ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีประเด็นใดที่น่ากังวลใจไปกว่าเรื่องของยูเครนกับรัสเซีย วิกฤตความขัดแย้งที่สร้างความวิตกไปทั่วโลก จนประชาชนจำนวนมากต่างส่งเสียงสาปแช่งประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ผู้สั่งปฏิบัติการทางทหารในการโจมตีครั้งนี้ 

ระหว่างที่ผู้เขียนกำลังติดตามสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมภาพข่าวของประชาชนทั้งสองฝ่ายที่ต้องละทิ้งชีวิตอันสงบสุขและหันมาหยิบอาวุธปืนขึ้นสู้ ก็นึกถึงภาพยนตร์สงครามอิงประวัติศาสตร์เรื่อง The Eight Hundred หรือในชื่อภาษาไทย นักรบ 800 ที่เพิ่งกลับมาลงฉายอีกทางสตรีมมิงเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งมีบางส่วนคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

คำเตือน: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วนของภาพยนตร์เรื่อง The Eight Hundred

1

The Eight Hundred ว่าด้วยเรื่องเหตุการณ์การทำสงครามระหว่างจีนและจักวรรดิญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1937 โดยหยิบยกช่วงหนึ่งของ ‘ยุทธการเซี่ยงไฮ้’ ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้รุกคืบบุกยึดปักกิ่ง และเข่นฆ่ากองกำลังปฏิวัติแห่งชาติจีนที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งจนแตกพ่ายถอยร่นมาถึงเซี่ยงไฮ้ เมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมและแหล่งการค้าสำคัญของจีน ณ เวลานั้น ทำให้ผู้นำทัพอย่าง จอมพลเจียง ไคเชก ตัดสินใจออกคำสั่งการถึงกองพล 88 ที่เหลือรอดรั้งท้ายอยู่จำนวนเพียง 452 นาย ให้รักษาเมืองเอาไว้ เพื่อเป็นด่านหน้าก่อนถึงเมืองหลวงนานกิง

เมื่อได้รับคำสั่งดังกล่าว ผู้พันเซี่ยจิ้นหยวน (รับบทโดย ตู้ เฉวิน) ได้นำกองพล 88 เข้าตรึงกำลังตั้งรับยังจุดที่เรียกว่า ‘โกดังสี่ห้าง’ (อ่านออกเสียงเป็นภาษาจีนว่า ซื่อหังชางคู่)  อดีตโกดังเก็บเงินของ 4 ธนาคารใหญ่ ที่ตัวอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 6 ชั้น และมีความกว้างสองหมื่นตารางเมตร ด้วยความแข็งแกร่งผนวกกับตัวอาคารที่ใหญ่โตทำให้มีชัยภูมิแข็งแกร่งไม่ต่างจากป้อมปราการ พร้อมประกาศข่าวลวงข่มขวัญศัตรูว่าพวกเขามีจำนวนกำลังพลเหลือรอด 800 นาย (จุดนี้เองถือเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อภาพยนตร์)

2

จากเรื่องย่อข้างตน หลายคนคิดว่าภาพยนตร์สงครามต้องมีวีรบุรษระดับแม่ทัพเป็นตัวเอก แต่เอาเข้าจริงภาพยนตร์เรื่องนี้กลับเล่าผ่านมุมมองของทหารตัวเล็กตัวน้อยหลายสิบรายที่ถูกเกณฑ์มาแบบไม่เต็มใจ บ้างเป็นชาวนา ชาวสวน ช่างไม้ มือลูกคิดบัญชีในธนาคาร ไปจนถึงเด็กไร้เดียงสาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แน่นอนว่าการถูกมัดมือชกให้จับปืนหันหน้าเอาชีวิตมนุษย์ด้วยกันย่อมไม่ใช่วิถี ขณะเดียวก็ต้องเอาชีวิตให้รอดจากคมกระสุน ท่ามกลางสายตาจดจ้องอยู่กับภาพอันสยดสยองของเพื่อนร่วมรบที่บาดเจ็บล้มตาย ไม่ต่างจากนรกบนดิน

