Falling in love

(เหมือนกำลังตกหลุมรัก)

너에겐 난 Option

(สำหรับเธอฉันคงเป็นเพียงตัวเลือก)

시작부터 다른 너와 나

(เธอและฉันที่แตกต่างกันตั้งแต่เริ่มต้น)

สำหรับ ‘The ODD Of LOVE in BANGKOK’ ถือเป็นคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบ ในรอบ 4 ปี 8 เดือน ของ คิม แทยอน (Kim Tae-yeon) ที่เหล่า ‘โซวอน’ (ชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของวง Girls’ Generation) ให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม 

ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากการที่บัตรคอนเสิร์ตที่จำหน่ายหมดเกลี้ยงทุกที่นั่งอย่างรวดเร็ว ทำสถิติศิลปินเคป็อปหญิงเดี่ยวคนแรก ที่สามารถขายบัตรคอนเสิร์ตที่จัดใน อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี กว่า 18,000 ใบได้หมดเกลี้ยง 

ครองบัลลังก์อย่างสง่างามยิ่งใหญ่สมกับเป็น ‘Vocal Queen’

แทยอนกับบทบาทในด้านต่างๆ ไร้ที่ติ

สำหรับคนที่สงสัยว่าเหตุใด แทยอน จึงกลายเป็นขวัญใจของแฟนเพลงชาวไทยขนาดนี้ ในความเป็นจริงหลายคนอาจรู้จักหรือเคยเห็นหน้าเธอในฐานะสมาชิกวง เกิร์ลส์เจนเนอเรชัน (Girls’ Generation) เกิร์ลกรุ๊ปที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับไอดอลรุ่นใหม่ๆ ซึ่งในช่วงเวลานั้น เธอเองก็ไม่ได้เป็นที่จดจำในฐานะศิลปินเพียงอย่างเดียว เพราะเราก็มักจะเห็นเธอในบทบาทต่างๆ ออกไปเสมอ ไม่ว่าจะเป็นดีเจ พิธีกร นักพากย์การ์ตูน และอื่นๆ

อย่างเช่นในช่วงนี้ แทยอนยังคงรับหน้าที่เป็นพิธีกรร่วมในรายการ Amazing Saturday ได้โดยไม่เคอะเขินและทำภารกิจได้ดีในทุกสัปดาห์ อีกทั้งเธอยังเป็นพิธีกรหลักของรายการเซอร์ไววัล Queendom Puzzle 

กระทั่งในช่วงที่ทำการแสดงคอนเสิร์ตที่ไทยในครั้งนี้เองก็ตาม หลังแทยอนจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจทำการแสดงคอนเสิร์ตให้โซวอนชาวไทยได้ชมอย่างเต็มที่ ทันทีที่เดินทางกลับไปถึงเกาหลี เธอยังทำหน้าที่พิธีกรเพียงคนเดียวในรายการได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

เส้นทางในฐานะศิลปินเดี่ยวแทยอน

แน่นอนว่าบทบาทศิลปินของเธอ คือเส้นทางเอกสำหรับการเติบโตเป็นที่รักของผู้คนอย่างทุกวันนี้ ในปี 2008 แทยอนตบเท้าเข้ามาในวงการเพลงประกอบละครผ่านซีรีส์เรื่อง Hong Gil Dong ในบทเพลง If 

นี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนทั่วไปรู้จักและยอมรับ คิม แทยอน ในฐานะนักร้องเสียงดีมีเอกลักษณ์ นอกจากจะสามารถลบคำสบประมาทที่เคยได้รับในช่วงเดบิวต์ใหม่ๆ แล้ว เพลง If ยังได้รับรางวัล Month – February ในปี 2008 รายการ Cyworld Digital Music Award ด้วย

ในปีเดียวกัน แทยอนยังได้รับเลือกให้ร้องเพลงประกอบละคร Beethoven Virus ในบทเพลง Can Your Hear Me ทำให้ความสามารถของเธอยิ่งได้รับการพิสูจน์อีกครั้ง  โดยคราวนี้เปลี่ยนมาร้องเพลงบัดลาด (Ballad) ซึ่งเหมาะกับน้ำเสียงของเธอเป็นอย่างมาก จนเป็นที่กล่าวขานกันว่า แม้เราจะไม่ได้อกหักหรือเสียใจ แต่เราสามารถเสียน้ำตาให้กับเพลงของแทยอนได้อย่างง่ายดาย

