การตกหลุมรักเกิดขึ้นได้ทุกชั่วขณะ บางครั้งรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว บางคราวนานในแบบที่ไม่ได้คาดคิด แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราจะสัมผัสถึงบ่วงรักที่รัดหัวใจได้ในทันที สิ่งที่เราคาดหวังต่อจากนั้นก็คงจะเป็นการที่ใครคนนั้นรับเราเข้าไปในหัวใจบ้างเช่นกัน

แต่ก่อนไปรักคนอื่น เราต้องรู้จักรักตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะหากเรามีความมั่นคงทางจิตใจ ไม่ว่าความรักครั้งนี้จะเลวร้ายแค่ไหน เราก็พร้อมจะรับมือกับมันได้ ถึงแม้เป็นความเสียใจก็ตามที ความรักของพวกเขา 5 คู่จาก 5 ภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่อุปสรรคอยู่ที่ความรู้สึกและหัวใจคนอีกคน หากแต่บางทีก็เป็นครอบครัว เพื่อนสนิท ไปจนถึงโรคร้าย เรามาดูไปพร้อมๆ กันว่าพวกเขามีวิธีการรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร เผื่อว่าสักวันเราจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

Il Mare (2000)

II Mare หมายถึง “ทะเล” ในภาษาอิตาลี โดยคำๆ นี้ถูกนำมาใช้เป็นชื่อบ้านพักริมทะเล อันเป็นที่ตั้งของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ ซึ่งนักแสดงนำของเรื่องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหญิงสาวที่เราคุ้นหน้าเป็นอย่างดี นั่นก็คือ จวนจีฮุน ยัยตัวร้ายที่เราหลงรักกันทั่วบ้านทั่วเมือง II Mare ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างชื่อเสียงให้กับเธอ ก่อนจะเดินทางไปถึง My Sassy Girl

Il Mare เป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนในปี 2006 Warner Brothers ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ ในชื่อ The Lake House ซึ่งนำแสดงโดย คีอานู รีฟส์ และแซนดรา บูลล็อก

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเขียนจดหมาย มันเป็นวันก่อนคริสต์มาสไม่กี่วันในปี 1999 ซึ่งตรงกับวันที่เธอย้ายออกจากบ้านริมทะเลสาบ สิ่งสุดท้ายที่เธอทำก่อนไปจากที่นี่คือการหย่อนจดหมายลงตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน หญิงสาวคนนี้มีนามว่าอึนจู จากนั้นเหตุการณ์ก็ตัดไปที่ชีวิตของชายหนุ่มอีกคน ซังฮุล สถาปนิกหนุ่มผู้ย้ายเข้ามาอยู่ยังบ้านริมทะเลสาบในปี 1997 และมันก็เป็นเขาเองที่พบจดหมายในตู้ แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่มีจดหมายอยู่ที่นั่น เพราะจดหมายลงวันที่ไว้ในปี 1999 และอีกอย่างเขาคือผู้อาศัยเป็นคนแรกของบ้าน ดังนั้น ซังฮุลจึงเขียนจดหมายต่อว่ากลับไป

จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดนี้คาบเกี่ยวอยู่บนปาฏิหาริย์ของเวลา ซังฮุลไม่ปักใจเชื่อในทันทีว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แต่อึนจูก็ลงรายละเอียดหลายอย่างได้ไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริงที่เกิดในปี 1997 มันจึงเป็นบ่อเกิดของการเป็นเพื่อนทางจดหมายระหว่างพวกเขา และอย่างที่เราคาดเดาไม่ผิด ความรักบนรอยต่อของเวลาได้ถูกจุดขึ้นแล้ว แต่มันคงจะสามัญกว่านี้ถ้าทั้งสองอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน เวลาที่ไม่บรรจบ คืออุปสรรคอันใหญ่หลวงที่เอาชนะได้ยากกว่าหัวใจ…

ในตอนหนึ่ง อึนจูบอกว่า “เรายังเจ็บปวดกับความรัก ไม่ใช่เพราะมันจากไป แต่เพราะมันยังอยู่ต่างหาก” บ่อยครั้งที่เรามักถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง ต้องจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดรวดร้าว เหตุเพราะคนรักได้เดินจากไปไกลแล้ว แต่ความรักที่เรามีต่อเขากลับยังอยู่ และเป็นมันนั่นเองที่โบยตีเราให้ทุกข์ทรมาน ติดกับดักของความรักอย่างโดดเดี่ยว จนมีเพียงความลำพังเป็นเพื่อน

