วันที่ 4 ตุลาคม 2023 ริชี ซูนัก (Rishi Sunak) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เปิดเผยแผนห้ามเยาวชนซื้อบุหรี่ ท่ามกลางเสียงต่อต้านของผู้คนส่วนหนึ่งในสังคมที่มีความกังวลว่า ข้อห้ามนี้อาจสร้างภาพลักษณ์ให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้มงวดเรื่องบุหรี่ที่สุดในโลก 

ซูนักเผยแผนดังกล่าวในระหว่างการประชุมของพรรคอนุรักษนิยม (Conservative Party) ในเมืองแมนเชสเตอร์ (Manchester) ว่า สหราชอาณาจักรจะออกกฎหมายห้ามเยาวชนสูบบุหรี่ โดยจำกัดอายุของประชาชนเพิ่มครั้งละ 1 ปี จนถึงปี 2040 เพื่อรักษาสุขภาพของทุกคนในประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะทำให้เยาวชนไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้หยุดวงจรดังกล่าวได้ และปกป้องผู้คนจากโรคร้ายและความตาย 

ภาพ: AFP

“4 ใน 5 ผู้คนที่สูบบุหรี่เริ่มสูบตั้งแต่อายุ 20 ปี ต่อมา เมื่อคนส่วนมากพยายามจะเลิกบุหรี่ พวกเขาก็ทำไม่ได้ เพราะเกิดอาการเสพติดไปแล้ว และพวกเขาก็ได้แต่คิดว่า ไม่น่าลองตั้งแต่แรก” ซูนักกล่าวในที่ประชุม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีแผนกวาดล้างการจำหน่าย ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดย GOV.UK เว็บไซต์รัฐบาลสหราชอาณาจักรเผยว่า จำนวนวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

อันที่จริง นี่ไม่ใช่การเสนอนโยบายครั้งแรก เพราะหากย้อนไปในปี 2019 สหราชอาณาจักรมีความจริงจังที่จะดำเนินนโยบาย ‘ลด-ละ-เลิก’ บุหรี่ภายในปี 2030 นั่นหมายความว่า ทั้งประเทศจะเหลือประชากรที่สูบบุหรี่เพียง 5% เท่านั้นในอนาคต

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดแนวคิดดังกล่าว เพราะบริการสุขภาพของสหราชอาณาจักรสูญเสียเงินถึง 1.7 หมื่นล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 7.63 แสนล้านบาท) กับผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ อีกทั้งยังมีอุบัติเหตุมากมายที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะเหตุการณ์ไฟไหม้ทำลายชีวิตและทรัพย์สินนับครั้งไม่ถ้วน

เพิ่มขึ้นครั้งละ 1 ปี จนกว่าปี 2024: การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายห้ามสูบบุหรี่

ปัจจุบัน กฎหมายของสหราชอาณาจักรจำกัดให้บุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถซื้อบุหรี่หรือยาสูบอื่นๆ ได้ถูกต้องตามกฎหมาย หลังพรรคแรงงาน (Labour Party) แก้ไขกฎหมายในปี 2007 จากเดิมที่จำกัดอายุไว้ที่ 16 ปี แต่หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านตามที่ซูนักอ้าง เด็กอายุ 14 ปีขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถสูบบุหรี่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย 

ฟังครั้งแรกอาจทำให้ใครหลายคนสับสนว่า กฎหมายใหม่เป็นการ ‘เปิดช่องว่าง’ ให้เยาวชนสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นหรือไม่ เมื่อเด็กอายุมากกว่า 14 ปี ก็สามารถสูบบุหรี่ได้แล้ว 

ทว่าเมื่อพิจารณาจากข้อจำกัดการเพิ่มจำนวนอายุครั้งละ 1 ปี และหากกฎหมายถูกตราขึ้นในปี 2023 นั่นหมายความว่า เด็กที่อายุเพิ่มขึ้นเป็น 15 ปี ในปี 2024 ไม่สามารถสูบบุหรี่ได้ ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เท่ากับว่า เยาวชนคนนั้นจะไม่มีโอกาสสูบบุหรี่อย่างถูกกฎหมายไปจนกว่าปี 2040 ตามเป้าหมายของรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่เยาวชนจะ ‘โตไปอย่างไร้ควันบุหรี่’

อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวจะต้องผ่านการลงคะแนนเสียงในรัฐสภาอังกฤษ และหากประสบความสำเร็จ สหราชอาณาจักรจะกลายเป็นประเทศแรกในยุโรป ที่มีข้อห้ามดังกล่าวเหมือนประเทศนิวซีแลนด์ 

เสียงของคนที่เห็นด้วย ปะทะผู้ต่อต้านความคิดนโยบายห้ามสูบบุหรี่

กลุ่มเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการต่อต้านบุหรี่เพื่อสุขภาพ แสดงความยินดีกับแผนของรัฐบาลซูนัก โดยเผยว่า สิ่งนี้จะช่วยให้การสูบบุหรี่ค่อยๆ เลือนหายไปในสังคม

ในทางตรงกันข้าม กลุ่มสนับสนุนเสรีภาพการสูบบุหรี่ Freedom Organisation for the Right to Enjoy Smoking Tobacco (Forest) ก็ส่งเสียงต่อต้านว่า มาตรการนี้ทำให้รู้สึกสิ้นหวัง

“สิ่งเหล่านี้คือมาตรการอันน่าสิ้นหวังที่ออกมาจากนายกฯ ผู้สิ้นหวัง

“การเพิ่มอายุผู้ซื้อบุหรี่เป็นมาตรการที่ค่อยๆ เริ่มเกิดขึ้น แต่มันไม่สามารถหยุดยั้งเยาวชนให้สูบบุหรี่ได้ กลับกัน พวกเขาจะหาหนทางแบบผิดกฎหมายแทน ทุกอย่างกลับตาลปัตร นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายมาก” ไซมอน คลาร์ก (Simon Clark) ผู้อำนวยการกลุ่ม Forest แสดงความคิดเห็น

เช่นเดียวกับ ลิซ ทรัสส์ (Liz Truss) อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงและอดีตหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม เผยว่า เธอจะลงคะแนนเสียงต่อต้านการออกกฎหมายดังกล่าว โดยเผยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่จะต่อต้านการกระทำของพรรคเธอ

ขณะเดียวกัน บริษัทยาสูบออกมาโจมตีแผนการดังกล่าว โดยแสดงความคิดเห็นว่า เป็นข้อห้ามที่ล่วงล้ำสิทธิผู้ใหญ่มากเกินไป และจะก่อให้เกิด ‘ตลาดมืด’ บุหรี่ในสหราชอาณาจักร 

ผลกระทบจากนโยบายการห้ามสูบบุหรี่

นโยบายห้ามเยาวชนสูบบุหรี่ทำให้เกิดความกังวลว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Japan Tobacco, Benson & Hedges หรือ Imperial Brands อาจได้รับผลกระทบโดยตรง

อย่างไรก็ตาม โอเวน เบนเนตต์ (Owen Bennett) นักวิเคราะห์จากเจฟฟีรีย์ (Jefferies) เผยว่า ผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวอยู่ในระดับเล็กน้อย เพราะเยาวชนหรือกลุ่มวัยรุ่นอายุ 18-25 คิดเป็น 10% ของประชากรที่สูบบุหรี่ในประเทศ 

ทว่าบริษัทยาสูบอาจต้องคำนึงความเสี่ยงระยะยาว เพราะมีหลายประเทศในยุโรปพยายามลดจำนวนการสูบบุหรี่ในประเทศ เช่น เดนมาร์ก ที่กำลังวางแผนเช่นเดียวกับสหราชอาณาจักรและนิวซีแลนด์

อ้างอิง

https://www.reuters.com/world/uk/uk-pm-sunak-wants-ban-cigarettes-younger-generations-2023-10-04/

https://ash.org.uk/media-centre/news/press-releases/smoking-costs-society-17bn-5bn-more-than-previously-estimated

https://www.independent.co.uk/news/uk/home-news/uk-smoking-ban-how-will-work-b2423687.html

https://www.gov.uk/government/news/prime-minister-to-create-smokefree-generation-by-ending-cigarette-sales-to-those-born-on-or-after-1-january-2009

Tags: , , , , , , , , ,