นอกจากมุมมองของฝั่งทหาร ตัวบทภาพยนตร์ยังโฟกัสผู้คนที่อยู่อีกฟากฝั่งแม่น้ำของตึกโกดังสี่ห้าง อันเป็นเขตปลอดสงครามและพื้นที่เช่าสากลอยู่ของชาวต่างชาติ อาทิ อังกฤษ อิตาลี และฝรั่งเศส ทำให้จักรวรรดิญี่ปุ่นไม่กล้าแตะต้อง เพราะเกรงจะต้องเปิดศึกกับชาติตะวันตก ขณะเดียวกันก็มีชาวจีนที่มีอันจะกินร่วมอาศัยอยู่ด้วย ท่ามกลางความเจริญแสง สี เสียง ตระการตาเปรียบเสมือนสวงสวรรค์ เราจึงได้เห็นคนกลุ่มนี้ไม่รู้สึกรู้สา มองสงครามเป็นเรื่องไกลตัว วางตัวเป็นกลาง กระทั่งมองเป็นการพนันก็มี และเมื่อทหารนายใดหวาดกลัวหนีทัพข้ามฝั่งมา พวกเขาก็พร้อมตะเพิดไล่ราวกับไม่ใช่คน เพียงเพราะกฎห้ามข้ามเขตแดน 

3

แม้ผู้กำกับอย่างกวนหู่ จะออกตัวว่า The Eight Hundred คือภาพยนตร์ยกย่องเชิดชูวีรกรรมของทหารหาญ 452 นาย และเฉลิมฉลองวาระครบรอบครบ 70 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งหน้าฉากของภาพยนตร์พยายามจะทำให้คนดูเห็นตามที่กล่าว แต่หากมองให้ลึกไปถึงแก่น ผู้ชมจะได้พินิจพิเคราะห์ถึงความโหดร้ายของสงคราม และทิฐิของผู้นำชาติ ที่มองประชาชนรวมทั้งทหารผู้น้อยเป็นแค่หมากกระดานตัวหนึ่ง เพื่อให้คงไว้ซึ่งอำนาจส่วนตน เฉกเช่นที่จอมพลเจียง ไคเชก สั่งการถึงกองพล 88 ให้สู้รบยืนหยัดตลอดระยะเวลา 3 วัน ที่มีการประชุมกับเก้าชาติมหาอำนาจ ณ เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อหวังให้ชาติอื่นเห็นถึงความแข็งแกร่ง และหันเข้าช่วยเหลือต่อต้านญี่ปุ่น โดยไม่แยแสว่ากองพล 88 ต้องเผชิญกับความโหดร้ายใดบ้าง

 

“คำสั่งท่านจอมพลให้คุณอยู่ที่นี่เป็นเพียงการแสดงให้โลกตะวันตกเห็น หากทหารของคุณยืนหยัดได้ก็ไม่ใช่นักรบหรอก คุณเห็นนักแสดงละครที่อยู่อีกฝากไหม อย่าเปลี่ยนความกล้าหาญให้เป็นเรื่องน่าขบขัน” 

 

คำกล่าวด้านบนคือฉากหนึ่งในเรื่องที่ผู้การกองกำลังปฏิวัติแห่งชาติจีนกล่าวกับผู้พันเซี่ยจิ้นหยวน ให้ถอนทัพออกจากโกดังสี่ห้าง ภายหลังการเจรจาต่อเก้าชาติมหาอำนาจล้มเหลว ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถอธิบายได้ดีถึงผลกรรมที่ทหารผู้มีสถานะอีกด้านเป็นประชาชนตาดำๆ ต้องได้รับด้วยการสละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ต่างจากบทละครบทหนึ่ง แม้ก่อนหน้านั้นจะเคยปลุกใจให้พวกเขาลุกขึ้นสู้ โดยมี ‘เอกราช’ และ ‘ครอบครัว’ เป็นคำกล่าวอ้างสวยหรู

