ในวันที่ใครหลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงจุดอิ่มตัวของอุตสาหกรรมบันเทิงเคป็อป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีกลุ่มศิลปินบอยแบนด์ที่กราฟความนิยมกลับพุ่งทะยานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง ‘RIIZE’ หรือ ‘น้องข้าว’ ศิลปินบอยแบนด์จาก SM Entertainment ที่การสำรวจจากสถาบันวิจัยธุรกิจเกาหลี (Korean Bussiness Research Institute) ระบุว่า พวกเขาติดอันดับ 1 ใน 10 บอยแบนด์ที่ดังที่สุดในวงการเคป็อป ณ ปัจจุบัน แม้ว่าอายุวงนับตั้งแต่วันที่เดบิวต์มาจะยังไม่ถึงปีก็ตาม

ความนิยมไม่เพียงพิสูจน์จากอันดับเท่านั้น แต่น้องข้าวยังได้รับการตอบรับจากแฟนๆ อย่างร้อนแรงจากทั่วทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทยกับการทัวร์แฟนคอนครั้งแรกอย่าง ‘2024 RIIZE FAN-CON RIIZING DAY in Bangkok’ ที่มีผู้เข้าร่วมทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคน 

มาวันนี้ The Momentum ขอพาผู้อ่านและเหล่าบรีซ (BRIIZE ชื่อทางการของกลุ่มแฟนคลับ) ย้อนความรู้สึก ชวนสัมผัสประสบการณ์ของการเจอกันครั้งแรกอีกครั้งหนึ่ง

Beep Beep Beep shuffle up feelin’ Up

ความประทับใจแรกเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วินาทีแรกที่แฟนคอนเริ่มขึ้น พร้อมกับการเชิญชวนให้เหล่าบรีซถ่ายรูปร่วมเฟรมกับ ‘น้องข้าว’ ทั้ง 6 คนอย่าง โชทาโร่ (SHOTARO), อึนซอก (EUNSEOK), ซองชาน (SUNGCHAN), วอนบิน (WONBIN), โซฮี (SOHEE) และแอนตัน (ANTON) สลับกันไป เรียกเสียงหัวเราะจากแฟนคลับได้ตลอดทั้งกิจกรรม

ทันทีที่โน้ตตัวแรกของเพลงสุดมันสไตล์ฮิปฮอปอย่าง SIREN เริ่มต้น น้องข้าวทั้ง 6 คนปรากฏตัวด้วยชุดแจ็กเก็ตสีแดงสลับน้ำเงิน พร้อมด้วยโปรดักชันสุดอลังการ ทำให้แฟนคลับต่างระเบิดเสียงกรี๊ดท่วมฮอลล์ธันเดอร์โดมได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะทักทายเหล่าแฟนคลับอย่างเป็นกันเอง เพื่อบอกว่าพวกเขาทั้ง 6 คนกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งแล้ว หลังจากห่างหายจากบรีซชาวไทยไปนานกว่า 10 เดือน นับตั้งแต่งานแฟนไซน์ครั้งที่ผ่านมา เมื่อเดือนกันยายน 2566

ในช่วงแรกของการเล่นแฟนคอนครั้งนี้ น้องข้าวยกการเล่นเกมและพูดคุยขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้นของการแสดง โดยช่วงแรกมีชื่อว่า ‘แคปซูลจาก BRIIZE ถึง RIIZE’ ที่จะเป็นการสุ่มคำถามจากผู้ชมและให้เหล่าเมมเบอร์ตอบ โดยหนึ่งในภารกิจที่เรียกเสียงกรี๊ดได้เป็นอย่างมาก คือการให้เมมเบอร์เป็นดีเจรายการวิทยุ เพื่อให้พูดประโยคบอกฝันดีแก่เหล่าแฟนคลับ ซึ่งภารกิจนี้จะทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สไตล์การพูดของแต่ละคนเป็นอย่างไร บางคนจะมีความ ‘เก๊ก’ ขณะที่บางคนจะมีความ ‘โก๊ะ’