ยู ยองซอก (Yoo Young-seok) นักแต่งเพลง เล่าถึงปรากฏการณ์นี้ว่า “เสียงร้องของแทยอนให้ความรู้สึกเหมือนผู้หญิงที่หย่ามาแล้ว 7 ครั้ง” เพราะเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเรื่องราว แม้จะเป็นแค่เพลงประกอบละคร แทยอนก็ยังสามารถทำให้เพลงเหล่านี้ติดชาร์ตอันดับต้นๆ อยู่เสมอ และนอกจากนี้ยังมีเพลงที่ขึ้นชาร์ตอย่าง Missing You Like Crazy, All With You, Closer, I Love You และ All About You

ในเดือนตุลาคม ปี 2015 แทยอนได้เดบิวต์อีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว เปิดตัวด้วยเพลง I ซึ่งเธอได้ร่วมแต่งเนื้อเพลงด้วย และแน่นอนว่าก็ยังได้รับการตอบรับจากผู้ฟังชาวเกาหลีอย่างอบอุ่นเช่นเคย อีกทั้งยังได้รับถ้วยรางวัลในรายการเพลงมากถึง 11 ถ้วย 

ก่อนที่หลังจากนั้น แทยอนจะมีผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมินิอัลบั้ม 4 ชุด และอัลบั้มเต็ม 3 ชุด คือ

– ปี 2016 มินิอัลบั้มชุดที่ 2 ‘Why’

– ปี 2017 อัลบั้มเต็มชุดที่ 1 ‘My voice’

– ปี 2018 มินิอัลบั้มชุดที่ 3 ‘Something New’ 

– ปี 2019 อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ‘Purpose’

– ปี 2020 มินิอัลบั้มชุดที่ 3 ‘What Do I Call You’

– ปี 2022 อัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ‘INVU’ 

ซึ่งทั้งหมดนี้นั่นก็นำไปสู่การเติบโตในฐานะดาวดวงสำคัญของวงการเค-ป็อป ที่ในเวลาต่อมาเธอก็ได้มาพิสูจน์ความสามารถให้แฟนเพลงชาวไทยได้สัมผัสกับหูและตา ผ่านคอนเสิร์ต  ‘The ODD Of LOVE in BANGKOK’ 

ประสบการณ์หูเคลือบทองคำใน ‘The ODD Of LOVE in BANGKOK’

สำหรับการแสดงคอนเสิร์ต ‘The ODD Of LOVE in BANGKOK’ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 และ 13 สิงหาคม 2023 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในวันนั้น คือ สองชั่วโมงครึ่งเต็มอิ่มไปด้วยความสุขและความประทับใจที่ไม่อาจลืมได้

“แทยอนเป็นคนที่เราควรจะได้ฟังเค้าร้องสดซักครั้ง”

“ฟังแทยอนเหมือนหูเคลือบทองคำ”

“ชีวิตนี้ขอฟังแทยอนร้องสดซักครั้งให้เป็นบุญหูหน่อย”

เหล่านี้คือความเห็นของแฟนๆ ที่ออกมาโพสต์ข้อความถึงแทยอน แน่นอนว่าตำแหน่ง Vocal Queen ของเธอนั้นไม่ใช่สถานะที่จะได้มาง่ายๆ และเป็นที่เลื่องลือสำหรับเหล่าแฟนคลับว่าต้องได้ฟังเธอร้องเพลงสดๆ สักครั้งในชีวิต 

ซึ่งผู้เขียนเป็นหนึ่งในบุคคลที่เฝ้ารอที่จะได้ฟังแทยอนร้องสดสักครั้งในชีวิต 

ในวันนั้น บรรยากาศรอบคอนเสิร์ตเต็มไปด้วยแฟนคลับที่เตรียมมามอบความรักให้กับแทยอน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวตามเดรสโค้ดที่เหล่าแฟนคลับนัดกัน ในวันที่ 12 แฟนๆ แต่งตัวในธีมสีชมพูและขาว ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของวง Girls’ Generation และในวันที่ 13 ได้นัดกันใส่เสื้อผ้าธีมสีม่วงและดำ ตามสีที่แทยอนชอบ

