พาร์ต 3 เปลี่ยนอารมณ์ผ่านเพลงแนวอคูสติกสบายๆ เพื่อเปิดโอกาสให้อู๋และเพื่อนในวงพูดคุยกับแฟนเพลง โดยมีฉากหลังเป็นม่านที่ถูกตัดแต่งคล้ายลักษณะกิ่งก้านต้นไม้ ราวกับพาเรานั่งวงล้อมรอบกองไฟร่วมกัน
เข้าสู่พาร์ต 4 สี่หนุ่ม The Yers เลือกพาเราปล่อยจอยไปกับเสียงเพลงกับเซ็ตลิสต์ชวนแดนซ์ เช่น Loop แสดงความเสียใจ และโรคส่วนตัว ซึ่ง 7 จาก 3 เพลงในลิสต์ดังกล่าวมีโชว์ Mini Stage จากอู๋ กับอีก 1 โชว์โซโล่เบสจากโบ๊ท
และเมื่อเข้าสู่พาร์ต 5 พวกเขาจึงกระหน่ำเพลงฮิตคุ้นหู เช่น เพียงหนึ่งครั้ง เทศกาล คืนที่ปวดร้าว เสพติดความเจ็บปวด ระหว่างขับรถ และคืนที่ฟ้าสว่าง โดยที่ทุกๆ เพลงมีต่อรับหน้าที่เป็นกระดูกสันหลัง ทั้งหน้าที่มือซินธิไซเซอร์สลับกับโซโล่กีตาร์เนี้ยบเฉียบคมทุกโน้ต
กระทั่งพาร์ต 6 ซึ่งเป็นพาร์ตสุดท้าย ชายชุดดำอำลาด้วยเพลง ‘เต้นรำครั้งสุดท้าย’ โดยที่ด้านหลังฉายฟุตเทจภาพตั้งแต่ครั้งยังอยู่กับค่าย Smallroom ทำเอาเผลอน้ำตาซึมไปตามๆ กัน
แม้ช่วงแรกจะมีปัญหาบ้างประปราย แต่ภาพรวมแล้วคอนเสิร์ตนี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่งานวิชวลบนเวทีจากฝีมือทีม DuckUnit และทีมงานอื่นๆ ที่ผมไม่ได้กล่าวชื่อไป ถือเป็นฟันเฟืองที่ช่วยให้โชว์ออกมาสมบูรณ์
“ผมอาจจะบอกรักพวกคุณไม่เก่ง ฉะนั้นผมจะบอกรักพวกคุณด้วยการเล่นดนตรีสุดฝีมือ” นี่คือคำกล่าวของอู๋ ฟรอนท์แมนแห่ง The Yers ที่พิสูจน์แล้วว่า เขากับเพื่อนๆ ลงมือทำด้วยความตั้งใจและจริงใจอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แต่ผมสัมผัสได้ผ่านทุกๆ งานโชว์
น่าเสียดายที่เหตุผลส่วนตัวรวมถึงสภาพแวดล้อมของประเทศนี้ ไม่อาจทำให้วงดนตรีคุณภาพคับแก้ววงนี้เดินหน้าต่อ แต่เชื่อว่าแฟนเพลงย่อมเข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของพวกเขา
และต่อให้การปฏิบัติงานของวงสิ้นสุดลง แต่เพลงของพวกเขาจะยังทำงานกับคนฟังไปอีกนาน ทั้งในฐานะ ‘ยาขม’ ตอกย้ำอารมณ์มืดดำในจิตใจ และ ‘เพื่อน’ ร่วมระบายความทุกข์ไปพร้อมกัน
ขอให้พวกคุณโชคดีในเส้นทางที่เลือก และผมขอทิ้งประโยคพูดของนิธิศ มือเบสสุดหล่อ ที่บังเอิญเคยเห็นผ่านตาและกระแทกใจอย่างจัง นั่นคือ “พวกเรารู้จักกันแล้ว พวกเราคือเพื่อนกัน เจอกันที่ไหนก็ทักทายกันได้
Fact Box
- The Yers เริ่มต้นเข้าสู่วงการดนตรีกับค่าย Smallroom ในปี 2009 ก่อนประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักจากเพลงคืนที่ปวดร้าว ในอัลบั้ม Y กระทั่งปี 2014 พวกเขาตัดสินใจย้ายสู่ Genie Records ค่ายเพลงร็อกเบอร์ต้นของประเทศไทย
- The Yers มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง 4 อัลบั้ม ประกอบด้วย Y (2011), YOU (2015), CRY (2018) และ PRAY (2022) รวมถึง PYNT ซึ่งเป็น EP Album ส่งท้ายก่อนจะแยกวง