My Sassy Girl (2001)

My Sassy Girl อาจจะเอ่ยได้ว่าเป็นตัวสำคัญที่ช่วยเปิดตลาดภาพยนตร์เกาหลีในบ้านเราและทั่วเอเชียก็ว่าได้ ซ้ำยังแจ้งเกิดให้กับจวนจีฮุน แบบสุดๆ และรวมไปถึงนายเจี๋ยมเจี้ยมอย่างชาแทฮย็อน ด้วย

ภาพยนตร์มีพื้นฐานมาจากบันทึกรักที่ถูกเขียนขึ้นในบล็อกของคิมโฮซิก ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นนวนิยายในเวลาต่อมา และนำไปสู่การสร้างภาพยนตร์ ด้วยความที่เรื่องราวของมันเรียกได้ทั้งความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ My Sassy Girl จึงกลายเป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่ทำรายได้ไปไม่น้อยในช่วงเวลานั้น

เกียนยู นักศึกษาหนุ่มที่เพิ่งพ้นจากการเกณฑ์ทหาร เขาเติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูแบบเด็กผู้หญิง ซึ่งมันส่งผลให้เขาเป็นคนค่อนข้างซื่อและไร้เดียงสา หรืออาจพูดในอีกแง่ได้ว่าไม่เอาถ่านเท่าไร วันหนึ่งเขาพบเข้ากับยุนจี หญิงสาวที่เมาไม่ได้สติในสถานีรถไฟ เธอยืนจวนเจียนอย่างกับจะตกลงไปในราง เกียนยูจึงช่วยเธอเอาไว้ และเขาก็ไม่อาจทิ้งยุนจีไว้ตามข้างทางได้ หนทางที่ง่ายที่สุดคือพาเธอเข้าโรงแรม แต่เหตุการณ์ก็ชุลมุนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาถูกเข้าจับกุมโดยตำรวจ

หลังออกจากโรงพักในวันต่อมา เกียนยูใช้ชีวิตไปตามปกติ จนได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาวคนเดิม เพราะเธอต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืน และกลายเป็นว่าวันนั้นก็เป็นอีกวันที่เขาต้องดูแลเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ใช่ทั้งเพื่อนและคู่รัก แต่พวกเขาก็ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น จนก่อเกิดเป็นความผูกพันที่ไม่อาจเข้าใจ ที่สำคัญเมื่อเกียนยูและยุนจีรับรู้ถึงความรักที่มีต่อกัน มันก็ยังมีขวากหนามที่ทำให้ไม่สามารถลงเอยด้วยกันได้

ทั้งคู่ตัดสินใจหยุดทุกอย่าง ยุติความสัมพันธ์อันผิดเพี้ยน และไปฝัง “กล่องหยุดเวลา” ด้วยกัน โดยสัญญาว่าต่อจากนี้อีกสองปีค่อยมาพบกันใหม่ บางทีเมื่อเวลานั้นมาถึงความรักครั้งนี้อาจมีทางออกที่ดีกว่าเดิม

    ในภาพยนตร์เราจะได้เห็นพัฒนาการของความรักในแบบที่ทั้งบ้าบอและอบอุ่น ความสัมพันธ์ที่ถักทออย่างช้าๆ ไปอย่างราบเรียบและไม่หวือหวา พร้อมกันนั้นก็ได้รับรู้ว่าบางทีความแข็งแกร่งของคนๆ หนึ่งก็เป็นเพียงการปกปิดความอ่อนแอในใจเอาไว้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะจัดการความเศร้าลงอย่างไร

The Classic (2003)

The Classic ตำนานภาพยนตร์รักโรแมนติก ผลงานของควักแจยอง ผู้กำกับ My Sassy Girl (2001) นำแสดงโดย ซอนเยจิน ที่ ณ ตอนนี้เธอยังคงความหน้าเด็กและน่ารักไม่ต่างจาก 16 ปีก่อน แสดงคู่กับโจซึงอู ผู้เปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาอย่างเป็นธรรมชาติ ผิดกับบทบาทที่เราพบเห็นในปัจจุบัน

