ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้น่าจะเป็นหมวดหมู่ที่ทำให้เราตกหลุมรักง่ายที่สุด เพราะสวยงามไปด้วยความรัก ตลกขบขัน มีฉากซาบซึ้งกินใจ ดูได้สนุกๆ โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก บางทีก็ยังสามารถมาช่วยเยียวยาความอ่อนล้าทางจิตใจของเราได้ด้วย เมื่อหยิบมาดูเมื่อไรก็มักจะได้เรี่ยวแรงเล็กๆ กลับมา
ภาพยนตร์รอมคอมเรื่องล่าสุดที่คุณดูคือเรื่องอะไร? แล้วภาพยนตร์รอมคอมเก่าๆ เหล่านี้คุณเคยดูหรือเปล่า ถ้าตอบว่าไม่ อย่ามองข้ามภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่องนี้ที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับคุณได้แม้ในวันที่ฝนตกหนักจนอารมณ์หมองหม่น
10 Things I Hate About You (1999)
นี่เป็นภาพยนตร์ที่แจ้งเกิดให้กับฮีธ เลดเจอร์ ชายหนุ่มที่กลายเป็นโจ๊กเกอร์ในกาลต่อมา โดยเรื่องนี้เขาได้ร่วมงานกับจูเลีย สไตลส์ ดาราสาวที่ใครๆ ต่างก็หลงรักเธอจากบทบาทนี้ ทั้งยังมีหนุ่ม โจเซฟ กอร์ดอน ในวัยละอ่อนมาเสริมทัพ เขาช่างเป็นหนุ่มเด๋อที่สามารถขโมยหัวใจเราไปได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
10 Things I Hate About You ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เชกสเปียร์ เรื่อง The Taming of the Shrew ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงอยู่หลายครั้ง ทั้งโอเปร่า บัลเล่ต์ และละครเพลง จนมาถึงมือผู้กำกับ กิล จังเกอร์
คาเมรอน เจมส์ เป็นนักเรียนใหม่ เขาเพิ่งย้ายเข้ามาในโรงเรียนมัธยมพาดัว ซึ่งตั้งอยู่ที่ซีแอตเทิล และอย่างไม่ทันตั้งตัวคาเมรอนตกหลุมรักเบียงก้า สาวสวยที่พ่อของเธอออกปากห้ามไม่ให้เดทกับหนุ่มคนไหนก่อนที่พี่สาวจะมีแฟน เพราะเขารู้ดีว่าลูกสาวคนโตอย่างแคท ผู้มีทัศนคติต่อต้านสังคมเล็กน้อยจะไม่มีวันเดทกับชายคนไหนในเร็วๆ นี้
เรื่องราวจึงวุ่นๆ ชุลมุนๆ แต่ท้ายที่สุดไปจบลงตรงการจ้างแพทริคเพื่อให้เขาไปจีบแคท แพทริคเป็นเด็กหนุ่มที่มีข่าวลือประหลาดๆ มากมาย แต่เขาก็รับงานจ้างนี้เพื่อเงิน การพิชิตใจแคทไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเป็นตัวของตัวเองและไม่ทำตามความคาดหวังของใคร แผนการนี้จึงต้องได้รับความร่วมมือจากหลายคน มันดำเนินไปได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ความจริงคงถูกเปิดเผย แล้วทั้งสองก็ต้องผิดใจกันขณะที่หัวใจของพวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว หมัดฮุคของความสัมพันธ์นี้จึงอยู่ที่ตอนจบ ซึ่งหากไม่ได้ดูเราคงไม่เข้าใจว่าทำไมภาพยนตร์ถึงใช้ชื่อเรื่องนี้ แคทเกลียดแพทริค แต่เธอเกลียดอะไรในตัวเขาบ้างล่ะ?
