จะดื่มไวน์ให้อร่อย อย่ามองข้ามแก้วที่ใช้ดื่ม

         หากเป็นคนชื่นชอบเครื่องแก้วหรือเป็นคนพิถีพิถันในการดื่มน่าจะต้องรู้จักแบรนด์เครื่องแก้วพรีเมียมและเก่าแก่ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตแก้วไวน์ ชื่อว่า ‘รีเดล’ (Riedel) ที่มีมาตั้งแต่ปีค.ศ.1756 ผลิตจากคริสตัลคุณภาพดีของเมืองคุฟชไตน์ (Kufstein) ของสาธารณรัฐออสเตรีย

         รีเดลเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายแก้วคริสตัลสำหรับใช้งานต่างๆ อย่างแก้วน้ำดื่ม แก้วไวน์ขาว แก้วไวน์แดง แก้วแชมเปญไปจนถึงดีแคนเตอร์ (Decanter ภาชนะใส่ไวน์เพื่อแยกสารแขวนลอยออกจากไวน์) ที่ไม่เคยมีกิจการด้านอื่นมาก่อนเลย แต่ในเมืองไทยรีเดลตัดสินใจเปิด Riedel Wine Bar & Cellar ร้านอาหารแห่งแรกของรีเดล (หากใครต้องการลิ้มลองอาหารและไวน์ต่างๆ ต้องมาที่ประเทศไทยเท่านั้น)

         ส่วนเหตุผลที่เปิดร้านอาหารก็เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและเข้าถึงวิธีเลือกไวน์ให้เหมาะกับแก้วแต่ละแบบ เพราะการจะดื่มไวน์ให้ได้รสชาติดี แก้วที่ใช้ดื่มก็สำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่คนจะมองข้ามหรือไม่รู้

         แก้วที่เหมาะสมกับไวน์แต่ละชนิด หากเลือกได้เหมาะสมจะทำให้เวลาดื่มไวน์หรือเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างแชมเปญ ค็อกเทล ผู้ดื่มสามารถสัมผัสถึงกลิ่น รส และเครื่องดื่มแต่ละชนิดต้องการสัมผัสอากาศไม่เท่ากัน อีกทั้งบางชนิดไม่จำเป็นแช่เย็น เพียงอุณหภูมิห้องก็พอแล้ว

         เราเลยอยากให้คนอ่านไปทำความรู้จักและเข้าใจการเลือกแก้วให้เหมาะกับไวน์ โดยเป็นความรู้เบื้องต้นในการเลือกแก้ว พร้อมทดลองชิมไวน์และอาหารอร่อยๆ ของทางร้าน

         ในร้านมีความพิเศษตรงตู้กดลองชิมไวน์ (Wine Emotion) เราจะเริ่มต้นกันตรงตู้นี้ ก่อนที่จะเข้าใจวิธีเลือกแก้วเบื้องต้นกับลองชิมอาหาร ตู้กดให้ลองชิมไวน์แบ่งเป็น 5 ตู้เรียงติดกัน จะมีไวน์หลากชนิด หลายราคา รสชาติต่างๆ ให้เลือกถึง 40 ชนิด โดยมี 3 ปริมาณให้กด ¼, ½ และเต็มแก้ว

         หากยังไม่ค่อยมั่นใจขอให้ลองกดปริมาณ ¼ ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ระดับราคามากน้อยตามปริมาณที่กดและชนิดของไวน์ แต่หากต้องการเปลี่ยนไปดื่มไวน์แบบอื่นๆ สามารถไปลองชิมหรือเลือกใหม่ได้เลย หรือถ้าคุณต้องการคำแนะนำ ทางร้านจะมีซอมเมริเย่ร์ (Sommelier ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์) คอยช่วยเลือกไวน์ให้เหมาะกับเมนูอาหารแต่ละจาน เนื่องจากที่ร้านมีไวน์มากถึง 250 ชนิด

