การแต่งงานหรือการใช้ชีวิตคู่ในบ้านหลังเดียวกัน หลายคู่อาจคาดหวังถึงเรื่องบนเตียงที่จะได้ร่วมกิจกรรมกับคนรักอย่างเต็มที่ แต่สำหรับบางคู่อาจแต่งงานแล้วตกอยู่ในสถานการณ์ Sexless Marriage โดยไม่ตั้งใจ จากปัจจัยทางสังคมและอื่นๆ เหมือนความสัมพันธ์ของคู่แต่งงานในซีรีส์ Long Time No Sex 

Long Time No Sex หรือชื่อไทย คู่แห้งแล้งรัก ซีรีส์เกาหลีความยาว 6 ตอน ว่าด้วยความสัมพันธ์ของ อูจิน (แสดงโดย อีซม: Esom) กับซามูเอล (แสดงโดย อันแจฮง: Ahn Jaehong) คู่รักที่กำลังประสบปัญหาในชีวิตคู่ทั้งด้านการเงินและความรักความสัมพันธ์ กระทั่งเรื่องบนเตียง

อูจินทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรม และซามูเอลเป็นคนขับแท็กซี่ แต่เงินที่ทั้ง 2 คนหามาได้รวมกันเพียงพอเฉพาะค่าใช้จ่ายทั่วไปเท่านั้น ไม่มีเงินสำรองสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน จนนำไปสู่การเผชิญวิกฤตทางการเงินจนตกที่นั่งลำบากในที่สุด ขณะกำลังเครียดเรื่องเงิน อูจินกับซามูเอลกลับล่วงรู้ความลับว่า เพื่อนของซามูเอลมีชู้รักที่ซุกซ่อนเอาไว้ พวกเขาจึงรับเงินจำนวนมากจากเพื่อนเพื่อเป็นค่าปิดปาก 

ทั้งคู่ตัดสินใจหาเงินก้อนโตอีกครั้งด้วยการเป็นนักสืบชู้แบบพาร์ตไทม์ เพื่อเอาหลักฐานมาแบล็กเมล โดยมีเบาะแสแรกมาจากสมุดบันทึกข้อมูลลูกค้าที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งอูจินเป็นคนสังเกต และจดบันทึกเอาไว้ว่า แขกคู่ใดดูไม่คล้ายสามีภรรยา ในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ จากการเรียกเงินค่าปิดปากจากเหล่าคู่ชู้รักทั้งหลาย

ถึงจะหาเงินได้มาก แต่ดูเหมือนภาระทางการเงินถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน เมื่อเงินก้อนแรกที่หาได้ถูกใช้ไปกับการจัดงานวันเกิดอายุ 70 ปีให้กับพ่อของซามูเอลอย่างสมศักดิ์ศรี ในฐานะลูกชายคนเดียวอันเป็นสุดที่รัก ซามูเอลในฐานะความหวังของพ่อจึงต้องทุ่มทุนลงเงินไปกับการจัดงานนี้ ส่วนอูจินค้นพบว่า หลานสาวตัวน้อยของเธอเป็นอัจฉริยะในการเล่นเปียโน ซึ่งพี่สาวของเธอกลับไม่มีปัญญาส่งเสริมศักยภาพของลูกสาว เพราะปัญหาด้านการเงินไม่ต่างกัน จึงเป็นหน้าที่ของน้าสาวที่ต้องช่วยหาเงินส่งเสียเลี้ยงดู เพื่อให้หลานได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับพรสวรรค์

ในทางหนึ่งภรรยาคู่นี้เข้าข่ายการแต่งงานแบบไม่มีลูก (Double Income No Kids: DINK) ซึ่งหมายถึง คู่แต่งงานมีงานทำและมีรายได้ทั้งคู่ สามารถนำเงินที่หาได้มาใช้ปรนเปรอความสุขในฐานะคู่รัก แทนที่จะใช้ไปกับลูก จนดูเหมือนคู่ DINK ทั้งหลายน่าจะมีเงินเก็บอยู่มาก แต่นั่นไม่เสมอไป เพราะซามูเอลกับอูจินไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมากพอจะไปเที่ยวพักร้อนต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ และถึงไม่มีลูก แต่ยังมีครอบครัวดั้งเดิมของตนให้ต้องคอยจุนเจืออยู่เป็นระยะ รวมถึงภาษีทางสังคมอื่นๆ ที่คู่แต่งงานต้องจ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

