เมื่อวานนี้ (9 มิถุนายน 2024) ฟรานเซสกา อัลเบนีส (Francesca Albanese) ผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติประเด็นสิทธิมนุษยชนในปาเลสไตน์ ออกแถลงการณ์ประณามอิสราเอล หลังเปิดปฏิบัติการโจมตีในนูเซรัต (Nuseirat) เพื่อปลดปล่อยตัวประกันที่ถูกคุมขังจากฮามาส ส่งผลให้ชาวปาเลสติเนียนเสียชีวิตมากกว่า 200 ราย
อัลเบนีสระบุในแอปพลิเคชัน X ว่า เธอรู้สึกคลายกังวลที่ตัวประกันชาวอิสราเอลได้รับการช่วยเหลือสำเร็จ ทว่าปฏิบัติการครั้งนี้ไม่สมควรคร่าชีวิตชาวปาเลสติเนียน 200 ราย และผู้บาดเจ็บ 400 ราย โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ยังไม่รวมถึงการปิดกั้นไม่ให้ส่งความช่วยเหลือจากภายนอก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวคือ การอำพรางเส้นทางมนุษยธรรมของอิสราเอลที่ร้ายแรงในอีกขั้นหนึ่ง
“อิสราเอลใช้ตัวประกันเป็นเครื่องมือให้ความชอบธรรม ในการประหัตประหารชาวปาเลสติเนียนในกาซา ไม่ว่าจะเป็นการฆาตกรรม การทำให้บาดเจ็บ การทำให้พิการ การสร้างความหิวโหยจนเกิดสภาวะอดอยาก และการทำลายจิตใจ
“ตรงกันข้ามกับชาวปาเลสติเนียนที่ได้รับความรุนแรง อิสราเอลสามารถปล่อยตัวประกันที่ถูกจับใน 8 เดือนก่อนได้ทั้งหมด หลังมีการเจรจาหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน ทว่าอิสราเอลก็ยังไม่หยุดทำลายกาซาและชาวปาเลสติเนียนในฐานะมนุษย์
“นี่คือเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ปรากฏในรูปแบบการกระทำ ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้แล้ว” ผู้รายงานพิเศษของ UN ในปาเลสไตน์ระบุ
รายงานจากเดอะการ์เดียน (The Guardian) และอัลจาซีรา (Al Jazeera) เปิดเผยว่า อิสราเอสโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัต ทำให้มีผู้เสียชีวิต 210 รายและบาดเจ็บอีก 400 ราย โดยอ้างว่า เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันทั้งหมด 4 ราย ที่ถูกจับไปในเหตุการณ์สังหารหมู่โดยกลุ่มฮามาสในเทศกาลดนตรีโนวา (The Nova Music Festival)
ขณะนี้สถานการณ์ในนูเซรัตอยู่ในขั้นร้ายแรง โดยเฉพาะบริเวณโรงพยาบาลซูฮาดาอัลอักซา (Shuhada al-Aqsa Hospital) ซึ่งมีการนำส่งผู้เสียชีวิต 100 คน โดยหนึ่งในนั้นพบเด็กทารกวัยแบเบาะ ท่ามกลาง ‘เสียงคร่ำครวญร่ำไห้’ ของญาติพี่น้องและคนใกล้ตัวของผู้จากไป
ทันยา ฮัจ-ฮัสซัน (Tanya Haj-Hassan) แพทย์ประจำหน่วยไอซียูเด็กจากองค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders: MSF) อธิบายสถานการณ์ว่า โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นภาพแทนการนองเลือดครั้งใหญ่ และยิ่งเหมือน ‘โรงฆ่าสัตว์’ มากขึ้นทุกวัน เพราะต้องรองรับผู้คนจากการเสียชีวิตและการโจมตีที่ไม่รู้จบ จนมีรายงานจากเดอะไทม์ (The Times) ว่า การที่แพทย์เลือกรักษาผู้บาดเจ็บสาหัสก่อนผู้บาดเจ็บธรรมดา อาจเป็น ‘โอกาส’ ในการช่วยเหลือผู้ที่มีโอกาสอยู่ต่อมากกว่า
ในวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีทางอากาศโรงเรียนในนูเซรัต และอ้างว่าเป็นการโจมตีกลุ่มฮามาสที่ใช้โรงเรียนเป็นที่หลบภัย ทว่ารายงานของนิวยอร์กไทม์ (New York Times) กลับเผยว่า ผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งเป็นพลเรือนบริสุทธิ์ โดยประมาณการเบื้องต้น 40 ราย แบ่งเป็นเด็ก 14 ราย และผู้หญิง 9 ราย
“สิ่งที่น่าเจ็บปวดตั้งแต่ผมเคยเผชิญมา คือการเก็บเศษซากสมองด้วยมือของผมเอง” อาบู อัมมาร์ (Abu Ammar) คนงานก่อสร้างวัย 27 ปี เผยความในใจกับนิวยอร์กไทม์โดยเสริมว่า เขาไม่คิดว่าตนเองจะต้องทำอะไรเช่นนี้
นูเซรัตใช้เป็นพื้นที่หลบภัยของผู้คนในราฟาห์ (Rafah) ทางตอนใต้ของกาซา หลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีฮามาส โดยเชื่อว่า นี่คือฐานกำลังของกลุ่มก่อการร้ายรายนี้ ทั้งที่ราฟาห์เป็นพื้นที่เต็มไปด้วยพลเรือนและผู้อพยพ มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในฉนวนกาซา
ท่าทีของอิสราเอลหลังการโจมตีในนูเซรัต
แดเนียล ฮาการิ (Daniel Hagari) โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงการณ์หลังเหตุการณ์โจมตีของนูเซรัตว่า มีเพียงชาวปาเลสไตน์ ‘หลักสิบ’ หรือ ‘ไม่ต่ำกว่า 100 ราย’ ที่ถูกสังหาร แต่ไม่สามารถระบุว่าเป็นพลเรือนกี่ราย
ขณะที่ โยอาฟ กัลลันต์ (Yoav Gallant) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล อ้างว่า ปฏิบัติการครั้งนี้มีความพิเศษกว่าครั้งไหน เพราะสภาพแวดล้อมมีความซับซ้อน โดยต้องแบ่งเป็น 3 กองกำลัง คือกองกำลังอากาศ กองกำลังพิเศษ และกองเรือ เพื่อแบ่งหน้าที่แยกตัวประกันจากกลุ่มฮามาส และรองรับสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุว่า การช่วยเหลือครั้งนี้เป็นความสำเร็จทางประวัติศาสตร์ และแสดงให้เห็นว่า อิสราเอลไม่ยอมแพ้ต่อการก่อการร้าย
สำหรับสถานการณ์ของตัวประกัน 4 รายกลับบ้านพร้อมครอบครัวเรียบร้อย ทว่ายังเหลือชาวอิสราเอลอีก 120 ราย ที่ติดอยู่ในกาซา โดยมีข้อเรียกร้องจากครอบครัวพวกเขาถึงรัฐบาลว่า อิสราเอลควรหันหน้าเจรจาหยุดยิงเพื่อนำตัวประกันทั้งหมดกลับมาเสียมากกว่า
วอชิงตันโพสต์ (Washington Post) รายงานว่า ในช่วงวันหยุดชาวอิสราเอลแห่ฉลองการกลับมาของตัวประกัน โดยบางส่วนโห่ร้องข้างถนน ชายหาด และหน้าโรงพยาบาลที่มีตัวประกันกลับมา
แม้แต่ผู้ประกาศข่าวรายหนึ่งและ ไอแซก เฮอร์ซอก (Issac Herzog) ประธานาธิบดีอิสราเอล ยัง ‘เสียน้ำตา’ ระหว่างที่พูดคุยทางโทรศัพท์กับ โนอา อาร์กามานี (Noa Argamani) ตัวประกันคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในฐานะ ‘ความโกรธแค้นของชาวอิสราเอล’ หลังปรากฏวิดีโอที่เธอถูกจับ และตะโกนว่า “อย่าฆ่าฉัน!” ในวันที่ 7 ตุลาคม 2023
“โนอา ผมดีใจที่ได้ยินเสียงคุณอีก มันทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาเลย” เฮอร์ซอกกล่าวด้วยความยินดี
อ้างอิง
https://www.nytimes.com/2024/06/06/world/middleeast/gaza-hospital-israel-airstrike.html
https://www.washingtonpost.com/world/2024/06/08/israel-hostages-gaza-hamas/
Tags: กาซา, ราฟาห์, ผู้รายงานพิเศษ UN, UN Special Rapporteur, นูเซรัต, UN, อิสราเอล, ปาเลสไตน์, United Nations, ฮามาส