เมื่อวานนี้ (13 พฤศจิกายน 2567) นาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2567 โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับเพิ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จากระดับ 87.1 ในเดือนก่อนหน้ามาเป็นระดับที่ 89.1 เป็นผลจากสถานการณ์อุทกภัยที่คลี่คลายกลับมาเป็นปกติ โครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทของรัฐบาล และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากร้อยละ 2.50 ต่อปี มาเป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลง

นาวาระบุถึงภาคการท่องเที่ยวปีนี้ว่า มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 28.37 ล้านราย สร้างรายได้ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท

ขณะที่การส่งออกภาพรวมในเดือนกันยายน 2567 มีการขยายตัวดีขึ้นร้อยละ 1.1 มีมูลค่าทั้งหมด 2.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 8.54 แสนล้านบาท)

ทั้งนี้นาวายังระบุถึง ‘ปัจจัยลบ’ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศคือ กำลังซื้อในประเทศที่ยังอ่อนแอ จากปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นและหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะหนี้เสีย (NPL) ที่มีอยู่ 1.18 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 13.3 

มิหนำซ้ำจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้น สินค้าภาควัสดุก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นผลจากปัญหาหนี้ครัวเรือน

นอกเหนือจากนั้น ‘ปัญหาสินค้าทุ่มตลาด’ ของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลาง (SMEs)

อย่างไรก็ตามรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคาดการณ์ดัชนีใน 3 เดือนหลังจากนี้ว่า จะปรับตัวเพิ่มสู่ระดับ 98.4 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และโครงการลงทุนการก่อสร้างต่างๆ ขณะที่ภาคการส่งออกคาดการณ์ว่า จะฟื้นตัวขึ้นตามความต้องการของโลก

ทั้งนี้นาวากล่าวว่า ยังมีปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเฝ้าระวังคือ สถานการณ์ไม่แน่นอนของนโยบายการค้าภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-politics) ในหลายภูมิภาคซึ่งจะทำให้การส่งออกมีความเสี่ยง

ด้าน หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการทั้งหมด 4 ประเด็นสำคัญคือ

  • เสนอให้สถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อให้ SMEs
  • เสนอให้ภาครัฐจัดตั้งกองทุนส่งเสริม SMEs เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
  • ออกมาตรการทางภาษีและการเงินเพื่อกระตุ้นการซื้อรถยนต์ภายในประเทศ และเร่งการจัดซื้อภาครัฐในหมวดพาหนะ
  • เร่งบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค และการแข่งขันทางการค้าอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเข้มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้าราคาถูกที่ไม่ได้คุณภาพ