ในคืนที่ฟ้าฝนร้องคำรามปกคลุมไปทั้งเมือง สาวออฟฟิศวัยกลางคนกำลังบึ่งรถกลับบ้าน ฝ่าพายุห่าฝน เพื่อหวังไปร่วมทานอาหารมื้อพิเศษกับลูกอีก 2 คน ซึ่งกำลังรอเธออยู่ที่บ้าน แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เธอประสบอุบัติเหตุรถชนกลางถนนจนหมดสติแน่นิ่ง ไม่รู้สึกตัวเป็นเวลาหลายเดือน ส่งผลให้ลูกๆ ทั้งสองต้องไปอยู่ในความดูแลของตาและยาย ผู้ไม่เคยพบหน้าค่าตากันมาก่อน ภายในบ้านที่อยู่ๆ ก็มีรูปริศนาโผล่ขึ้นมา

ทั้งหมดนี้คือวิธีขมวดปมแรกของ The Whole Truth หรือ ปริศนารูหลอน ที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ แม้ในช่วงต้นของเรื่องที่หนังชวนคนดูทำความรู้จักกับตัวละครจะดูยืดย้วยและไม่จำเป็นมากนัก แต่การที่หนังเริ่มหยอดประเด็นใส่เหตุการณ์ลงไป ก็ช่วยสร้างความตื่นเต้นและน่าติดตามขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ 

ในองค์แรก หนังเรื่องนี้ขยี้อยู่กับ ‘ความไม่รู้’ ของคนดูได้อย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากหนังจะนำจิ๊กซอว์ของเหตุการณ์บางส่วนออกไป เพื่อให้คนดูได้คาดเดาและติดตามผลลัพธ์ของเหตุการณ์ ความไม่รู้ที่หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมา ยังเล่นกับความประหม่า หวาดระแวง และน่ากลัว ได้อย่างน่าอัศจรรย์

ตาและยาย ที่ก็ไม่มั่นใจว่าเป็นญาติกันจริงๆ หรือแค่มิจฉาชีพ ชวนพลางคิดไปกลายๆ ว่าทำไมแม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับลูกๆ ไหนจะบรรยากาศและกิจวัตรภายในบ้านที่ดูแปลกประหลาด รวมไปถึงรูที่บ้างก็โผล่มา บ้างก็หายไป บ้างก็เห็น บ้างก็ไม่เห็นบ้าง เหล่านี้สร้างความพิศวงและชวนน่าขนลุก หากเผลอไปคิดตามว่าตัวฉันต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นจริงๆ 

และ ณ ตอนนั้นเองที่ ‘รู’ กลายเป็นตัวเอกของเรื่อง ซึ่งส่งผลให้หนังเรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียโผล่มาได้ชัดเจนด้วยเช่นกัน

ภายในวงกลมเล็กๆ ของกำแพงบ้านตาและยาย ค่อยๆ หนังหยอดเรื่องราวในส่วนที่ขาดหายไปของเนื้อเรื่องสลับกับฉากสยองขวัญเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะสมกับที่เป็นหนังระทึกขวัญ The Whole Truth พยายามสุดกำลังเพื่อให้เนื้อเรื่องถูกบีบอัดอยู่ในรูเล็กๆ เพียงเท่านั้น 

กลายเป็นว่าบรรยากาศของความไม่ปลอดภัยจากตาและยายและบ้านดังที่กล่าวไปข้างต้น ถูกกลบไปด้วยความสงสัยและใคร่รู้ตรงรูอย่างน่าเสียดาย ตรงนี้เองที่ The Whole Truth ได้เปลี่ยนจากหนังระทึกขวัญ เป็นหนังตามล่าหาความจริง สืบสวนสอบสวนเพื่อเติมจิ๊กซอว์ของเรื่องราวต่างๆ ให้สมบูรณ์แบบ ทำให้บรรยากาศในตอนแรกที่ผู้เขียนรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษหายไปถนัดตา 

อีกสิ่งสำคัญที่ลดความตื่นเต้นของหนังเรื่องนี้ลงอย่างมาก คือการตั้งท่าว่าจะคลายปมในองค์ท้ายที่ชัดเจนจนเกินไป โดยปกติแล้ว หนังที่จะมีการคลายปมที่พลิกผัน เรื่องราวที่เกินคาดของผู้ชมเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ต้องทำให้แนบเนียน ไม่ให้ผู้ชมจับไต๋ได้ระหว่างทาง เพื่อให้การเฉลยในองค์สุดท้ายดูยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ชมมากที่สุด 