เมื่อพิจารณาดูอีกครั้ง การแต่งงานแบบไม่มีลูกอาจไม่ใช่เจตจำนงแรกเริ่มของอูจินกับซามูเอลด้วยซ้ำ เมื่อได้เห็นการเลี้ยงลูกของเพื่อนซามูเอลที่มีความเพียบพร้อมทุกด้าน ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้ลูกเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ ท้ายที่สุดทั้งคู่อาจโดนความจริงตอกย้ำว่า ‘มีลูกไม่ได้’ เพราะการเงินไม่พร้อมและไม่มีวันพร้อม เมื่อค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงดูเด็ก 1 คนให้เติบโตเป็นเงินมหาศาล ขนาดที่ใช้เวลาหาเงินทั้งชีวิตก็ไม่พอ หรือกระทั่งว่ามีลูกไม่ได้ เพราะไม่มีเซ็กซ์กันเลย

Sexless Marriage

ซามูเอลกับอูจินแต่งงานมา 5 ปี นอกจากจะไม่มีลูก สามีภรรยาคู่นี้ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า มีเซ็กซ์กันครั้งสุดท้ายเมื่อไร ทั้งที่ตอนก่อนแต่งงานเคยบรรเลงเพลงรักกันกระหน่ำ จนแทบไม่น่าเชื่อว่า หลังจากพิธีวิวาห์จะกลายเป็นคู่แต่งงานเหี่ยวแห้งแล้งรัก และทั้งสองกำลังอยู่ในสถานการณ์ Sexless Marriage ซึ่งหมายถึงการแต่งงานที่แทบไม่มีเซ็กซ์ด้วยกันเลย ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากความเชื่อ รสนิยมทางเพศ หรือแม้กระทั่งสังคมก็ตาม

ผู้เขียนเกิดความสนใจขึ้นมาว่า ต้องมีเซ็กซ์กันน้อยแค่ไหนถึงจะเข้าข่าย Sexless Marriage โดยรายงานจากบีบีซี (BBC) ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนก็กำหนดจำนวนครั้งต่อปีแตกต่างกัน เฉลี่ยอยู่ที่น้อยกว่า 10 ครั้งต่อปี ถึงจะกล่าวว่าเป็นคู่แต่งงานที่เข้าข่าย 

สตีเฟน สไนเดอร์ (Stephen Snyder) นักบำบัดทางเพศ (Sex Therapist) จากนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี (BBC) ​ว่า Sexless Marriage คือการมีเซ็กซ์ 4 ครั้งปี หรือน้อยกว่านั้น เว้นแต่ว่าคู่รักคู่นั้นมีเซ็กซ์ทุก 3 เดือน และบอกว่ามันเป็นเซ็กซ์ที่ยอดเยี่ยม

ในขณะที่คิมเบอร์ลี แอนเดอร์สัน (Kimberly Anderson) นักบำบัดทางเพศ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์ (Psychiatry) จาก UCLA’s School of Medicine แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า การมีเซ็กซ์น้อยกว่าปีละ 25 ครั้งก็เป็น Sexless Marriage แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของคู่แต่งงานด้วยว่า จำนวนความถี่น้อยไปหรือไม่

