เขาพาเธอนั่งเฮลิคอปเตอร์มายังบ้านสุดหรูกลางทะเลทราย ด้วยจุดประสงค์ที่รู้ๆ กันอยู่  เธอเป็นเด็กสาวผมบลอนด์สุดเซ็กซี่ เขาเป็นหนุ่มฝรั่งเศสร่ำรวยที่มีบ้านหรูอยู่กลางทะเลทรายไว้เป็นรังรักห้องเชือด และโดยไม่ได้ตั้งใจ จู่ๆ พวกเพื่อนๆ ของเขาก็โผล่มาก่อนวันนัดหมายล่าสัตว์ในทะเลทรายซึ่งควรจะเป็นหลังจากส่งเธอกลับ ผู้ชายหื่นอีกสองคนจ้องเธอตามเป็นมัน คืนนั้นพวกเขาดื่มกิน เต้นรำกัน พวกนั้นคิดว่าเธอให้ท่า เมื่อคนรักของเธอออกไปทำธุระในวันถัดมา หนึ่งในสองก็ลงมือข่มขืน จนเธอสลบไป

หากเมื่อตื่นขึ้นเขากลับเสนอเงินให้เธอแทนที่จะแก้ไขเรื่องราวทั้งหมด เพราะเขาไม่อยากมีปัญหากับเมีย เธอดูเหมือนจะไม่ทน  เตลิดหนีไป เขาและผองเพื่อนตามเธอไป และตัดสินใจใช้ทางลัดด้วยการผลักเธอตกหน้าผา เธอโดนเสียบค้างอยู่บนกิ่งไม้แห้ง โชคดีที่ไม่ตาย และโชคร้ายที่เธอคั่งแค้นเกินระงับ

ที่เหลือจึงเป็นวีรกรรมล้างบางเอาคืนคนโฉดด้วยผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวที่ไม่ได้เก่งมาจากไหน แต่บ้าขึ้นมาได้เพราะฤทธิ์ยา

เราอาจเรียกหนังในตระกูลนี้ว่าหนัง Exploitation ซึ่งพอจะอธิบายคร่าวๆ ว่าเป็นหนังตระกูลตีหัวเข้าบ้าน เต็มไปด้วยพลอตทื่อมะลื่อซ้ำซาก และขายอยู่สองสามอย่างนั่นคือ ความรุนแรง ความโป๊เปลือย และความสาแก่ใจแบบฉาบฉวย หนังไร้สาระแบบที่เอาไว้ดูเฮฮากับเพื่อนฝูงในคืนวันศุกร์เพื่อที่จะลืมในเช้าวันเสาร์ หนึ่งในซับพลอตของหนังตระกูลนี้ก็คือหนังตระกูล Rape -Revenge ตรงเป๊ะตามขนบของหนังเรื่องนี้

แต่หนัง Exploitation หลายๆ เรื่องก็ไม่ถูกลืม หนำซ้ำยังถูกจดจำยืนยงข้ามกาลเวลาในฐานะหนังคัลต์ (cult) ซึ่งหมายถึงหนังที่ตอนแรกฉายดูไม่น่าจะถูกจดจำแต่กลับมีแฟนๆ เหนียวแน่นกลุ่มเล็กๆ และในที่สุดลายเป็นหนังที่บ้าคลั่งจนสร้างหมุดหมายบางอย่างเอาไว้ นอกจากนี้ หนังในตระกูลที่ดูเหมือนจะสร้างมาเอาใจความห่ามเดือดของวัยรุ่นโดยเฉพาะเพศชาย กลับกลายเป็นสนามแรกๆ ในการสำรวจประเด็นทางสังคมมาตั้งแต่ครั้งสมัยภัยคอมมิวนิสต์ สำรวจตั้งแต่ความหวาดกลัวเทคโนโลยี การเฟื่องฟูของสตรีนิยม การท้าทายขอบเขตของพวกเหยียดผิว ไปจนถึงการพูดเรื่องเรื่องหลังมนุษยนิยม (posthumanism)

อย่างไรก็ตามหนัง Exploiatation ส่วนมากก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง มันอาจจะสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ ในขณะเดียวกันมันก็ฉลาดพอที่จะตีสองหน้าแว้งกลับมารับใช้ status quo ดั้งเดิมของสังคม จบลงด้วยชัยชนะของตัวเอกหลังจากถูกทำร้ายทำลาย ตัวร้ายต้องตาย โลกคืนสู่ความสงบสุขตามขนบของอนุรักษ์นิยมเช่นที่เคยมา

โดยพลอตของ Revenge อาจทำให้นึกถึงหนังรุ่นพ่ออย่าง Last House On The Left (1972, Wes Craven) ซึ่งว่าด้วยคุณหนูที่ออกไปเที่ยวแล้วโดนพวกโจรโฉดที่บ้านหลังสุดท้ายซ้ายมือลากไปข่มขืนแล้วฆ่าทิ้ง  พ่อแม่ของเด็กสาวจึงออกล้างแค้นไอ้พวกคนชั่ว อย่างโหดเหี้ยม ในหนังที่มีฉากหน้าเป็นหนังต่อต้านความรุนแรงเรื่องนี้ กลับเต็มไปด้วยอารมณ์เดือดดาลล้างผลาญรุนแรง ฉากการข่มขืนเด็กสาวเป็นไปอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเล่นกับอารมณ์โกรธแค้นของคนดูและสร้างความชอบธรรมชนิดสาแก่ใจหาใดเปรียบ ให้กับการล้างแค้นของพ่อแม่ในครึ่งหลังที่โหดเหี้ยมรุนแรงกว่าครึ่งแรกหลายเท่านัก มันจึงเป็นหนังตีสองหน้าที่ตอบโต้ความรุนแรงด้วยความรุนแรง  ตอบสนองต่ออะดรีนาลีนของผู้ชมเพศชายอนุรักษ์นิยมโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ที่นัยหนึ่งได้เห็น ‘พวกฮิปปี้’ ถูกจัดการ