ขณะที่ช่วงที่ 2 มีชื่อว่า ‘เรื่องราวการเติบโตแบบเรียลไทม์’ ที่เป็นการแสดงบทลงโทษจากการพ่ายแพ้ภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ของ ‘ทีมน้อง’ ที่มีสมาชิก 3 คน ได้แก่ วอนบิน โซฮี และแอนตัน ไม่ว่าจะเป็นการที่โซฮีต้องเต้นเพลง Bangkok City จากวง Orange Caremel หรือแอนตันที่ทำภารกิจพูดชื่อเต็มของกรุงเทพฯ แบบห้ามผิดแม้แต่นิดเดียว ระหว่างนั้นเอง แอนตันได้พนมมือระหว่างการทำภารกิจไปด้วย เรียกได้ว่า ‘ทีมน้อง’ ได้รับความเอ็นดูจากเหล่าแฟนคลับไปแบบเต็มๆ

ขณะที่ช่วงที่ 3 หรือ ‘Odyssey For Everyone’ ที่จะเป็นการแบ่งทีมเพื่อแข่งขันหาผู้ลงโทษอีกครั้ง โดยการแบ่งครั้งนี้ก็ยังเป็นเหมือนเช่นเคย คือเป็นการแบ่งระหว่าง ‘ทีมพี่’ และ ‘ทีมน้อง’ โดยทีมพี่จะมีสมาชิก 3 คน ได้แก่ โชทาโร่ อึนซอก และซองชาน 

โดยเกมแรกจะเป็นการแข่งขันระหว่างซองชานและวอนบิน เป็น ‘เกมเคลื่อนแก้วน้ำบนทิชชู’ โดยไม่ให้ขาด ซึ่งผลของการแข่งขันนั้นกลายเป็นว่า ‘วอนบิน’ ทำน้ำหก ทำให้ทิชชูขาดและแพ้ภายใน 3 วินาที ไปอย่างน่าเสียดาย

เกมที่ต่อมาจะเป็นการแข่งขัน ‘มวยปล้ำนิ้ว’ ที่การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด แต่ท้ายที่สุดก็เป็น ‘ทีมพี่’ ที่คว้าชัยชนะไปได้

ต่อด้วยเกมสุดท้ายอย่าง ‘การเลือกเพลงฮิตในไทย’ มาแสดงโดยมีตัวเลือกให้ 3 ชาเลนจ์ ได้แก่ Nightwalker-TEN, Situationship-4EVE และ น่ารักมั้ยไม่รู้-BUTTERBEAR แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้เลือกเพลงสุดน่ารักอย่าง ‘น่ารักมั้ยไม่รู้’ มาทำการแสดง เรียกความเอ็นดูและความมันเขี้ยวจากบรีซ ระหว่างการแสดงของเมมเบอร์ โดยเกณฑ์การตัดสินของเกมนี้นั้นจะวัดกันที่ ‘ความดัง’ ของเสียงเชียร์จากเหล่าแฟนคลับ โดยเป็นอีกครั้งที่ทีมพี่ชนะในเกมนี้ไป แม้ว่าทีมน้องออดอ้อนให้เหล่าแฟนคลับงดส่งเสียงเชียร์ก็ตามที

สุดท้ายทีมที่แพ้อย่าง ‘ทีมน้อง’ ก็ต้องจับสลากเพื่อหาตัวแทนทำบทลงโทษ โดยก็เป็น ‘แอนตัน’ อีกเช่นเคยที่รับบทลงโทษส่งต่อไปยังแฟนคอนที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป

นับว่าเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่สามารถส่งต่อความสนุกของเหล่าเมมเบอร์มายังแฟนคลับได้อย่างไม่ขาดสาย