โดยรอบหลังได้มีบูธสำหรับถ่ายภาพในตู้ (Photo Booth) เพื่อเป็นที่ระลึก ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนคลับเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากที่พวกเขายืนอดทน ต่อคิวเรียงกันยาวถึง 5 แถว 

ส่วนของการขายสินค้า (Merchandise) อย่างเช่น แท่งไฟ ก็หมดภายในไม่ถึงชั่วโมง ก่อนที่ของที่ระลึกอื่นๆ เช่น กระเป๋า หมวก จะหมดภายหลังตามลำดับ

จนเมื่อถึงเวลาเริ่มการแสดง แทยอนปรากฏตัวด้วยชุดเดรสสีดำ และเริ่มทำการแสดงด้วยเพลง INVU ซึ่งแฟนคลับก็ได้ร้องเพลงและให้กำลังใจศิลปินดังไปทั่วทั้งฮอลล์ สะกดคนดูได้อย่างอยู่หมัดเพียงแค่เริ่มต้น 

สำหรับผู้เขียน เมื่อได้ฟังเพลงแรกไป ก็รับรู้ได้ทันทีว่าทำไมเราถึงควรได้ฟังแทยอนร้องสดสักครั้ง เสียงร้องกับแทยอนกับดนตรีสดเป็นสิ่งที่คู่ควรที่สุดสำหรับการฟัง โปรดักชันทั้งในส่วนของแสงและเสียงนั้น เรียกได้ว่าแทบจะถอดแบบมาจากโปรดักชันเกาหลี มีจอขนาดใหญ่ตรงกลาง ด้ายซ้ายและด้านขวา ส่วนของเวทีรองนั้นเป็นจอ LED ที่เป็นเวที ถือว่าคุ้มค่าการรอคอยเป็นอย่างมาก

เพลงถัดมาในโชว์ครั้งนี้ เป็นเพลงที่เแตกสลายกับความรักจนรู้สึกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่าง Can’t Control Myself ซึ่งเวทีเปลี่ยนเป็นสะเก็ดไฟ และกลายเป็นไฟลุกสีแดง ในขณะที่เพลง 그런 밤 (Some Nights) เป็นสีน้ำเงินสลับกับขาวเหมือนแสงจากดวงดาวที่ส่องประกาย ขณะที่เพลง Set Myself On Fire ก็เล่นกับความรู้สึกกำลังถูกแผดเผาด้วยกราฟิกที่ขึ้นภาพแทยอนกับภาพคบเพลิง แล้วแปรเปลี่ยนไปตามเพลง ทำให้เหมือนมีการถูกเผาด้วยไฟสีน้ำเงิน กับเสียงร้องที่ทรงพลังทำให้ไม่สามารถละสายตาไปจากเวทีได้

เพลง Siren แทยอนขึ้นเวทีมาด้วยชุดขาวพร้อมกับโชว์การเต้นที่เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี ในต้นเพลงนั้น หากมองเวทีและจอ LED ข้างหลังจากมุมสูง จะเหมือนการถูกคลื่นซัดเข้าฝั่ง แต่พอถึงท่อนตรงกลางเพลง ภาพทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นภาพใต้น้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ มีการใช้เอฟเฟกควันเพื่อเพิ่มความพิเศษของเวทีขึ้นไปอีกขั้น 

ส่วน Cold as Hell เป็นเพลงที่เรียกได้ว่าประทับใจมากๆ เพลงหนึ่งก็ว่าได้ เพราะการแสดงของแทยอนนั้นช่างตราตรึงในใจเป็นอย่างมาก และเมื่อผสมกับโปรดักชันของเพลงนี้ที่มีการเล่นกับไฟ ทั้งไฟในฮอลล์ ไฟเลเซอร์บริเวณโดยรอบ หรือแม้กระทั่งกราฟิกในจอ LED และสุดท้ายปิดจบเพลงด้วยพลุ เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่สุด

ในเพลง 품 (Heart) แทยอนเคยพูดไว้ว่าร้องเพลงนี้ให้กับโซวอน เป็นการนั่งร้องเพลงอย่างสบายๆ กราฟิกไฟกลางเวทีหลักทำให้รู้สึกว่า เรากำลังนั่งฟังแทยอนร้องเพลงอยู่บนบัลลังก์ ในขณะที่เพลง 어른아이 (Toddler) ได้เปลี่ยนสีแท่งไฟทั้งหมดเป็นสีเขียวสลับกับสีชมพู เพลงนี้ไม่ได้เน้นแสงสีเท่าไร แต่หากเป็นเพลงที่พูดถึงเรื่องราวชีวิตที่เคยเชื่อว่าตอนจบทุกอย่างจะสวยงามเหมือนดั่งเทพนิยาย แต่พอโตขึ้นสิ่งที่คาดหวังไว้มักจะไม่ใช่ การเก็บซ่อนความรู้สึกเป็นเรื่องปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังฝันเหมือนตอนเด็ก

ระหว่างนี้คั่นด้วยเพลง VCR Something new น่าเสียดายที่โซวอนชาวไทยไม่ได้ฟังเพลงนี้กับวงดนตรีที่พร้อมกับเสียงแทยอน หลักจากจบก็เปลี่ยนอารมณ์กับเพลง Weekend แทยอนออกมาพร้อมกับความสดใสด้วยชุดสีฟ้าขาว และกราฟิกบนจอที่ล้วนมีแต่ภาพแทยอนและ ZERO (สุนัขของแทยอน) ที่ตกแต่งด้วยภาพการ์ตูน ทำให้เรายิ้มได้กับความน่ารักสดใสตรงหน้า ก่อนที่จะชวนคนดูไปสนุกกันต่อด้วยเพลงรักที่อยากเลิกรักอย่าง No love again 

และเช่นเคย เมื่อกราฟิกบนเวทีเป็นการไดคัตภาพแนวสดใส แฟนเพลงก็จะได้โยกเบาๆ ไปกับเพลง You Better Not ที่สื่อความหมายว่า ไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว หากความรักต้องเจ็บปวดก็เชิญเธอเจ็บปวดไปคนเดียวเถอะนะ

สำหรับเพลงจังหวะดนตรีสนุกๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงกลอง คีย์บอร์ด กีตาร์ เบส ทำให้เราสนุกไปกับสิ่งตรงหน้า คงต้องยกให้  스트레스 (Stress) ซึ่งเป็นเพลงที่แฟนๆหลายคนรอคอยกับท่าเต้นสุดเท่ของแทยอนที่เรียกเสียงเชียร์กระหึ่มฮอลล์ 

เพลง Playlist ทำให้ความรู้สึกของผู้เขียนเหมือนตกอยู่ในห้วงความรัก แต่นั่นก็ยังไม่พอ แทยอนยังพาคนดูเดินทางไปกับความรักหลากรสต่อในเพลง What Do I Call You ด้วยแนวเพลง R&B Pop กับเสียงอันไพเราะ เพลง To The Moon เพลงป็อปจังหวะสบายๆ ชวนให้เราทิ้งทุกอย่างไว้ก่อน แล้วผ่อนคลายเสียหน่อย ซึ่งในเพลงยังมีกิมมิกท่าเต้นเล็กๆ โดยเหล่าแดนซ์เซอร์บนเวที และต่อด้วยเพลง 들불 (Wildfire) ที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมจากภาพเคลื่อนไหวประกอบที่จอด้านข้างเวทีเป็นรูปตัวการ์ตูนสุดน่ารัก 

ส่วนในช่วง Wildfire Outro Dance & Band Performance มีความพิเศษคล้ายกับการแนะนำวงดนตรีและนักเต้นของแทยอน สิ่งที่น่าประทับใจคือแฟนๆ ส่งเสียงและปรบมือให้กับทุกคนที่ขึ้นมาโซโล่ และมีภาพแนะนำตัวให้แต่ละคนระหว่างแสดง

แทยอนออกมาโชว์อีกครั้งพร้อมกับ เสื้อหนังสีดำที่เปิดไหล่กับเพลง 월식 (My Tragedy) เป็นการปรับมู้ดเข้าสู่ความเสียใจ เพียงแค่เริ่มด้วยประโยค “I don’t need nobody” หากหลับตาฟังก็รู้สึกเหมือนถูกบาดลึกในใจ พร้อมกับเริ่มต้นด้วยการโซโล่กีตาร์ ยิ่งทำให้รู้สึกกำลังอินไปกับเพลงที่ชวนให้รู้สึกกำลังเสียใจ