4

น่าเสียดายที่ตัวบทภาพยนตร์ไม่ได้กล่าวถึงศึกภายในบ้านระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มี เหมา เจ๋อตง เป็นผู้นำ ซึ่งเกิดในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และแสดงให้เห็นถึงการช่วงชิงขั้วอำนาจท่ามกลางกองกำลังจักรวรรดิญี่ปุ่นที่เคาะหน้าบ้านรอมร่อ แม้สุดท้ายความขัดแย้งนั้นจะยังส่งผลตรงมาถึงปัจจุบัน เมื่อพรรคก๊กมินตั๋งถูกขับออกไปตั้งรกรากใหม่ในนามไต้หวัน และพรรคคอมมิวนิสต์ตั้งตนเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน ความขัดแย้งก็ยังไม่หมดสิ้น 

ภาพยนตร์ The Eight Hundred ถูกแบนโปรแกรมฉายในเทศกาล Shanghai international Film Festival 2019 เพียงเพราะมีฉากหนึ่งที่มีการนำธงชาติไต้หวันมาใช้ ทั้งที่หากอิงตามหลักฐานประวัติศาสตร์ ธงดังกล่าว ณ เวลานั้น ถือเป็นธงชาติจีน และเกือบจะถูกห้ามฉายในจีน จนทีมงานต้องนำไปตัดต่อใหม่ให้เป็นธงสาธารณรัฐประชาชนจีนตามปัจจุบัน พร้อมปรับเปลี่ยนบทพูดหลายจุด แต่ก็ยังทำให้ภาพยนตร์ติดอันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศ แซงหน้า TENET ที่ฉายเวลาไล่เลี่ยกันด้วยรายได้รวม 424 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

 5

อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนข้างต้นเกิดขึ้นเฉพาะกับเวอร์ชันที่ฉายในจีนเท่านั้น ส่วนประเทศอื่นยังคงเป็นฉบับดั้งเดิม และหากเทียบกับงบโปรดักชันการถ่ายทำที่ผู้กำกับกวนหู่ได้รับ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องถือว่าทำออกมาได้ดียิ่ง ไม่ว่าจะการจำลองตึกโกดังสี่ห้างให้มีสภาพตามบันทึก CGI ฉากสู้รบ และซาวนด์ประกอบชวนหวาดเสียว ที่กดดันราวกับได้อยู่กลางสมรภูมิจริงๆ และน่าจะถูกใจคอหนังสงคราม หากไม่นับข้อเสียเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ที่มีมากจนเอียนเหมือนหนังสงครามทั่วๆ ไป

สุดท้ายผู้เขียนขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ‘สงคราม’ ไม่เคยสร้างสันติภาพ ความมั่งคั่ง และความสงบสุขอันยั่งยืนได้ เช่นที่หน้าบันทึกประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ‘ประชาชน’ แทบจะไม่ได้ผลประโยชน์อันใดนอกจากความสูญเสีย ฉะนั้นมนุษย์ควรใช้สติปัญญาหากลไกแก้ไขปัญหาให้สมเหตุสมผลกับนิยามความเป็นสัตว์ประเสริฐ

ไม่ต้องถึงขั้นโลกในอุดมคติแบบยูโทเปีย เพียงแค่ไม่ต้องมีใครตายเพื่อแลกกับผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจก็พอแล้ว…

Fact Box

  • ภาพยนตร์ The Eight Hundred เคยได้รับรางวัล Asian Film Awards 2021 สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม และ Australian Academy  Awards 2020 สาขาเทคนิคสมจริงยอดเยี่ยม
  • สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Eight Hundred (นักรบ 800) ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
Tags: , , ,