ขณะที่พาร์ตของคอนเสิร์ตนั้น ในช่วงแรก RIIZE ได้เลือกเพลงจากศิลปินในตำนานอย่าง One Direction ด้วยบทเพลง One Thing พาเหล่าบรีซเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงร้องอันไพเราะของเมมเบอร์ ก่อนจะต่อด้วยการจัด Medley เพลง HAPPY! HAPPY! HAPPY! และ White Christmas จบด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง Love 119 เพื่อเป็นการปิดจบองก์ที่หนึ่งอย่างสมบูรณ์

ในองก์ที่ 2 เป็นช่วงที่น้องข้าวเปิดตัวออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมกับขนบทเพลงสุดฮิตอย่าง Honestly, Talk Sexy และ Get a Guitar เพื่อระเบิดความสนุกอย่างต่อเนื่องแก่เหล่าแฟนคลับ และยังยกระดับอุณหภูมิของแฟนคอนให้สนุกมากขึ้นไปอีกกับบทเพลงอย่าง 9 Days, Impossible และ Boom Boom Bass ที่เรียกเสียงเชียร์จากแฟนคลับชนิดที่ว่า ฮอลล์คอนเสิร์ตแทบแตก นับว่าเป็น ‘ช่วงพีกที่สุด’ ของแฟนคอนครั้งนี้

ก่อนที่ม่านและไฟจะหรี่ลง จอ LED แสดงเป็นโลโก้แฟนคอนครั้งนี้ เป็นที่รู้กันของแฟนคลับว่า ถึงช่วงของ ‘Encore’ กันแล้ว โดยเหล่าบรีซตะโกนเรียกเหล่าเมมเบอร์ให้กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งหนึ่ง ด้วยคำเรียกต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘ไรซ์’ ‘น้องข้าว’ หรือ ‘ฮง ซึงฮัน’ เมมเบอร์คนที่ 7 ของวงที่สถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างการพักกิจกรรมโปรโมตร่วมกับสมาชิกวงคนอื่น

หลังจากเสียงเรียกของแฟนคลับไม่นานนัก RIIZE ก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีอีกครั้งด้วยชุดสบายๆ เป็นเสื้อยืด กางเกงยีนส์ พร้อมตุ๊กตาประจำตัวห้อยติดออกมาด้วย ก่อนจะบอกเล่าความรู้สึกดีๆ ที่พวกเขามีต่อแฟนคลับ

“ตอนที่มางานแฟนไซน์ เคยคุยกันไว้ว่า อยากมีการแสดงที่ประเทศไทย ในที่สุดก็ได้มาอยู่ที่นี่ ที่เต็มไปด้วยบรีซแบบนี้ ผมมีความสุขมากๆ เลยครับ คิดถึงทุกคนมาก วันนี้ผมรู้สึกดีมาก ที่ได้สบตาทุกคนแบบนี้ ครั้งหน้าถ้าพวกเรากลับมาที่นี่ ทุกคนจะกลับมาหาพวกเราอีกใช่ไหมครับ” – โชทาโร่

“ทุกช่วงเวลาที่แสดง ผมมีความสุขมากครับ ทุกคนมีพลังที่ดี และมอบพลังงานดีๆ ให้กับพวกเราด้วยครับ เพราะพลังจากทุกคนจึงทำให้การแสดงออกมาสนุกมากครับ หวังว่าจะได้มาหาทุกคนอีกนะครับ” – อึนซอก

“ไอต้าว BRIIZE รักนะครับ” – ซองชาน

“ดีใจมาก ที่ได้ฟังเสียงสวยๆ ของบรีซครับ ยังจำครั้งแรกที่มางานแฟนไซน์ได้อยู่เลยว่า สวยงามมาก พอพวกเราปล่อยมินิอัลบั้มแรกก็อยากมาเจอแฟนๆ ครับ” – วอนบิน