คริสทีน โลซาโน (Christene Lozano) นักบำบัดทางอีกคนหนึ่งกล่าวถึงปัจจัยการเข้าสู่ห้วงของ Sexless Marriage คือ ‘ความต้องการที่เหลื่อมกัน’ (Desire Discrepancy) ขณะที่อีกฝ่ายอยากมีเซ็กซ์แต่อีกฝ่ายไม่อยากมี พออีกฝ่ายมีอารมณ์ อีกฝ่ายก็เหนื่อยเกินกว่าจะร่วมกิจกรรมได้ และหากโดนคนรักของตนเองปฏิเสธการมีเซ็กซ์บ่อยครั้ง จะทำให้สูญเสียความนับถือในตนเอง (Self-Esteem) และฝ่ายปฏิเสธก็รู้สึกผิดเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น สุขภาพจิตที่ทำให้การมีเซ็กซ์เป็นเรื่องยาก และปัจจัยทางสังคม อย่างความเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือการเลี้ยงดูลูก เรื่องเซ็กซ์จึงค่อยๆ เลือนรางจากชีวิตคู่ รวมถึงการที่คู่แต่งงานไม่สื่อสารกันถึงความต้องการทางเพศของตนเอง และสถานการณ์นี้เกิดขึ้นได้กับคู่แต่งงานทุกวัย

กลับมาที่อูจินกับซามูเอล ทั้งคู่ไม่ได้ไร้อารมณ์ทางเพศเสียทีเดียว ยังมีฉากการช่วยตัวเอง (Masturbate) และความพยายามที่จะมีเซ็กซ์กัน เพื่อให้สมกับการเป็นสามีภรรยา ไปจนถึงหาวิธีการใหม่เพื่อปรุงแต่งให้เกิดกิจกรรมทางเพศ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร ทั้ง 2 คนก็ไม่สามารถลิ้มรสหฤหรรษ์บนเตียงได้เลย

จนอูจินสงสัยว่า ความเหนื่อยหน่ายภารกิจรักของซามูเอล เป็นเพราะสามีแอบนอกใจเธอหรือไม่ แต่ซามูเอลตอบกลับมาว่า “การมีชู้ต้องใช้เงิน” และแน่นอนว่าตัวเขาไม่มีเงินพอจะทำเรื่องแบบนั้น

แต่ในเมื่อการมีเซ็กซ์สำหรับคู่แต่งงานเป็นกิจกรรมบันเทิงที่ไม่ต้องจ่ายเงินสักแดง ทั้งคู่กลับไม่สามารถมีเซ็กซ์กันได้ด้วยหลายเหตุผล คู่นี้อาจจะคล้ายกับคู่แต่งงานหลายคู่ ที่เหนื่อยกับการทำงานหนัก หามรุ่งหามค่ำ จนอารมณ์ทางเพศหดหาย หรือหากมีอารมณ์ทางเพศขึ้นมา ก็ไม่ตรงกัน จังหวะเวลาไม่ได้ สุดท้ายก็จบลงที่ต่างฝ่ายต่างนอนหันหน้าคนละทาง และต้องตื่นมาทำงานในเช้าวันถัดไป วนอยู่แบบนี้หลายปี จนเรื่องเซ็กซ์กลายเป็นปัญหาเรื้อรังในชีวิตคู่

ความเหนื่อยจากภาระงานคือชั้นนอกสุดของปัญหา ถ้าเทียบกับหัวหอมก็เพียงแค่เปลือก หากปอกเปลือกออกจะพบว่า ปัญหาด้านในทับซ้อนกันอยู่หลายชั้น เช่นเมื่อเปลือกแห่งความเหนื่อยหลุดออกไป ก็เผยให้เห็นว่าปัญหาคือเรื่องเงิน ทั้งคู่ต้องกระเสือกกระสนหาเงินเพราะต้นทุนในชีวิตมีน้อย