Better Babe เพลงนี้สื่อความผิดหวังในความรักได้เป็นอย่างดี ตอนเริ่มต้นเปรียบเสมือนการต่อยมวย ยังไม่ทันได้ตั้งตัวได้ดี ก็เหมือนถูกฮุกใส่จนล้มลง เป็นเพลงที่คู่ควรกับการฟังพร้อมกับดนตรีสด อีกทั้งกราฟิกตรงหน้าช่วยส่งอารมณ์ได้เป็นอย่างดี กับภาพต้นไม้ที่ร่วงโรยไม่เหลือใบ และก็มาถึงเพลงที่หลายๆคนรอคอย 사계 (Four Seasons) เพลงที่ชนะรางวัล DIGITAL DAESANG ในงาน Seoul Music Awards ถือว่าเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดจากงานประกาศรางวัลของเกาหลี

และก็มาสู่ช่วงสุดท้าย เปลี่ยนอารมณ์กับเพลง Timeless นับได้ว่าเป็นเพลงที่ความหมายดีมากๆ เพลงหนึ่ง ซึ่งแปลได้ว่าความรักของเรานั้นอยู่เหนือกาลเวลา หากพูดถึงเพลงที่ผู้เขียนรอคอยอีกเพลงหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ Fine และแน่นอนว่าผู้เขียนมีท่อนที่รอคอยอยู่อย่าง

나는 아니야

(ไม่ ไม่เลย)

쉽지 않을 것 같아

(ฉันไม่เคยคิดว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่าย ๆ)

여전하게도 넌 내 하루하루를 채우고

(ยังคงเป็นเธอที่คอยเติมเต็มคืนวันของฉัน)

아직은 아니야

(ยัง ยังหรอก)

바보처럼 되뇌는 나

(ฉันเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนโง่)

입가에 맴도는 말을 삼킬 수 없어

(ฉันเก็บคำพูดที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากเอาไว้ไม่ได้แล้ว)

It’s not fine

ท่อนฮุกที่ตราตรึงใจแบบที่ไม่สามารถลืมสิ่งตรงหน้าไปได้ การไฮโน้ตปล่อยพลังอย่างสุดความสามารถ เป็นเหตุผลที่ทำให้เราควรได้ฟังศิลปินหญิงคนนี้ร้องสดสักครั้งจริงๆ

และแน่นอนเพลงที่ขาดไม่ได้ก็คือเพลง I จุดเริ่มต้นของศิลปินหญิงเดี่ยวที่เคยจัดคอนเสิร์ตที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ในวันนั้น สู่ศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรก ที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี 2 รอบการแสดง และจำหน่ายบัตรหมดทุกที่นั่ง

น่าเสียดายที่ในครั้งนี้ไม่มีการแสดง Drawing Our Moments แต่ถือเป็นโชคดีที่แฟนๆ ชาวไทยได้โควตาพิเศษ คือโอกาสในการฟังเพลง Time Lapse แบบสดๆ มาแทน โดยผู้เขียนขอยกให้เป็นหนึ่งในผลงานที่ชอบมากที่สุดของแทยอน ซึ่งในการแสดงเวทีด้านหลังจะมีภาพกราฟิกคล้ายเวลาบนนาฬิกาที่เคลื่อนตัวไปช้าๆ เหมือนภาพถ่าย Time Lapse ผสมกับแสงจากแท่งไฟ ทำให้รู้สึกราวกับเรากำลังยืนอยู่บนเวลาท่ามกลางหมู่ดาว

 หลังจากเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็ได้มาถึงช่วง Encore แทยอนปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเอฟเฟกต์เปลวไฟร้อนแรง พร้อมกับเสียงเพลง 불티 (Spark) ที่ดังขึ้น ก่อนส่งท้ายคอนเสิร์ตอย่างสวยงามด้วยเพลง Ending Credits ที่เติมเต็มห้วงความรู้สึกไปด้วยเสียงร้องของแทยอน สมกับผู้เขียนรอคอยจะได้พบเธอมาอย่างยาวนาน

TAEYEON With SONE

การได้เจอแทยอนในรอบ 4 ปี 8 เดือน โซวอนชาวไทยก็ได้เตรียมโปรเจกต์อย่างยิ่งใหญ่ให้แทยอนทั้งสองวัน ในวันแรก (12 สิงหาคม 2023) ได้มีการติดแบนเนอร์ภายในคอนเสิร์ตบริเวณชั้น 2 ด้วยข้อความว่า ‘LOVE 태연 TO THE MOON & BACK’ ระหว่าง VCR Something New นั้นแฟนๆ ได้ทำโปรเจกต์สุดพิเศษให้กับแทยอนโดยสวมที่คาดผมเป็น ZERO (สุนัขคู่ใจของแทยอน) 