“พวกเราได้สร้างช่วงเวลาที่ดีไปพร้อมกับบรีซชาวไทย รู้สึกว่าพวกเราสนิทกันมากยิ่งขึ้นไหมครับ หวังว่าจะได้เจอกันอีกบ่อยๆ นะครับ” – โซฮี

“การที่ได้มีโอกาสแสดงแบบนี้ที่ประเทศไทย อยู่ใน Bucket List ของผมครับ จำได้ว่าตอนมางานแฟนไซน์ครั้งแรก แฟนๆ มากันเยอะมาก เพราะเป็นความรู้สึกครั้งแรก เลยทำให้ผมคิดอยู่เสมอว่า BRIIZE ได้สร้างความทรงจำแบบนั้นให้กับผมที่ประเทศไทย ผมเลยอยากตอบแทนด้วยการแสดงแบบนี้ครับ” – แอนตัน

หลังจากนั้น น้องข้าวแสดงเพลงที่ความหมายลึกซึ้งอย่าง One Kiss ที่เป็นเสมือนคำสัญญาระหว่าง RIIZE กับ BRIIZE ที่จะรักกันตลอดไป อีกทั้งยังปิดท้ายการแสดงทั้งหมดด้วยเพลงอย่าง Memories ที่มี Mood&Tone สนุกสนาน แสดงถึงวัยเยาว์อันบริสุทธิ์อันเป็นจุดเริ่มต้นของวง

어렸을 적 외쳐 I’m a star

(ฉันในฐานะเด็กน้อย อยากจะประกาศว่า ฉันนี่แหละคือดวงดาว)

외딴 거긴 Mars

(โดดเดี่ยวอย่างกับดาวอังคาร)

땀방울 어린 우리 추억 어린

(หัวใจและจิตวิญญาณเข้าไปสู่ความทรงจำของพวกเรา)

사진 속 그 미소는 It’s all you

(รอยยิ้มในภาพเหล่านั้น มันคือทั้งหมดของคุณ)

จากความสนุกที่เกิดขึ้นในวันนั้น ไม่ใช่เพียงแค่แฟนคลับที่สัมผัสได้ แต่เหล่าเมมเบอร์เองก็สัมผัสได้เช่นเดียวกันจนมีอาการ ‘ไม่อยากกลับ’ เกิดขึ้น โดยก่อนที่ม่านเวทีจะปิดไป พวกเขาวิ่งกลับมาหาเหล่าบรีซอีกครั้งเพื่อขอบคุณเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจากกันไปเพื่อรอคอยการพบเจอกันในครั้งใหม่

LUCKY to meet RIIZE

เริ่มด้วยทีมพี่ใหญ่ โชทาโร่ ลีดดอร์และเมนเเดนซ์ประจำวง เปล่งประกายไปด้วยเสน่ห์และทักษะรอบด้านที่ทำได้ดีอย่างไร้ที่ติ พร้อมด้วยบุคลิกที่น่ารัก ยิ้มแย้มตลอดเวลา จึงมักถูกเมมเบอร์แกล้งให้แสดงท่าทางน่ารักอยู่เสมอ แม้จะเขินอยู่บ้าง แต่โชทาโร่ก็แสดงความน่ารักออกมาได้อย่างธรรมชาติ 

ตามด้วย อึนซอก น้ำเสียงหวานละมุน สะท้อนความ ‘คาริสม่า’ ผ่านการแสดงสุดเท่ สะกดทุกสายตาได้อยู่หมัด ด้วยใบหน้าคมคายและ ‘วิชวล’ ทะลุจอ ทำเอาแฟนคลับต่างตกตะลึงและส่งเสียงฮือฮาถึงความวิชวลของหนุ่มอึนซอก

ซองชาน แรปเปอร์หลักของวงมากความสามารถ เต็มเปี่ยมไปด้วย ‘พลัง’ และ ‘คาริสม่า’ แม้จะมีรูปร่างสูงโปร่ง แต่ก็จัดระเบียบร่างกายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน หรือขึ้นบนจอ LED ทีไร ก็เรียกเสียงกรี๊ดถล่มทลายจากบรีซ จนเขาต้องกรี๊ดสู้กลับเลยทีเดียว