แต่ The Whole Truth กลับเริ่มทำการคลายปมให้หลวมขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเรื่อง ส่งผลให้ในช่วงท้ายการเฉลยความจริงทั้งหมดจึงไม่รุนแรง ไม่กระแทกใจเท่าที่ควรเท่าไร ซึ่งสุดท้ายแม้หนังจะหาวิธีจบที่ค่อนข้างสวยงามและลงตัว แต่ทั้งหมดมันก็ถูกปูทางมาหมดแล้ว ในฐานะผู้ชมจึงทำได้เพียงรอให้ถึงเหตุการณ์และช่วงเวลาที่คาดไว้มาถึงเพียงเท่านั้น

ส่วนบทสรุปในตอนจบ ต้องยอมรับว่าประเด็นเรื่อง ‘ครอบครัว’ กลายเป็นสาระสำคัญในช่วงสุดท้ายที่ดูกี่ครั้งก็ยังอิมแพคอยู่เสมอ แม้ The Whole Truth ยังไม่สามารถเทียบขั้นหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่องเช่น Hereditary (2018) หรือซีรีส์อย่าง The Haunting of Hill House (2018) ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หนังเรื่องนี้ก็มีแนวทางของมัน โดยสร้างคำว่า ‘ครอบครัวไทยๆ’ เป็นลายเซ็นเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ชนิดที่ว่าหากตัดเรื่องราวแฟนตาซีออกไป ความสัมพันธ์ทางครอบครัวเช่นนี้ทุกคนต้องเคยสัมผัสไม่ว่ามิติใดมิติหนึ่งอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ยังน่าประทับใจและทำได้ดีตลอดมาทั้งเรื่องคือความละเมียดละไมของโปรดักชันที่ยังประคองบรรยากาศและมู้ดแอนด์โทนของหนังเรื่องนี้ได้อย่างเด่นชัด ความประทับใจส่วนตัวของผู้เขียนคือ การเนรมิตรหนังที่คอนเซ็ปต์เหนือจินตนาการอย่าง ‘รูปริศนา’ ในกำแพงบ้าน ให้ออกมาดูสมจริง ดูเข้าถึงง่าย ดูเป็นไปได้ว่ารูแบบนี้จะสามารถเกิดที่บ้านฉันได้เช่นเดียวกัน 

รวมไปถึงการแสดงของ 2 ตา ยาย อย่าง ‘หมู’ – สมภพ เบญจาทิกุล และ ‘ก้อย’ – ทาริกา ธิดาทิตย์ ที่ตีความคุณตาใจร้อนผู้หวังพยุงครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ และคุณยายผู้กุมความลับความผิดปกติบางอย่างเอาไว้ในจิตใจและร่างกายของเธอ ให้มีเอกลักษณ์และโดดเด่นจนน่าประทับใจ หรือตัวละครแม่ที่แสดงโดย นิโคล เทริโอ ก็มาเปิดและปิดเรื่องให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และในส่วนของลูกทั้ง 2 คนที่แสดงโดย ‘ปันปัน’ – สุทัตตา อุดมศิลป์ และ ‘แม็ค’ – ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ แม้จะฉายแสงน้อยกว่า 3 นักแสดงคนก่อนหน้า ทั้งที่เป็นตัวละครหลักที่คอยดำเนินเรื่อง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่บรรยากาศเสีย และประคับประคองเรื่องไปจนตลอดรอดฝั่งได้อย่างไม่มีปัญหา 

สิ่งที่ต้องชื่นชนทีมงานคือ ความตั้งใจจะหารูปแบบ (Form) ใหม่ๆ ในการเล่าเรื่อง แม้เนื้อแท้หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังระทึกขวัญเคล้าดราม่าที่หลากหลายเรื่องเคยทำเอาไว้ก่อนหน้า แต่วิธีการเล่าผ่านรูก็ทำให้หนังเรื่องนี้ดูวูบวาบน่าสนใจและชวนค้นหาตามเป้าประสงค์แต่แรกของมัน 

หากมีการขมวดปมที่แหลมคมกว่านี้ จะทำให้หนังสมบูรณ์ในแบบของมันได้อย่างแน่นอน แต่ ณ ตอนนี้ เวลานี้ การมีหนังที่แหกขนบ ผี ตลก กระเทย พระ ได้เช่นเดียวกับ Deep (2021) และ Ghost Lab (2021) ที่ทำมาในช่วงต้นปี ก็เป็นความกล้าหาญที่ผู้เขียนในฐานะคนดูหนังคนหนึ่ง อยากสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อไปในอนาคตข้างหน้า

Tags: , , , ,