ในวัยของการเปลี่ยนแปลง มันจึงมีประเด็นหลายอย่างให้เราต้องขบคิด การค้นหาตัวเอง การค้นหาความรัก การค้นหาเส้นทางของชีวิต ภาพยนตร์อาจไม่ได้แหวกออกไปจากสูตรสำเร็จมากนัก แต่เมื่อดูแล้วก็ทำให้หัวใจชุ่มชื้นมากทีเดียว ทั้งนักแสดงและเพลงประกอบจะสร้างรอยยิ้มให้กับเราตลอดทั้งเรื่อง และถ้าใครคิดถึงฮีธ เลดเจอร์ ก็ยิ่งควรค่าแก่การหยิบมาชม
Notting Hill (1999)
Notting Hill หลายคนยกให้เป็นที่หนึ่งของภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ และจูเลีย โรเบิร์ตส์ เป็นตัวเลือกหนึ่งเดียวเท่านั้นสำหรับบทบาท แม้ว่าตอนแรกเริ่มบทนี้จะไม่ได้เขียนมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ แต่เมื่อถึงคราวต้องเลือกนักแสดง ทีมงานก็ลงความเห็นว่าต้องเป็นเธอเท่านั้น จูเลียไม่ได้ตอบรับบทในทันทีเพราะไม่ได้ประทับใจเรื่องย่อมากนัก แต่เมื่อตัวแทนของเธอบอกว่ามันเป็นภาพยนตร์โรแมนติกที่ดีที่สุดที่เธอเคยอ่าน จูเลียจึงอ่านบททั้งหมดแล้วตัดสินใจว่าฉันจะรับบทนี้ ส่วนบทนำฝ่ายชาย ฮิวจ์ แกรนท์ ก็คว้าไปด้วยเสียงที่เป็นเอกฉันท์ เพราะเขากับริชาร์ด เคอร์ติส นักเขียนบท คือคู่ที่ร่วมงานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มันเป็นเรื่องราวของวิลเลียม แธ็กเกอร์ หนุ่มเจ้าของร้านหนังสืออิสระย่านน็อตติ้งฮิลล์ของอังกฤษ แล้ววันหนึ่งอยู่ๆ นักแสดงฮอลลีวูดอย่าง แอนนา สก็อตต์ ก็ปรากฎตัวในร้านของเขา ระหว่างเขากับเธอคงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งวิลเลียมพบเธออีกบริเวณถนน และเขาก็ทำเธอเลอะไปด้วยกาแฟ จุดเล็กๆ นี้เองที่กลายมาเป็นส่วนต่อเติมในความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
จากนั้นทั้งสองก็พบกันอีกหลายครั้ง ทั้งด้วยเรื่องเปิ่นๆ อย่างการที่วิลล์โดนเข้าใจผิดว่าเป็นนักข่าว หรือด้วยเรื่องน่ารักๆ เช่นการชวนแอนนาไปทานข้าวกับที่บ้าน แต่แล้ววิลล์ก็ต้องผิดหวังจากความรักไป เพราะเหตุการณ์บางอย่าง ซึ่งเขาไม่เคยลืมเธอได้เลย… แล้วเมื่อผ่านไปหกเดือน แอนนาก็ปรากฎตัวที่บ้านเขาอีกครั้ง การพบกันครั้งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเดินหน้าอีกหน ปะปนไปด้วยเสียงหัวเราะและร้องไห้ และเราจะประทับใจกับฉากบอกรักในตำนานไม่รู้ลืม
ริชาร์ด เคอร์ติส เลือกน็อตติ้งฮิลล์เพราะที่นี่เป็นย่านที่เขาเคยอาศัยอยู่ และบ้านประตูสีฟ้าในเรื่องก็เป็นบ้านของริชาร์ดเอง ในภายหลังที่เขาขายบ้านไปแล้ว ด้วยความที่ภาพยนตร์มีเสียงตอบรับดีมากจึงมีคนจำนวนมากมาตามรอย ซึ่งหมุดหมายของพวกเขาก็คือประตูสีฟ้าหลังนี้ จนเจ้าของใหม่ทนไม่ไหวและทาสีประตูเสียใหม่ให้กลายเป็นสีดำ แต่เมื่อกรรมสิทธิ์บ้านถูกเปลี่ยนใหม่อีกบานประตูนี้ก็กลับมาเป็นสีฟ้าดังเดิม
Bridget Jones’s Diary (2001)
Bridget Jones’s Diary ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของเฮเลน ฟีลดิง ซึ่งเล่าเรื่องของสาวโสดคนหนึ่งออกมาได้อย่างหมั่นไส้และน่าเอาใจช่วยไปพร้อมๆ กัน ซึ่งภาพยนตร์มีภาคต่อออกมาอีกสองภาค ได้แก่ Bridget Jones: The Edge of Reason (2004) และ Bridget Jones’s Baby (2016)
