แม้ยังไม่มีการจัดอันดับที่ชัดเจนสำหรับเกิร์ลกรุ๊ปในวงการ K-Pop แต่ปัจจุบันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ในปี 2024 aespa เป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มีความนิยมสูงมาก หลังสมาชิกทั้ง คาริน่า (Karina), จีเซล (Giselle), วินเทอร์ (Winter) และหนิงหนิง (NingNing) ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากยอดชาร์ตในรายการเพลง อัลบั้ม บัตรคอนเสิร์ต รวมไปถึงกระแสที่ไม่เคยหายไปจากหน้าสื่อ
และถึงวงมีอายุเพียง 3 ปีเศษ แต่พวกเธอก็สามารถสร้างสถิติใหม่และก้าวขึ้นสู่การเป็นศิลปินแถวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น การแสดงที่โตเกียวโดม ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจำหน่ายบัตรหมดทั้ง 2 รอบ รวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตล่าสุดในประเทศไทยอย่าง 2024 aespa LIVE TOUR ‘SYNK : PARALLEL LINE’ in BANGKOK เมื่อวันที่ 28-29 กันยายน 2567 ที่สถานที่จัดก้าวกระโดดจากธันเดอร์โดมสู่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งนอกจากมีขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว บัตรการแสดงทั้ง 2 รอบยังจำหน่ายหมดทันที แสดงให้เห็นว่า นอกจากเป็นที่นิยมในเกาหลีแล้ว aespa ยังเป็นที่นิยมในระดับนานาชาติอีกด้วย
ทันทีที่ม่านการแสดงในประเทศไทยเปิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมาชิกวงทั้ง 4 คนปรากฏตัวขึ้น เสียงเชียร์ก็กระหึ่มไปทั่วทั้งฮอลล์ ในครั้งนี้พวกเธอกลับมาพร้อมกับความยิ่งใหญ่ โปรดักชันแน่นขนัดจัดเต็ม ไม่ต่างกับคอนเสิร์ตที่จัดในประเทศบ้านเกิดอย่างเกาหลี โดยพวกเธอเริ่มด้วยเพลง Drama และต่อด้วยเพลงเดบิวต์อย่าง Black Mamba ก่อนส่งความต่อเนื่องไปกับเพลง Salty & Sweet และเพลงอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงฮิตอย่าง Supernova, Thirsty และ Prologue
แต่สำหรับผู้เขียนขอยกให้การแสดงเพลง Armageddon ชนะเลิศเป็นอันดับหนึ่ง จากความเพียบพร้อมด้วยจังหวะดนตรีและเพอร์ฟอร์แมนซ์ต่างๆ ที่เรียกได้ว่า พวกเธอใส่สุดกำลัง เมื่อรวมกับพลังของแฟนคลับ ยิ่งทำให้ภายในคอนเสิร์ตสนุกเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ภาพรวมของคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นไปอย่างไร้ที่ติ จนไม่เป็นที่แปลกใจเลยที่มีคำเรียกพวกเธอว่า ‘วงอันดับ 1 เจน 4’
นอกจากนี้ในส่วนของพาร์ตการโซโล่ของแต่ละคน ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า พวกเธอแต่ละคนมีความสามารถที่ต่างกันไป เริ่มจากจีเซลในเพลง Dopamine ที่เธอมีส่วนในการแต่งเนื้อร้องและทำนอง นอกจากสร้างเสียงกึกก้องแล้ว การแสดงยังมีความเซ็กซี่ สะกดคนดูได้อย่างอยู่หมัด ต่อด้วยคาริน่าในเพลง UP ที่เธอแต่งเนื้อร้องทั้งหมด พร้อมด้วยท่าเต้นสุดเท่และเสน่ห์เกินต้านทาน ก่อนจะเป็นหนิงหนิงที่มาพร้อมกับเพลง Bored! ที่เธอร่วมแต่งเนื้อร้อง สะกดผู้ชมกับความสวยด้วยแนวเพลงอาร์แอนด์บี และปิดท้ายด้วยเพลง Spark จากวินเทอร์ กับการโชว์โวคอลที่แสนพิเศษของเธอ
ในการแสดงทั้ง 2 รอบ แฟนคลับชาวไทยได้เตรียมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ โดยในวันที่ 28 กันยายน มีการแปรอักษรจากกล่องไฟเป็นคำว่า ‘나는 럭키 (ฉันโชคดี)’ และใส่ที่คาดผมเป็นรูป ‘เอเลี่ยน’ สื่อถึงคอนเซปต์อัลบั้มเต็มชุดแรก พร้อมกับชูป้ายสโลแกนว่า ‘เส้นขนานของ aespa และ MY ได้มาบรรจบกันในวันนี้’ ในขณะวันที่ 29 กันยายน แฟนคลับร่วมกันทำโปรเจกต์กล่องไฟ ‘MYs 에스파 (aespa)’ และใส่ที่คาดผมเป็นรูป ‘หมู’ สื่อถึงเกาะหมูของ BAHAMA และชูป้ายสโลแกนว่า ‘ไม่ว่าที่ไหนที่ aespa มองไป MY จะอยู่ตรงนั้นเสมอ’
‘ความรัก ความคิดถึง และพลังงานอันเปี่ยมล้นที่โคจรมาพบกัน’ อาจเป็นคำจำกัดความของความรู้สึกที่ผู้เขียนได้รับหลังจากชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพราะไม่เพียงแต่ทำให้แฟนคลับหายคิดถึงพวกเธอ แต่ยังเติมเต็มความรู้สึกให้พวกเธอมีพลังงานที่ดีกลับไปทำงานในอนาคต อีกทั้งยังสร้างพลังบวกให้กับสมาชิกอย่างจีเซล ที่ในหลายครั้งเธอถูกตั้งข้อครหาในความสามารถ แต่ในขณะเดียวกันการพัฒนาของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นให้เป็นที่ประจักษ์