และทีมน้องเล็ก นำโดย วอนบิน แม้จะตัวเล็กกว่าเพื่อนร่วมวง แต่มีพลังเหลือล้นทุกการแสดง ด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ และการเต้นที่แข็งแรง สมฐานะเซ็นเตอร์และวิชวลของวง การแสดงแฟนคอนครั้งนี้นั้น วอนบินแสดงให้เห็นว่า เป็นคนที่เอนเตอร์เทนเก่ง มีรอยยิ้มหวาน และแสดงออกถึงความขี้เล่น ที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะและความเอ็นดูจากบรีซได้ไม่ขาดสาย 

โซฮี เจ้าของเสียงหวานอันมีเอกลักษณ์ ชวนสะกดสายตาบนเวทีอยู่เสมอ หนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนที่พูดเก่งและน่ารักทุกการกระทำ แถมแรงดีไม่มีตก เปรียบเสมือน ‘วิตามินซี’ ประจำทีมที่คอยมอบพลังบวกและความสดใส ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้พบเห็นจะต้องยิ้มให้กับความน่ารักและน่าเอ็นดูอย่างแน่นอน

ส่วนน้องน้อยคนสุดท้าย ที่ความสามารถไม่น้อยตามอย่าง แอนตัน เขาเพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ล้นเวที ด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ปลายแหบและมีความเป็นเอกลักษณ์ ชวนให้รู้สึกอบอุ่นและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน ตัดกับบุคลิกหนุ่มน้อยตัวโต ขี้อาย ออดอ้อน และซุกซนตามวัย ทำเอาแฟนคลับใจละลายกันเลยทีเดียว 

และเป็นที่น่าเสียดายที่เมมเบอร์คนที่ 7 อย่าง ซึงฮัน ไม่สามารถเข้าร่วมการแสดงในครั้งนี้ได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงพักการทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกอย่างไม่มีกำหนด แต่บรรดาบรีซก็ส่งเสียงเรียกชื่อของเขาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับซึงฮัน พร้อมกับประโยค ‘RIIZE IS SEVEN’ ที่ดังกึกก้องไปทั่วฮอลล์

Memories of (B)RIIZE

ตลอดการแสดงกว่า 2 ชั่วโมง พิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ความสามารถและทักษะต่างๆ ในฐานะไอดอลเคป็อป เรารับรู้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกของการเจอกันว่า ‘RIIZE’ จะเป็น RIIZING STAR ในอนาคต

ไม่เพียงแต่ RIIZE เท่านั้นที่เตรียมการแสดงสนุกๆ มาฝากเหล่าแฟนคลับ ฝั่งของบรีซไทยก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน กับแฟนโปรเจกต์ตลอด 2 วันของการแสดง โดยวันแรกเป็นแบนเนอร์เขียนข้อความว่า ‘หลังจากเดินทางมาด้วยกัน 327 วัน ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว’ และการเปิดกล่องไฟเป็นคำว่า 라(이즈) 브(리즈) 뜨(뜬다) ที่แปลว่า ‘บินไปกันเถอะ’ 

และวันต่อมาเป็นแบนเนอร์ที่เขียนว่า ‘อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ’ และกล่องไฟเป็นอิโมจิรูปหัวใจและคำว่า RIIZE เพื่อเป็นการเซอร์ไพรส์บอกความรู้สึกขอบคุณน้องข้าวเช่นเดียวกัน

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนมีความเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า สัญญาระหว่าง RIIZE กับ BRIIZE ที่เราจะพบเจอกันอีกครั้ง จะเป็นสถานที่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าครั้งนี้ตามที่เมมเบอร์วาดฝันไว้อย่างแน่นอน

Tags: , , , , , , , , ,