แม้ซามูเอลจบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) 1 ใน 3 มหาลัยที่ดีที่สุดในเกาหลีใต้ แต่ไม่ได้การันตีว่า เขาจะได้งานเงินเดือนสูง ปัญหาชั้นถัดมาจึงเป็นเพราะโครงสร้างทางสังคม ไม่ว่าจะในประเทศเกาหลีใต้หรือประเทศไทย แทบไม่เปิดโอกาสให้ชนชั้นกลางถึงชนชั้นล่างได้สร้างเนื้อสร้างตัวเลย แม้แต่การมีอะพาร์ตเมนต์เป็นของตนเองสักห้อง ยังต้องตรากตรำเลือดตาแทบกระเด็น สะท้อนว่า ต่อให้หาเงิน 2 ทางอาจพอจ่ายแค่ปัจจัยสี่ ไม่เหลือพอให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จนทำให้ต้องหาเงินด้วยวิธีไม่สุจริตเท่าใดนัก

หลายคนอาจคิดว่า การแต่งงานใช้ชีวิตคู่คือการหาร 2 สำหรับค่าใช้จ่ายอย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แต่หากคนที่มีภาระทางบ้าน การแต่งงานกลับกลายเป็นภาระคูณ 2 ด้วยซ้ำ เพราะมี 2 ครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูจนไม่เหลือเงินเก็บ

สำหรับอูจินกับซามูเอลเมื่อเริ่มหาเงินได้มากขึ้นจากการแบล็กเมลชู้ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสะท้อนว่า เรื่องเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ของคู่รัก ในขณะที่อารมณ์ปรารถนาต่อกันกำลังก่อร่างสร้างตัวใหม่อีกครั้ง แต่มันกำลังพาทั้งคู่ทะลวงลึกเข้าไปยังแก่นของปัญหา

เมื่อความรัก การแต่งงาน และเซ็กซ์ เป็นเรื่องเดียวกัน

ในบรรดาคู่ชู้รักที่อูจินกับซามูเอลตามสืบและเรียกเงิน บางคนกำลังเผชิญปัญหาบนเตียงในหลายมุมต่างกันไป จึงทำให้ต้องออกมาหาความสำราญกับคนใหม่ จนมีเซ็กซ์ผิดที่ ผิดเวลา และกลับเป็นคนที่ใช่เสียอย่างนั้น บางคนมีลูก 2 คน แต่กลับไม่เคยรู้ว่า รสชาติของการจูบเป็นอย่างไร เพราะสามีไม่เคยจูบเธอ หรือบางคนที่แอบนอกใจตอนภรรยาตั้งครรภ์ท้องโต ไม่เว้นแม้แต่ภรรยาที่เป็นแซฟฟิกและมีชู้รักเป็นเลสเบี้ยน เหล่านี้คือความสัมพันธ์ที่พัฒนาจากแผลขนาดเล็กจนกลายเป็นแผลฉกรรจ์

การไม่คุยกันถึงความต้องการทางเพศกับคนรัก และเก็บซ่อนความปรารถนาเอาไว้ภายใน คือเชื้อไฟที่จะก่อเพลิงไหม้ได้ในวันใดวันหนึ่ง เมื่ออูจินได้รู้ว่า ซามูเอลเกิดอารมณ์ทางเพศได้ในสถานการณ์ที่ต่างออกไป และซามูเอลสารภาพกับภรรยาว่า ช่วงที่เขาเป็นพ่อบ้านอาศัยช่วงที่อูจินไปทำงานช่วยสาวข้างบ้านทำความสะอาดบ้าน บ่อยครั้งเขามีอารมณ์ทางเพศกับสาวข้างบ้านขณะช่วยกันเช็ดถูปูเตียง

แม้เขาจะปฏิเสธว่าตอนนั้นเป็นเพียงความปรารถนาในใจ ไม่เคยไปถึงจุดที่มีความสัมพันธ์ทางเพศ แต่ซามูเอลต้องไขว้เขวอีกครั้ง เมื่อสาวข้างบ้านคนนั้นกลับเข้ามาในชีวิต ประกอบกับความเจ็บช้ำในอดีตที่ประเดประดังเข้ามาในสมองของซามูเอล เมื่อเขารู้ว่าความจริงมาตลอดว่า อูจินเคยแอบไปมีเซ็กซ์กับแฟนเก่า 1 ครั้ง เพราะความโมโหที่เขาไม่ตอบสนองเรื่องเซ็กซ์ให้เธอจนทะเลาะกันใหญ่โต

การแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องน่าพิศวงอย่างหนึ่ง เมื่อทั้ง 2 คนเห็นหน้าค่าตากันทุกวัน ใช้พื้นที่ร่วมกัน นอนเตียงเดียวกัน พูดคุยสัพเพเหระ แต่กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องความต้องการทางเพศ เพราะการอยู่ใกล้กันตลอดเวลาและไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน เป็นภาพลวงตาให้คิดว่าชีวิตคู่ไม่มีปัญหา และไม่ควรขุดคุ้ยปัญหาที่ซุกซ่อนขึ้นมา ไปจนถึงการละเลยความรู้สึกของคนรัก และความต้องการทางเพศ นำไปสู่ขาดการติดต่อทางร่างกายไปในที่สุด

การอยู่ในบ้านเดิมทุกวันทำให้เบื่อหน่ายบรรยากาศ และพาลเบื่อคู่ของตนเองได้ คู่แต่งงานจึงต้องมีเวลาไปท่องเที่ยวตากอากาศเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในฐานะคู่รัก แต่อูจินกับซามูเอลไม่มีเวลามากพอ และก่อนหน้านั้นก็ติดปัญหาเรื่องเงิน ทำให้ทั้งคู่ขาดเซ็กซ์ การออกเดินทางสืบหาชู้คู่อื่น จึงพาตัวละครไปเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ เหมือนกับคู่รักทั่วไป ทำให้ทั้งคู่พูดคุยเปิดใจกันมากขึ้น กะเทาะใจจนเปิดเผยให้เห็นปัญหาชั้นในสุด แม้จะเปิดออกมาแล้วกลายเป็นระเบิดขีปนาวุธก็ตาม

ตรงจุดนี้เป็นปัญหาคลาสสิกของชีวิตคู่ แต่สำหรับซีรีส์เรื่องอื่นกลับไม่ค่อยถูกหยิบยกมาเล่าอย่างตรงจุด และตรงไปตรงมาเหมือนเรื่องราวการนอกใจหรือมีชู้เท่าไรนัก

ท้ายที่สุดทั้งคู่จบปัญหาด้วยการหย่าร้าง และบางครั้งปัญหาไม่ได้อยู่แค่บนเตียงเสมอไป แต่มันอยู่ข้างนอกรอบตัวเรา นานวันเข้าเกิดการสะสมเป็นขยะจนลุกลามเข้าไปถึงห้องนอน

เห็นได้ชัดว่า ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของอูจินและซามูเอลเป็นเพราะปัจจัยทางสังคม เพราะเมื่อถอดปลั๊กความกดดันความสัมพันธ์ทางกายก็กลับมาเชื่อมต่อ ทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้งแบบปลดเปลื้องภาระในชีวิตออกไปจนหมด ถึงเวลาปลดเปลื้องเสื้อผ้า และจบลงบนเตียงด้วยกันอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างที่เคยพยายามมาตลอดตอนดำรงตำแหน่งสามีภรรยา

Sexless Marriage ไม่ใช่ความสัมพันธ์ประหลาด หรือเป็นความสัมพันธ์ชำรุดที่ต้องได้รับการซ่อมแซมเสมอไป แต่อย่าลืมว่า Sexless Marriage ที่ดีต้องมาจากความต้องการและยินยอมทั้ง 2 ฝ่ายที่เห็นตรงกัน และจัดลำดับเซ็กซ์ให้สำคัญน้อยกว่าเรื่องอื่น ซึ่งไม่ใช่การเมินเฉยต่อเซ็กซ์ หรือพยายามปกปิดปัญหาที่มีต้นตอมาจากรสนิยมบนเตียงเข้ากันไม่ได้

 

อ้างอิง

https://www.bbc.com/worklife/article/20221019-the-millennials-in-sexless-marriages 

Tags: , , , , , , , , , , ,