         จากนั้นทำความเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมในการเลือกแก้วสำหรับดื่มในเบื้องต้น การผลิตแก้วไวน์มีการออกแบบโดยเฉพาะ (Specific Design Wine Glass) มาจากหลักการแก้วเฉพาะสำหรับใช้กับเครื่องดื่มเฉพาะ (The Right Glass for The Right Drink) ผู้ออกแบบจำเป็นต้องรู้และศึกษาเรื่องกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไวน์ โดยไวน์ผลิตจากองุ่นเป็นหลัก ต้องศึกษาเรื่องการรับรสของกลิ่น เพื่อดีไซน์รูปทรงของแก้ว ลักษณะปากแก้วหรือโพรงปากแก้วเพราะเป็นบริเวณกักเก็บกลิ่นของไวน์ เมื่อไวน์สัมผัสกับอากาศขณะเราแกว่งแก้ว ปากกับขอบแก้วจะเป็นส่วนบังคับให้น้ำไวน์ไหลสู่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของลิ้น ก่อนค่อยๆ กระจายไปบริเวณอื่นๆ ของลิ้นและไหลลงสู่ลำคอ แก้วไวน์ที่ออกแบบโดยเฉพาะจะคงรสชาติที่ดี และลดทอนรสชาติที่ไม่ดีออกไป เราจึงสามารถดื่มด่ำในรสชาติและกลิ่นอย่างเต็มที่

Veritas Riesling

         1.Veritas Riesling เหมาะกับไวน์ขาวประเภทรีสลิง(Riesling) พันธุ์องุ่นขาวที่ปลูกแถวแคลิฟอร์เนียกับยุโรป รสชาติออกหวานอมเปรี้ยว กลิ่นผลไม้ ซึ่งแก้วไวน์จะมีลักษณะปากแก้วแคบ ได้รับรสชาติที่ปลายลิ้น

Veritas Oaked Chardonnay

         2.Veritas Oaked Chardonnay เหมาะกับไวน์ขาวประเภทชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay)หมักในถังไม้โอ๊ค ซึ่งแก้วไวน์จะมีปากกว้างเพื่อให้ดื่มไปพร้อมๆ กับได้กลิ่นโอ๊ค

Veritas Old World Pinot Noir

         3.Veritas Old World Pinot Noir เหมาะกับไวน์แดงประเภทปิโนต์ นัว (Pinot Noir) ไวน์แดงจะมีรสชาตินุ่มนวล บอดี้ค่อนข้างเบา มีกลิ่นผลไม้อ่อนๆ จึงควรใช้แก้วไว์ที่มีลักษณะปากแก้วแคบ เพื่อให้ค่อยๆ จิบไวน์ที่มีรสชาตินุ่มนวล บอดี้เบาและเนื้อสัมผัสดราย (Dry)

Veritas Cabernet/ Merlot

         4.Veritas Cabernet/ Merlot เหมาะกับไวน์แดง เลือกใช้แก้วไวน์ทรงสูง ปากกว้างพอดีเพื่อให้เวลาดื่มไวน์ น้ำไวน์จะสัมผัสกับกลางลิ้น รับรสชาติและกลิ่นหอมผลไม้ได้ดี

         ในส่วนของบรรยากาศร้านให้ความรู้สึกสบาย เพราะตกแต่งด้วยไม้โทนสีน้ำตาล เก้าอี้โซฟาบุหนังสีน้ำตาล มีกระจกรายล้อมทำให้ไม่รู้สึกมืดทึบ ภายในร้านจะมีบาร์ค็อกเทล ห้องจัดเลี้ยงแบบส่วนตัว และโซนเอาดอร์ สำหรับเมนูอาหารควรเริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยเช่นชีสต่างๆ ส่วนใครชอบซีฟู้ด ทางร้านก็มีซีฟู้ดสดๆ จากหลายแหล่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นนิวซีแลนด์, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, นอร์เวย์และประเทศไทย บ้านเราเองก็มี

         หรือจะลองเป็นซุป, สลัด, ตับบดโฮมเมดพร้อมขนมปัง, ทาปาสเป็นคำๆ ทานกับเมนูหลักเช่นอกไก่อบ, ซี่โครงแกะ, ปลากระพง, แซลมอน, แก้มวัวตุ๋นและพาสต้า พร้อมกับปิดด้วยของหวานเช่นอัฟโฟกาโต้, ไอศกรีมไวต์ช็อกโกแลตเสิร์ฟกับเบอร์รี่สดและอื่นๆ ซึ่งเมนูของหวานก็มีไวน์สำหรับดื่มกับของหวานโดยเฉพาะเช่นกัน