ในช่วงพูดคุยแทยอนก็ได้เอ่ยปากชมเหล่าโซวอน ที่ส่งเสียงเชียร์ โดยพูดชมเป็นภาษาไทยอย่างน่ารัก  

“โซวอนไทยเก่งจริงๆ”

“โซวอนไทยเยี่ยมจริงๆ”

อีกทั้งยังได้พูดถึงความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นในไทยกับเหล่าสมาชิกในวง

“พอมาถึงฮอลล์คอนเสิร์ตนี้ ก็คิดถึง Girls’ Generation มาก ๆ เลยค่ะ ตอนนั้นพวกเราอยู่ในห้องพักด้วยกันทั้งหมด เล่นกัน พูดคุยกัน ทุกอย่างล้ำค่าและเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ค่ะ

“ตอนที่เตรียมโปรดักชันคอนเสิร์ต ในการแสดงที่กรุงโซลจะมีจอ LED ที่พื้นเวทีทั้งหมดเลยค่ะ แต่ด้วยข้อจำกัดของแต่ละประเทศ บางที่ก็อาจจะไม่มีพื้นเวที LED ค่ะ แต่ในวันนี้ ฮอลล์คอนเสิร์ตเต็มไปด้วยพื้นเวที LED แบบนี้ สวยมากๆ เลยค่ะ และโซวอนที่ดูจากด้านบนก็คงจะดูกันอย่างเพลิดเพลินด้วย ฉันเลยรู้สึกปลื้มใจมากๆ เท่จังเลยค่ะ”

ในระหว่างช่วงพูดคุยในครั้งที่ 2 แทยอนก็ได้สังเกตเห็นโปรเจกต์ที่คาดผมและได้ทักทายเหล่าโซวอนว่า 

“ตอนแรกนึกว่าทุกคนเป็นคุณหมอหมดเลย พอมองดีๆ ก็คือเจโร่นั่นเอง”

“น่ารักมาก แทยอนขออันหนึ่งได้ไหมคะ”

“ทุกคนเลือกรูปที่สวยที่สุดน่ารักที่สุดของเจโร่มาใช้ เป็นรูปที่ดีที่สุดเลยค่ะ”

“น่ารักมากเลยค่ะ ความคิดของทุกคนน่ารักมากค่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะ จะเก็บไว้ให้ดีค่ะ”

“ดีใจที่ได้เจอเจโร่ในประเทศไทยนะคะ”

ในระหว่างช่วง Encore แฟนๆ ได้ร้องเพลง Into the New World เพื่อเป็นของขวัญให้แก่แทยอน เนื่องจากวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 16 ปีการเดบิวต์วงเกิร์ลส์เจนเนอเรชันของเธอ และในระหว่างเพลง 불티 (Spark) นั้น แฟนๆ ก็ชูป้ายที่มีข้อความว่า ‘16 Years to ∞ WE WILL LAST FOREVER’ รวมถึงการแปรกระดาษเรืองแสงเป็นคำว่า ‘TY4EVA (แทยอนตลอดไป)’ หลังจากแสดงจบเพลง เธอจึงเริ่มพูดคุยกับโซวอน

“โซวอนทุกคนคะ ขอบคุณสำหรับเพลงนะคะ”

“รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆนะคะ เพราะว่าตอนแทยอนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกคนก็ร้องเพลงรออังกอร์ด้วย” เธอเอ่ยชมและขอถ่ายรูปกับพวกเขาหลังเห็นแฟนโปรเจกต์

ส่วนในวันที่สอง (13 สิงหาคม) โซวอนไทยเลือกข้อความ ‘우리 사랑하는 탱구 (แทงกูที่รักของเรา) OUR HONEY, OUR DAISY, OUR ONLY’ มาติด และสวมที่คาดผมดอกเดซี่ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่แทยอนชอบระหว่าง VCR Something New อีกด้วย

“รู้สึกมีความสุขมากๆ ที่ได้เล่น 2 รอบในประเทศไทยแบบนี้นะคะ” และหลักจากที่แทยอนได้เห็นที่คาดก็ได้พูดว่า

“ทุกคนเลือกสิ่งที่แทยอนชอบหมดเลย”

