นับตั้งแต่ประกาศเตรียมคอนเสิร์ตในประเทศไทยของ NCT 127 วงบอยแบนด์จากเกาหลีใต้ ใน NCT 127 3rd Tour ‘NEO CITY: BANGKOK – THE UNITY’ สร้างกระแสฮือฮาในโลกโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก กับการเล่นคอนเสิร์ตสเกล ‘สเตเดียม’ ครั้งแรกของศิลปินจากค่าย SM Entertainment ในประเทศไทยที่ธรรมศาสตร์สเตเดียมถึง 2 วันด้วยกัน จึงทำให้บัตรกว่า 5 หมื่นใบหมดทันทีหลังเปิดขาย สะท้อนถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของหนุ่มๆ ทั้ง 8 คน ที่เป็นไปอย่างมั่นคงและแข็งแรง

ผู้เขียนเชื่อว่า NCTzen ชาวไทยทุกคนต่างนับเวลาถอยหลังที่จะเจอกับหนุ่มๆ (เพราะผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในคนนั้นเช่นเดียวกันที่รอคอยอย่างตื่นเต้น) ผู้เขียนเห็นแฟนๆ หลายคนเตรียมของขวัญ เตรียมโปสเตอร์ และของกระจุกกระจิกน่ารักไปให้กัน 

อีกทั้งไม่ใช่แค่แฟนคลับเองที่ตื่นเต้นกับคอนเสิร์ตครั้งนี้เท่านั้น ผู้เขียนยังเห็นหลายภาคส่วนออกแคมเปญ และประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ห้างร้าน สถานีตำรวจ และองค์กรต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อให้งานเป็นไปอย่างราบรื่น

เราจะ Crazy!! ครั้งที่ 1

สำหรับบรรยากาศภายในวันงาน (27 และ 28 มกราคม 2024) ทันทีที่เท้าเหยียบลงไปบนสนามหญ้าบริเวณลานพญานาค ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงพลังงานของแฟนๆ ที่เอ่อล้นออกมา บางส่วนยืนต่อแถวถ่ายรูปกับป้ายแบ็กดรอป บางส่วนก็ยืนแลกของขวัญที่เตรียมมา และอีกบางส่วนก็ต่อแถวเพื่อรอเข้าไปชมคอนเสิร์ตภายในธรรมศาสตร์สเตเดียม

เมื่อเข้ามาในสถานที่จัดงาน ความรู้สึกแรกของผู้เขียนคือ “โห นี่สินะความยิ่งใหญ่” ของคอนเสิร์ตระดับสเตเดียม จอ LED ที่สูงกว่า 14 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่กลางสนาม Light & Sound ก็จัดเต็มมาก ยังไม่รวมกับแท่งไฟของแฟนคลับทุกคนที่ต่างโบกกันจนทั้งสนามกลายเป็นทะเลสีเขียวนีออน สว่างไสวไปทั่วสนาม

ภาพ: SMTrue

เราจะ Crazy!! ครั้งที่ 2

ทันทีที่แสงสีของแท่งไฟดับลง และเสียงดนตรีซินธิไซเซอร์ (Synthesizer) ขึ้นมา นั่นคือเป็นที่รู้กันแล้วว่าหนุ่มๆ ทั้ง 8 คน (ภายหลังเราจะขอเรียกว่า พี่ๆ) ทั้ง จอห์นนี่ (JOHNNY), แทยง (TAEYONG), ยูตะ (YUTA), โดยอง (DOYOUNG), แจฮยอน (JAEHYUN), จองอู (JUNGWOO), มาร์ค (MARK) และแฮชาน (HAECHAN) เริ่มการแสดงด้วยเพลง Punch ซึ่งสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ในชนิดที่ว่า ‘เชียงรากแทบแตก’ ก็ว่าได้ 

ภาพ: SMTrue

นอกจากนี้เหล่าหนุ่มๆ ยังขนเพลงอย่าง Superhuman, Ay-Yo, Crash Landing, และเพลงในอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 อย่าง Space และ Je Ne Sais Quoi มาสานต่อ Energy ของแฟนๆ ให้อยู่จนจบองก์ของแรกคอนเสิร์ต

ในองก์ที่ 2 พี่ๆ เปิดตัวมาในชุดสีดำพร้อมกับรถดับเพลิงจำลองระเบิดความร้อนแรงด้วยเพลงอย่าง ‘Fire Truck’ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ได้อย่างเคย แต่ในคราวนี้พี่ๆ ยกระดับความสนุกของคอนเสิร์ตขึ้นไปอีกหนึ่งระดับด้วยการ Mash-Up ของเพลง Chain และ Cherry Bomb ก่อนจะปรับอารมณ์ให้ผ่อนคลายลงมาด้วยการโชว์เสียงอันไพเราะด้วยบทเพลง Gold Dust, Fly Away With Me, White Lie และ Love is a beauty พร้อมกับแสง สี ของเวทีที่ฉายประกอบเพลงได้อย่างลงตัว 

ระหว่างการแสดง แฟนๆ เตรียมโปรเจกต์ต้อนรับพี่ๆ ทั้ง 8 คนไว้ด้วย คือการเปิดกล่องไฟเป็นรูปพระจันทร์และดวงดาว พร้อมกับคำว่า ‘127 DAY’ หมายถึง ‘ในวันนี้เป็นวันสำคัญของ NCT 127 และ NCTzen ชาวไทย’ ขณะที่วันที่ 2 แฟนโปรเจกต์เป็นรูปเครื่องบินที่มีหัวใจลอยติดไปด้วยกัน นำมาซึ่งการตีความของเมมเบอร์ในความหมายต่างๆ