The Classic หรือ ‘คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต’ มีประโยคคลาสสิคสมชื่อภาพยนตร์ที่ได้ยินครั้งเดียวก็ติดตรึงในความทรงจำ “นอกจากรักคุณแล้ว ผมก็ไม่เก่งอะไรเลย”

นี่คือเรื่องราวความรักที่ถูกพรหมลิขิตกำหนดไว้ โดยถูกเล่าแบบคู่ขนานระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ในขณะที่จีแฮกำลังทำความสะอาดบ้าน เธอได้หยิบกล่องจดหมายเก่าเก็บของแม่ออกมาอ่าน สิ่งที่อยู่บนหน้ากระดาษคือความรักอันหวานอมขมกลืนที่แม่เคยมี

ฤดูร้อนหนึ่งในอดีต จูฮีไปบ้านคุณตาในชนบท ที่นั่นเธอเจอเด็กชายคนหนึ่ง เขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และชื่อโอจุนฮา ทั้งสองมีวันหยุดที่ดีร่วมกัน ชนบทอันเงียบสงบกลับกลายเป็นสถานที่พิเศษในความทรงจำ แต่ไม่นานทั้งคู่ก็กลับสู่ความเป็นจริงที่ต้องแยกย้ายไปใช้ชีวิตคนละทาง จนความบังเอิญทำให้ได้พบกันอีกครั้ง ในลักษณะที่เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม จูฮีคือคู่หมั้นของเพื่อนร่วมชั้นของโอจุนฮา

จากจดหมายทั้งหมด จีแฮรับรู้ได้ถึงความรักอันหวานซึ้ง และความผิดหวังอันแสนสาหัส เธอเข้าใจดีถึงความรักที่ไม่มีทางสมหวัง เพราะเธอเองก็แอบหลงรักชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพื่อนสนิทกำลังสานสัมพันธ์อยู่ จีแฮไม่อยากเข้าไปแทรกกลางระหว่างหัวใจใคร แต่การไม่แสดงออกถึงความรักที่มีอยู่นั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน…

ความรักของจูแฮกับโอจุนฮา เปรียบได้กับการเสียสละอย่างหมดหัวใจ เพื่อให้อีกคนได้รับสิ่งที่ดีกว่า ส่วนความรักของจูฮีนั้น คงไม่มีสิ่งใดนิยามได้ดีเท่าประโยคที่ว่าคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วคลาดกัน จูฮีพิสูจน์ให้เราเห็นว่ารักแท้มีอยู่จริง แต่มันก็อาจเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อมกว่าที่เราคนใดคนหนึ่งจะคว้ามาได้

A Moment to Remember (2004)

A Moment to Remember เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ โดยทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศสองสัปดาห์ต่อเนื่อง และทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 5 สำหรับภาพยนตร์ที่เข้าฉายในเกาหลีใต้ปี 2004

เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานอันน่าจดจำของซอนเยจิน ที่แสดงคู่กับ จองวูซอง พระเอกรุ่นใหญ่ที่หลังๆ มาไม่ค่อยเห็นเขาปรากฏตัวในภาพยนตร์โรแมนติกเท่าไรนัก

ภาพยนตร์เปิดฉากมาที่ คิมซูจิน ดีไซเนอร์ ผู้หลงรักเพื่อนร่วมงานที่มีครอบครัวแล้ว และตัดสินใจจะหนีตามเขาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ฝ่ายชายกลับไม่มาตามนัด เธอจึงต้องซมซานกลับบ้านด้วยความขมขื่น ทั้งยังสร้างความอับอายให้กับครอบครัวตัวเอง ระหว่างทางกลับบ้าน คิมซูจินพบกับชายคนหนึ่ง เธอทำกิริยามารยาทไม่ดีใส่เขาเท่าไร เนื่องจากความเข้าใจผิด พอจะกลับไปขอโทษเขาก็หายไปแล้วจากที่นั่น จนไม่กี่วันถัดมา ทั้งคู่พบกันอีกครั้ง เพราะชอยชุลซู เป็นสถาปนิกรับจ้างในบริษัทของพ่อเธอ