เรเน่ เซลเวเกอร์ ดาราสาวที่มารับบทแสดงนำ เธอต้องเพิ่มน้ำหนักตัวถึง 25 ปอนด์เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นสาวอวบ และทำงานที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการแสดง เธอใช้นามแฝง รวมถึงปิดบังสำเนียงอเมริกันไว้อย่างแนบเนียน จนคนในที่ทำงานไม่มีใครเอะใจสักนิดว่าเธอคือเรเน่
บริดเจ็ต โจนส์ เป็นสาวโสดวัย 32 ปีที่มีความกังวลต่างๆ ในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องน้ำหนักตัวและความรัก ดังนั้นเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเดิม เธอจึงตัดสินใจเขียนไดอารี่ และตั้งใจว่าจะลดน้ำหนัก รวมถึงหาหนุ่มสักคนมาเคียงข้างให้ได้ และเธอก็ไม่ได้อาภัพรักเท่าไรนัก เพราะบริดเจ็ตได้คบกับเจ้าหน้าสุดหล่อ ดาเนียล คลีเวอร์ แต่ข้อเสียก็คือเขาดันเจ้าชู้ และทำให้เธอเจ็บช้ำอยู่เสมอ
ในที่สุดบริดเจ็ตก็ทนไม่ไหว เธอลาออกจากที่ทำงานเดิม แล้วย้ายไปทำงานรายการโทรทัศน์แทน ชีวิตของเธอวนเวียนไปมาจนกลับมาเจอมาร์ค ดาร์ซี อยู่เสมอ เขาคือเพื่อนวัยเด็กที่ไม่ค่อยสร้างความประทับใจให้กับเธอเท่าไร แต่การพบกันคราวนี้ช่างต่างไปจากเดิม และความจริงที่เปลี่ยนไปก็คือเขาชอบเธอ เมื่อทั้งสองเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน สิ่งที่เข้ามาขัดขวางดันกลายเป็นดาเนียล เขาอ้อนวอนให้บริดเจ็ตอภัย ซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องหวั่นไหว ความสัมพันธ์นี้จึงพลิกไปพลิกมาโดยมีบริดเจ็ตเป็นศูนย์กลางของความรัก
50 First Dates (2004)
แรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากผลงานของฮาโรลด์ เรมิส เรื่อง Groundhog Day (1993) และเดิมทีจะใช้ชื่อว่า 50 First Kisses แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนกับเรื่อง Never Been Kissed (1999) คำว่า Kisses จึงปรับเปลี่ยนเป็นคำว่า Dates แต่ทั้งนี้ในปี 2018 ภาพยนตร์รีเมคในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นก็ได้หยิบชื่อเรื่องนี้ไปใช้
เฮนรี่เป็นสัตวแพทย์ที่ดูแลบรรดาสัตว์น้ำในซีไลฟ์ปาร์ก ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮาวาย เวลาว่างเว้นจากการงานเขามักจะใช้มันไปกับการทลายกำแพงหัวใจหญิงสาวสักคน โดยที่ตัวเองหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ระยะยาวมาตลอด เฮนรี่ทำตัวแบบนั้นวันแล้ววันเล่า แต่เมื่อได้พบกับลูซี่ วิตมอร์ หัวใจที่เคยคิดว่าแข็งแกร่งก็หลอมละลาย เขาเกิดความสนใจในตัวเธออย่างประหลาด เมื่อเข้าไปพูดคุยด้วยยิ่งทำให้รู้สึกชื่นชอบเธอมากขึ้น เขาถึงขั้นเอ่ยปากชวนลูซี่มากินข้าวในวันต่อไป