สิ่งที่ Revenge ต่างออกไปจาก Last House On The Left คือการที่คนที่ลุกขึ้นมาล้างแค้นไม่ใช่พ่อแม่ แต่เป็นตัวเหยื่อเอง ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับหนังในตระกูลนี้ เราเคยมีหนังแบบ Coffy (1973) สาวผิวสีล้างบางทรชน ซึ่งหนังเป็นทั้งหนังที่พูดประเด็นการเหยียดผิวและพูดถึงสตรีนิยมในคราวเดียว หรือ They Call Her One Eye (1973) หนัง Rape-Revenge ที่บ้าเสียจนตารันติโน่เอามาใช้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำหรับ Kill Bill

หนัง Rape-Revenge ประเภทผู้หญิงลุกขึ้นสู้จะนับเป็นหนังเฟมินิสต์ได้หรือไม่ยังเป็นเรื่องที่ก้ำกึ่งไม่น้อย เราอาจจะนับว่าการล้างแค้นของผู้หญิงเองเป็นการต่อสู้ก็ย่อมได้ แต่ระบบนิเวศน์ของหนังตระกูลนี้ออกแบบมาให้ผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ทั้งก่อนการถูกข่มขืน  ระหว่างการข่มขืน และแม้แต่หลังการถูกข่มขืนมันจึงเป็นเพียงอีกรูปแบบหนึ่งของหนังโป๊เอาใจพวกผู้ชายเท่านั้น

ซึ่งนั่นก็หมายรวมถึงหนังเรื่องนี้ด้วย ตลอดเรื่องนางเอกของเราอยู่ในสภาวะนุ่งน้อยห่มน้อย กระตุ้นกำหนัดทั้งต่อตัวละครชายและผู้ชมเพศชายไปพร้อมๆ กัน จนแม้เมื่อเธอตัดสินใจลุกขึ้นสู้ แทบจะทั้งเรื่องเธอก็สวมเพียงสปอร์ตบรากับกางเกงชั้นในรัดรูป หนังถ่ายเรือนร่างของเธอแบบแยกชิ้นส่วนให้เป็นอวัยวะ สิ่งของกระตุ้นอารมณ์เพศมากกว่าจะเป็นมนุษย์มนาจริงๆ แต่ความก้ำกึ่งของหนังกลับน่าสนใจมากกว่าที่จะฟันธงว่านี่เป็นเพียงอีกหนึ่งหนังโป๊ exploitation  

หลังจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์

ซีนที่สำคัญของหนังคือซีนไคลแมกซ์ที่เป็นไปตามความคาดหมาย การตามล่าล้างแค้นมาจุดสุดยอด เธอไล่ฆ่าไอ้ชั่วคนสุดท้ายในบ้าน ในฉากนี้ หลังจากเธอเป็นวัตถุปรารถนามาตลอดเรื่อง กล้องย้ายกลับไปหาตัวละครชาย ด้วยการให้เขาแก้ผ้าอาบน้ำ การไล่ล่าเกิดขึ้นโดยตัวละครชายเปลือยกายตลอดซีน กลายเป็นว่าตัวละครชายกลายเป็นวัตถุทางเพศเสียเอง เป็นเหยื่อที่ถูกไล่ล่าเสียเอง หากหญิงสาวเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากบาดแผลของผู้ชาย ผ่านสัญญะของตอไม้ขนาดใหญ่ทิ่มทะลุบั้นเอว ฉากสำคัญในหนังคือ การที่เธอยิงบั้นเอวไอ้เลวนั่น หนังเน้นย้ำปากแผลที่อูมและเปิดอ้าออกราวกับผู้ชายได้พบกับการกลายเป็นหญิง ผ่าบาดแผลที่มีรูปทรงเยี่ยงโยนี

หนังเน้นย้ำบาดแผล และเลือดที่ท่วมไหล  สนามที่เปลี่ยนจากทะเลทรายในโลกของผู้ชาย มาเป็นบ้านในโลกของผู้หญิง ผู้ชายกลายเป็นตัวน่าสมเพชเปลือยเปล่าที่มีโยนีสดใหม่แปะอยู่บนร่างกายในขณะที่ผู้หญิงถือกำลำลึงค์จำลองในรูปของปืนไรเฟิล  มันจึงกลายเป็นว่าหนังที่ควรจะเอาใจผู้ชมเพศชาย กลับพลิกตัวหลุดมือไปสู่ความกระอักกระอ่วน เมื่อการล้างแค้นนองเลือดไม่ได้ตอบสนองความหื่นอยากแต่กลับมอบความอุจาดอ่อนแอให้กับเพศชายเสียเอง

ความยอกย้อนของหนังเลยมอบของขวัญแห่งการครุ่นคิดให้กับผู้ชมมากกว่าที่หนังในตระกูลเดียวกันจะให้ได้ แม้ว่าหนังอาจจะถูกลืมในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามมันคือหนัง Rape-Revenge ล้างแค้นที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง

Tags: , , ,