พอได้ทำความรู้จักกัน ซูจินก็ลืมรักครั้งเก่าได้อย่างสนิท พร้อมฟูมฟักความรักครั้งใหม่กับชุลซู ทั้งสองรักกันอย่างหมดหัวใจจนตัดสินใจแต่งงาน เหมือนว่าความรักของพวกเขาจะไร้ซึ่งอุปสรรค แต่เปล่าเลย ซูจินเริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ และมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไปหาหมอ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นอัลไซเมอร์

ซูจินปกปิดเรื่องนี้จากชุลซู แต่มันก็ปิดอยู่ได้ไม่นานเท่าที่เธออยากให้เป็น อาการของเธอรุนแรงขึ้นตามลำดับ กระทั่งการกลั้นปัสสาวะก็ยังทำไม่ได้ สมองของซูจินกำลังลืมเลือนและลบทุกอย่างออก แต่ความรักที่ชุลซูมีต่อเธอนั้นกลับเปี่ยมล้นไปทั้งใจ เขาอยากยืนหยัดเคียงข้างเธอ เป็นทั้งความทรงจำและหัวใจให้กับเธอ แม้ว่าซูจินจะพยายามผลักไสเขา เพราะรักเขามากเช่นกัน

  เมื่อความทรงจำสูญหาย ความรักจะยังคงอยู่ไหม? เราอาจเคยได้ยินว่าความรักชนะทุกสิ่ง แต่ความจริงก็สอนให้รู้ว่าบ่อยครั้งความรักก็ต้องถึงคราวพ่ายแพ้บ้าง อาจไม่ใช่เพราะตัวเราหรือเขา แต่เพราะโรคร้ายที่พรากเอาหัวใจหนึ่งดวงไป

Always (2011)

Always เรื่องราวความรักสุดสะเทือนใจ ผลงานการกำกับของซงอิลกอน ผู้กำกับชาวเกาหลีที่มีดีกรีรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้าอย่างโซจีซบและฮันฮโยจู ทั้งยังได้รับเลือกเป็นภาพยนตร์เปิดตัวของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ปี 2011 อีกด้วย

ชางชอลมิน อดีตนักมวยเจ้าสังเวียนที่มีปัจจุบันอย่างไร้อนาคต ชีวิตเขาตกอับและอยู่ไปวันๆ อย่างแร้นแค้น ตอนกลางวันเขาทำงานเป็นคนส่งน้ำ ตกกลางคืนก็ทำงานเป็น รปภ. ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ชางชอลมินแบกรับความเจ็บปวดไว้ในใจ ความผิดพลาดครั้งเก่ายังตามหลอกหลอนจนเขาแทบทนไม่ได้ จนเมื่อการตกหลุมรักเกิดขึ้น หัวใจที่เหี่ยวเฉาของเขาก็กลับฟื้นคืน ชางชอลมินหลงรักฮวาจองอา หญิงสาวที่สูญเสียการมองเห็นจากอุบัติเหตุ และมันก็กำลังจะมืดบอดในไม่ช้านี้

   ความมีชีวิตชีวาของฮวาจองอาทำให้ชางชอลมินยิ้มได้อีกครั้ง เขาเปิดใจรับเธอเข้ามา แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความรักของเธอ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าอุบัติเหตุของเธอมีเขาเป็นต้นเหตุ และถ้าฮวาจองอาไม่ได้รับการเปลี่ยนดวงตาเร็วๆ นี้ ความหวังที่จะกลับมามองเห็นก็คงกลายเป็นศูนย์ ดังนั้น ชางชอลมินจึงทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหลุดจากโลกอันดำมืด เขากลับไปขึ้นสังเวียนอีกครั้ง เดิมพันด้วยชีวิตและลมหายใจ โดยหวังว่ามันจะสำเร็จ โลกของฮวาจองอาจะกลับมาสดใส แม้ไม่มีเขาอยู่เคียงข้างก็ตาม

    ฮวาจองอาเปรียบเป็นแสงสว่างให้กับหัวใจที่ชอกช้ำ ชางชอลมินเปรียบเป็นแสงสว่างให้กับดวงตาที่มืดบอด เมื่อแสงสว่างในชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งหายไป หัวใจของพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกความมืดเข้าครอบงำ

Tags: , , , , , , ,