“ชอบเดซี่เพราะว่าเห็นว่ามัน Simple มาก แต่ว่ามันบานสวยมากๆ เลยค่ะ”

“เมื่อวานที่คาดเป็นเจโร่ใช่ไหมคะ วันนี้ก็ขอบคุณที่เตรียมมาเป็นเดซี่ที่แทยอนชอบนะคะ”

“ความรักของทุกคน เอเนอร์จี้ของทุกคน เติมเต็มแทยอนเต็มที่เลยค่ะ”

หรืออย่างในตอนที่รอช่วง Encore ของคอนเสิร์ตวันที่สอง เหล่าโซวอน ก็ได้ร้องเพลง U R ที่อยู่ในอัลบั้มแรกให้แก่แทยอน และในเพลง 불티 (Spark) โซวอนก็ได้ชูป้าย ‘UR Our Favorite Melody’ และแปลกระดาษ ‘태연국 (ประเทศของแทยอน)’ ซึ่งเป็นการเล่นคำระหว่าง ประเทศไทย (แทกุก) และประเทศแทยอน (แทยอนกุก)

โดยการปรากฏตัวช่วง Encore ในงานวันที่สอง แทยอนสวมเสื้อม่อฮ่อมสีม่วงที่โซวอนมอบให้ เพิ่มความพิเศษโดยการจีบเสื้อข้างหลังทำให้เสื้อดูสวยขึ้นเป็นพิเศษ หลังจากนั้นเธอยังพูดหยอกล้อแฟนๆ ด้วยว่า

“วันนี้ใส่เสื้อที่โซวอนให้มาค่ะ”

“เสื้อมันน่ารักมากก็เลยเอามาใส่ค่ะ”

“ขอบคุณสำหรับเพลง UR นะคะ”

“เพลง UR เป็นเพลงที่ยากมาก แต่ขอบคุณที่ร้องพร้อมๆ กันนะคะ”

“หวังว่าครั้งหน้าจะได้รีบกลับมาหาด้วยคอนเสิร์ตสนุกๆ อีกนะคะ”และก่อนเข้าเพลงสุดท้ายแทยอนกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับโอกาส ที่ทุกคนทำให้แทยอนได้เล่นคอนเสิร์ตทั้งสองรอบในประเทศไทยนะคะ ขอบคุณทุกคนมากค่ะที่มากันเยอะขนาดนี้”

ถ้าว่ากันตามความรู้สึก คอนเสิร์ตสองวันคงไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของคนที่รอคอยฟังเสียงร้องเพลงของแทยอน ทว่าในความเป็นจริงนั้น สองวันกลับเพียงพอแล้ว เมื่อได้รับฟังการร้องเพลงที่เต็มไปด้วยไฮโน้ตที่ใช้เสียงร้อง เทคนิคขั้นสูง และการสื่ออารมณ์ที่พาเราดำดิ่งไปกับเพลง การมาแต่ละครั้งของเธอเหมือนเป็นการช่วยเยียวยาความรู้สึกและจิตใจของเหล่าโซวอนไทย และครั้งนี้เองก็เช่นกัน แทยอนได้ช่วยเติมเต็มความสุขและความทรงจำที่จะประทับอยู่ในใจแฟนๆ ไปได้อีกยาวนาน 

แม้คอนเสิร์ตครั้งนี้จะเต็มอิ่มมากเพียงใด พวกเราโซวอนก็ยังคงหวังว่าเธอจะกลับมาสร้างความสุขความน่าประทับใจให้อีกในเร็ววัน และหากเป็นไปได้ ก็หวังว่าคอนเสิร์ตครั้งหน้าจะถูกจัดขึ้นในฮอลล์ที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อให้เพียงพอสำหรับความต้องการและสร้างสถิติใหม่ในไทยไปอีกขั้น

อ้างอิง

https://www.soompi.com/article/1380228wpp/girls-generations-taeyeon-wins-her-1st-ever-solo-daesang-at-29th-seoul-music-awards-3-awards-in-total

https://forums.soshifanclub.com/index.php?showtopic=126433

https://www.nocutnews.co.kr/news/428198

https://annyeongoppa.com/2020/05/26/6-best-k-drama-osts-of-taeyeon-you-should-listen-to/

https://kpop.fandom.com/wiki/Taeyeon

Tags: , , , , ,