พอวันรุ่งขึ้นมาถึง ลูซี่กลับจำเฮนรี่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยจนร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อนั้นเองเฮนรี่ถึงได้รู้ว่าลูซี่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง และความทรงจำของเธอจะจบลงภายในหนึ่งวัน ลูซี่ตื่นมาทุกเช้าโดยคิดว่ามันเป็นวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคมปีที่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเฮนรี่ก็ไม่ลดละความพยายามที่จะทำให้เธอรักเขา การตกหลุมรักจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ตราบที่หัวใจของเขายังมุ่งมั่น แต่มันจะมากพอให้ทั้งสองก้าวผ่านสิ่งที่เป็นอยู่ไปได้ไหม การตื่นมาพบกันอย่างคนแปลกหน้ามันช่างยากเย็นใครๆ ก็รู้…
ต่อให้เป็นความรักที่ไม่มีวันลืมและอยู่ด้วยกันตลอด เราก็ต้องการสิ่งเติมเต็มอยู่เสมอ เพื่อให้ตกหลุมรักกันอีกครั้งเรื่อยไป ไม่ใช่อยู่ด้วยกันบนความเบื่อหน่าย หรือความผูกพันอันเย็นชา หากแต่อยู่ด้วยเพราะความรักที่คงไม่สามารถมาใครมาแทนที่ได้ และแบ่งปันรอยยิ้มแก่กันตลอดไป
The Holiday (2006)
บทภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นโดยมีต้นแบบในใจเป็นคาเมรอน ดิแอซ, เคท วินสเลต, ฮิวจ์ แกรนท์ และแจ็ก แบล็ก ซึ่งจุดกำเนิดของเนื้อหามีที่มาจากแนนซี่ เมเยอร์ส ผู้กำกับและนักเขียนบทกำลังวางแผนการพักผ่อน แล้วบังเอิญไปเจอเว็บไซต์ที่เราสามารถแลกเปลี่ยนบ้านกันอยู่ได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นบ้านที่อยู่ในเมืองเดียวกันหรือประเทศเดียวกัน ซึ่งเว็บไซต์ที่ตัวละครใช้แลกเปลี่ยนบ้านกันก็เป็นเว็บไซต์จริงที่ชื่อว่า homeexchange.com
ไอริส ซิมป์กินส์ หญิงสาวจากลอนดอนที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับงานแต่งงานให้กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เธออาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ย่านชนบทของอังกฤษ โดยปราศจากคนรัก แต่จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะไอริสหลงรักเพื่อนร่วมงานมานานกว่าสามปี ซึ่งสุดท้ายเขาก็ไม่ได้แยแสเธอและหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น ในขณะเดียวกันเจ้าของบริษัทโฆษณาในลอสแองเจลิสอย่าง อแมนดา วูดส์ ก็พบว่าแฟนของเธอนอกใจ อแมนดาจึงรู้สึกตรอมใจและอยากหนีไปไกลๆ แล้วหญิงสาวทั้งสองคนที่กล่าวมาก็ได้รู้จักกันผ่านเว็บไซต์แลกเปลี่ยนบ้าน พวกเธอตกลงที่จะแลกบ้านกันเป็นเวลาสองสัปดาห์
เมื่อแต่ละคนต่างเดินทางไปถึง ไอริสตื่นตาตื่นใจกับความหรูหราของบ้าน ขณะที่อแมนดาผิดหวังกับความเงียบเหงาและคิดว่าจะตีตั๋วกลับบ้านหลังมาถึงแค่หนึ่งวัน แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับทั้งคู่ แทนที่จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนหัวใจกลับกลายเป็นว่าต้องว้าวุ่นมากขึ้น ฟากอแมนดาได้พบกับเกรแฮม พี่ชายของไอริส ส่วนทางฝั่งไอริสก็พบกับไมลส์ นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ผู้ช่วยแฟนเก่าของอแมนดา แต่ความรักครั้งนี้จะเป็นไปได้หรือในเมื่อทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจจะลงหลักปักฐานที่นี่ตลอดไป!?
Tags: ภาพยนตร์, โรแมนติก-คอเมดี้, หนังรอมคอม