“ตั้งแต่ยุคนาซี ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”
คือเสียงจาก สตีเฟน แรปป์ (Stephen Rapp) อดีตเอกอัครราชทูตจากสหรัฐอเมริกาด้านอาชญากรรมสงคราม ประจำสำนักงานยุติธรรมอาญาโลก (Office of Global Criminal Justice) ผู้นำในการฟ้องร้องคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดา (Rwanda) และเซียร์ราลีโอน (Sierra Leone) ถึง ‘หลุมศพปริศนา’ หลายแห่งในซีเรีย โดยคาดว่า เป็นพื้นที่สำหรับใช้อำพรางร่างไร้วิญญาณของเหยื่อมากกว่า 1 แสนรายในประเทศซีเรีย เมื่อครั้งระบอบอัล-อัสซาด (Al-Assad) ยังครองอำนาจอยู่
หลังจากที่กรุงดามัสกัส (Damascus) เมืองหลวงของซีเรียแตกเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากการเปิดโปงความชั่วร้ายภายใต้ระบอบเผด็จการอย่างการทลายคุกเซดนายา (Sednaya Prison) ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘โรงเชือดมนุษย์’ (Human Slaughterhouse) หลังเป็นสถานที่กักขังหน่วงเหนี่ยวและทรมานนักโทษทางการเมือง จนมีกิตติศัพท์เลื่องชื่อถึงความโหดร้าย
ล่าสุดทางการซีเรียและหน่วยงานนานาชาติยังพบหลุมศพจำนวนหนึ่งกระจายทั่วประเทศ โดยอัยการอาชญากรรมสงครามเชื่อว่า นี่คือเครื่องมือสังหารชาวซีเรียอย่างเป็นระบบภายใต้การปกครองของครอบครัวอัล-อัสซาด หลัง ฮาเฟซ อัล-อัสซาด (Hafez al-Assad) และบาชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) สองพ่อลูกจอมเผด็จการถูกตั้งข้อสงสัยเรื่อง ‘การสังหารหมู่’ จากองค์กรสิทธิมนุษยชนและรัฐบาลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีการปกติหรือ ‘ใช้สารเคมี’ ในการปราบปรามประชาชนเรื่อยมา
ทั้งนี้คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยบุคคลสูญหาย (International Commission on Missing Persons) เปิดเผยว่า อาจมีหลุมศพในซีเรียถึง 66 หลุม โดยประเมินได้ว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1.57 แสนราย ซึ่งอ้างอิงจากรายงานผู้สูญหายทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา
จากการสอบสวนเบื้องต้น แรปป์เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ว่า การสังหารหมู่ของซีเรียเป็น ‘ระบบ’ มาก และอาจมีผู้เกี่ยวข้องนับพันคน นับตั้งแต่การมี ‘ตำรวจลับ’ คอยอุ้มหายประชาชนตามท้องถนนหรือบ้าน สู่ผู้คุมและผู้สอบสวนที่ทำหน้าที่ทรมานนักโทษจนเสียชีวิต จากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนขับรถบรรทุกและคนขับรถตักดินที่อำพรางสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยการฝังร่างไร้วิญญาณลงในหลุม
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับสำนักข่าวบีบีซี (BBC) ที่สัมภาษณ์พยานปากเอกหลายคน ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าว่า เขาเห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นเมื่อครั้งสงครามกลางเมืองในประเทศเกิดขึ้น โดยกองกำลังจะนำร่างไร้วิญญาณหลายชีวิตแช่เย็นใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนโยนลงหลุมที่เตรียมไว้แล้ว จากนั้นรถขุดดินจะทำหน้าที่สุดท้ายคือ ตักดินให้พื้นที่ราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เช่นเดียวกับ อัลดุล คาดีร์ อัล-ชีกา (Abdul Kadir al-Sheikha) ผู้นำทางศาสนาของเมืองกุตาฟาห์ (Qutayfah) ทางตอนใต้ของประเทศ เล่าว่า เขาเคยถูกตำรวจลับขอให้มาจัดการพิธีฝังศพ จึงพยายามประกอบพิธีทางศาสนาและสวดภาวนาให้กับผู้ที่จากไป ซึ่งขณะนั้นเขาเห็นว่า มีผู้เสียชีวิตนับ 100 รายถูกฝังในหลุมขนาด 30 ตารางเมตร
“เขาเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ผู้ก่อการร้ายที่ไม่สมควรจะได้รับการฝัง พวกเขาไม่ต้องการให้ใครเห็นว่า กำลังทำอะไรอยู่” อัล-ชีกาเล่า โดยหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยถูกตำรวจลับเรียกตัวอีกเลย
อย่างไรก็ตาม มูอาซ มุสตาฟา (Mouaz Moustafa) ผู้อำนวยการกองกำลังฉุกเฉินซีเรียแสดงความคิดเห็นว่า การประเมินตัวเลขผู้เสียชีวิต 1 แสนรายถือว่า ‘น้อย’ เกินกว่าที่คิด และผู้เสียชีวิตไม่ได้แค่มีชาวซีเรีย แต่ยังรวมถึงพลเมืองอังกฤษ อเมริกัน และชาวต่างชาติทั่วโลก
“เป็นการประเมินน้อยเกินไปมาก จนแทบจะไม่ยุติธรรมเลย” เขาทิ้งท้าย
ปัจจุบันคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยบุคคลสูญหาย ร้องขอให้ทางการซีเรียช่วยรักษาพื้นที่เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม ทว่าเมื่อวานนี้ (17 ธันวาคม 2024) ยังพบว่า ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงพื้นที่ของหลุมศพได้อยู่ ขณะที่สหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) เพื่อให้แน่ใจว่า ชาวซีเรียจะได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากเหตุการณ์ครั้งนี้
หลักฐานและคำให้การในอดีตที่เป็นจริง
รายงานของรอยเตอร์จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางดาวเทียม ยังพบหลักฐานชิ้นสำคัญคือ ร่องรอยการขุดขนาดใหญ่ในช่วงปี 2012 และ 2014 จนถึงปี 2022 เผยให้เห็นหลุมและรถขุดอย่างน้อย 3-4 คันรายรอบพื้นที่หลุมศพในปัจจุบัน
ขณะที่ในปี 2021 และ 2023 เคยมีการเปิดเผยหลักฐานจาก ‘คนงาน’ ขุดหลุมศพสังหารหมู่ในซีเรีย ทั้งในการพิจารณาคดีเจ้าหน้าที่ซีเรียในเยอรมนี และการให้การต่อหน้าสภาคองเกรสสหรัฐฯ ว่า เมื่อก่อนเขาทำงานในสุสานแถวกรุงดามัสกัส จนกระทั่งหน่วยข่าวกรอง 2 คน สั่งให้เขาทำหน้าที่ขับรถและฝังศพที่นาจา (Najha) ใกล้กับดามัสกัส รวมถึงที่กุตาฟาห์
เขาเล่าว่า ในช่วงปี 2011-2018 ตนต้องนั่งรถของทางการซีเรียที่มีหน้าของอัล-อัสซาดไปยังพื้นที่บ่อยครั้ง หลังจากนั้นมีรถคอนเทนเนอร์เย็นราว 2-3 คันแยกอีกที โดยหน้าที่ของเขาคือ การขนศพลงในหลุมที่เตรียมการไว้แล้ว และให้รถตักดิน ‘เก็บงาน’ ปรับพื้นที่ให้ราบเรียบเป็นปกติ และเขาทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทุกสัปดาห์ บ้างก็ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งคาดว่า ผู้เสียชีวิตมีตัวเลขอยู่ที่ 300-600 ราย ทั้งถูกซ้อมทรมาน ขาดสารอาหาร และถูกสังหารจากเจ้าหน้าที่รัฐ
อ้างอิง
https://www.bbc.com/news/articles/cj90wz8weymo
Tags: ซีเรีย, ตะวันออกกลาง, การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, สังหารหมู่, Middle East, อัล-อัสซาด, หลุมศพ