ภาพ: SMTrue

สำหรับองก์ที่ 3 พี่ๆ เปิดตัวออกมาจากหลังเวทีด้วยชุดสีแดงอันร้อนแรง ปลุกเร้าความรู้สึกตื่นเต้นให้แฟนๆ อีกครั้ง พร้อมกับการซ้อมร้องเพลงสุดไอคอนนิคอย่าง ‘Kick It’ ไปพร้อมกับแฟนๆ อย่างกึกก้อง

LET ME INTRODUCE YOU TO SOME
NEW THANGS
NEW THANGS
NEW THANGS

เพลงในองก์ที่ 3 นี้เป็นการขนเอาเพลงชวนขยับตัวอย่าง ‘Kick It’ กับ ‘2 Baddies’ และเพลงไตเติลจากอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 อย่าง ‘Fact Check’ มาแสดงต่อกัน ทำให้โมเมนต์ดังกล่าวกลายเป็นช่วงที่พีกที่สุดของคอนเสิร์ตครั้งนี้ เหล่าแฟนๆ ร่วมประสานเสียงร้องกันอย่างคึกคักจนเหล่าเมมเบอร์ต้องเอ่ยปากชม NCTzen ชาวไทยว่า “ผมจะเครซี” คำพูดสุดฮิตจากรายการ VLOG WEEK ของยูทูเบอร์ชื่อดังชาวไทยอย่าง ‘ฟลุ๊คกะล่อน’ ธรรณพ แสงโอสถ 

เราจะ Crazy!! ครั้งที่ 3

และก่อนที่องก์สุดท้ายของคอนเสิร์ตจะเริ่ม ผู้เขียนคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่น่ารักมากๆ คือทีมงานฉายภาพข้อความต่างๆ ที่เหล่าแฟนคลับเตรียมมา เพราะในความเป็นจริงเราแทบไม่มีช่วงเวลาหรือโอกาสที่บอกเล่าความรู้สึกให้ศิลปินจริงๆ ตรงนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการส่งผ่านความรู้สึกไปถึงกันและกัน บางข้อความก็ยังได้เสียงตอบรับ เสียงหัวเราะจากแฟนๆ ที่มาอีกด้วย

ทันทีที่ทั้งสนามดับไฟเหลือเพียงความสว่างของทะเลสีเขียวนีออน เหล่าแฟนๆ ตะโกนเรียกอังกอร์ (Encore) เรียกให้ NCT 127 กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง ทำให้ทั้งสนามกึกก้องไปด้วยเสียงเรียกของแฟนๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ไฟสปอตไลต์ของสนามถูกฉายไปยังประตูด้านล่างสนามทั้งสองฝั่ง ปรากฏเป็นภาพเหล่าพี่ๆ นั่งอยู่บนรถรางออกมาด้วยความสดใส (ซึ่งเป็นที่คาดหวังของแฟนๆ) พร้อมกับบทเพลง ‘Angel Eyes’ ที่มีความหมายสื่อถึงการที่ NCTzen เปรียบเหมือน ‘แสงสว่างในคืนที่มืดมิด’ ระหว่างการแสดงนั้นเมมเบอร์ก็โยนลูกบอลที่เซ็นชื่อของตนเองแจกจ่ายไปทั่วสนาม

เมื่อสมาชิกวงกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง ก็เป็นคราวของ NCT 127 บ้างแล้วที่จะส่งสารความรู้สึกกลับไปยังเหล่าแฟนๆ ที่มาร่วมคอนเสิร์ต โดยพวกเขาขอบคุณทุกคนที่สร้างประวัติศาสตร์ไปด้วยกันในสเตเดียมแห่งนี้ ประเทศไทยสร้างความทรงจำดีๆ ให้กับเมมเบอร์ทุกคนเสมอมา และในครั้งนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นเหมือนเคย

“พวกเราสัญญาจะกลับมาหาในเร็วๆ นี้ด้วยอัลบั้มที่เท่ขึ้น รอพวกเราด้วยนะ”

ก่อนที่ม่านเวทีจะปิดลง เพลงสุดท้ายที่แสดงคือเพลง ‘Promise You’ เปรียบเป็นคำมั่นสัญญาระหว่าง NCT 127 กับ NCTzen ว่ายังมีกันและกัน และเราจะกลับมาพบกันใหม่ในวันข้างหน้าแน่นอน 

ภาพ: SMTrue

การแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ของ NCT 127 กว่า 3 ชั่วโมง ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นวงที่มีจุดแข็งด้านการร้องและการแสดงอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นการกลับมาเล่นคอนเสิร์ตในรอบกว่า 1 ปี หลังจาก NCT 127 2rd Tour ‘NEO CITY: BANGKOK – THE LINK’ ซึ่งเป็นการกลับมาแสดงในสถานที่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าครั้งก่อน ตามที่เมมเบอร์เคยให้คำมั่นสัญญากับเหล่าแฟนๆ ไว้

หลังจากจบคอนเสิร์ตผู้เขียนเชื่อว่า หลายคนคงได้รับพลังกลับไปไม่มากก็น้อย หลายคงอาจจะยังมีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองยังอยู่ในคอนเสิร์ตอยู่ บางคนอาจรู้สึกเสียใจที่พี่ๆ NCT 127 ต้องกลับเกาหลีใต้แล้ว แต่ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเครื่องการันตีว่าเรารักยังกันมากน้อยแค่ไหน และความรู้สึกเหล่านี้จะทำให้การกลับมาพบเจอกันในครั้งหน้าจะยิ่งใหญ่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และ Energy ที่มากกว่าครั้งนี้อย่างแน่นอน

“สุดท้ายนี้อยากจะบอกแค่ว่า

NCT 127, พวกพี่… สุดยอดว่ะ”

อ้างอิง 

https://twitter.com/NCT127THProject/status/1746041351186333831

Tags: , , , , , ,