THE MOMENTUM
THE MOMENTUM
  • Report
  • Life
  • Lifestyle
  • Culture
  • People
  • Thought
  • Series
  • Video
serach
search
Internal Affairs
Mar 24, 2025
facebook.png
twitter.png
instagram.png
line.png
email.png
Internal Affairs
Mar 24, 2025
Share

สุรเชษฐ์ชี้ นายกฯ ใช้ความสัมพันธ์ ‘เอื้อทุนใหญ่’ เปลี่ยนสัญญา เลื่อนสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง เสี่ยง ‘ทุจริตเชิงนโยบาย’

วันนี้ (24 มีนาคม 2568) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายถึงสาเหตุความล่าช้าของโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับการ ‘ทุจริตเชิงนโยบาย’ ของรัฐบาลกับการปรับเปลี่ยนสัญญาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนผู้รับสัมปทาน

สุรเชษฐอธิบายว่า บริษัทที่ได้รับสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้เซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2562 แต่เวลาผ่านมากว่า 5 ปีครึ่ง กลับยังไม่เริ่มสร้าง

สส.พรรคประชาชนกล่าวต่อว่า โดยปกติโครงการนี้จะให้สิทธิ์ทุนระดับแสนล้านเท่านั้น แต่ทราบข่าวมาว่า ทุนใหญ่ยังไม่อยากเริ่มงานนี้เพราะหนี้สินเต็มเพดาน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงอยากแก้สัญญา เพื่อแก้สภาพคล่องทางการเงินก่อนเริ่มโครงการ

โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมีความเสี่ยงสูง ภาครัฐจึงอุดหนุนเงินก่อสร้างกว่า 159,830 ล้านบาท และยกที่ดินมักกะสันและศรีราชาของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการพัฒนาเพิ่ม ทั้งนี้การก่อสร้างยังไม่เกิดขึ้นแม้ว่าจะเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปกติขั้นตอนต่อไป การรถไฟแห่งประเทศไทยจะต้องออกหนังสือสั่งให้เอกชนเริ่มก่อสร้าง แต่เอกชนได้ใช้เงื่อนไขและการเริ่มต้นดำเนินโครงการมาเป็นข้ออ้างที่ส่งผลให้โครงการล่าช้า

เงื่อนไขที่เอกชนใช้เป็นข้ออ้างในการไม่เริ่มต้นก่อสร้างตามที่สุรเชษฐ์ระบุคือ เงื่อนไขในข้อ 6.1 (3) ในเงื่อนไขและการเริ่มต้นดำเนินโครงการที่ระบุว่า เอกชนคู่สัญญาได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการเกี่ยวกับรถไฟ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการออกบัตรดังกล่าว ซึ่งสุรเชษฐ์ระบุว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ‘รอ’ ให้เอกชนได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนในโครงการเกี่ยวกับรถไฟ จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก่อน แล้วจึงจะออกหนังสือสั่งให้เอกชนเริ่มก่อสร้าง

แต่ปัญหาคือ ในการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในโครงการเกี่ยวกับรถไฟ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีความจำเป็นต้องขอเอกสารเพิ่มเติม จากเอกชนผู้รับสัมปทานในโครงการ เพื่อใช้ประกอบการทำบัตรก่อน ซึ่งสุรเชษฐ์ได้เปิดเผยว่า เอกชนได้ขอขยายเวลาในการส่งเอกสารมาหลายครั้งจนถึงครั้งล่าสุดกำหนดอยู่ที่ 22 พฤษภาคม 2567 ซึ่งในระหว่างนั้นบริษัทเอกชนได้ระบุว่า จะส่งเอกสารตามกำหนดการที่ได้ขยายออกไป แต่ข้อเท็จจริงคือ ยังไม่มีการส่งเอกสารเพื่อประกอบการทำบัตรส่งเสริมการลงทุนในโครงการเกี่ยวกับรถไฟ ให้กับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแต่อย่างใด

สำหรับเหตุผลว่า เหตุใดเอกชนจึงพยายามขยายเวลาการส่งเอกสาร เพื่อให้ BOI นำไปประกอบการออกบัตรส่งเสริมการลงทุน นำมาซึ่งความล่าช้าของโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักของ EEC ที่ล่าช้าไปกว่า 5 ปีครึ่ง สุรเชษฐ์ระบุว่า มีข่าวสารในแวดวงธุรกิจระบุว่า เนื่องจากเอกชนผู้รับสัมปทานโครงการ ‘ขาดสภาพคล่อง’ ทางการเงิน จึงไม่พร้อมที่จะเริ่มงาน ขณะเดียวกันก็มีความต้องการ ‘แก้ไข’ สัญญาการลงทุนแบบ PPP ที่ได้เซ็นไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้ตนได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้การที่เอกชนผู้รับสัมปทานไม่ส่งเอกสารให้กับ BOI ตามกำหนดเวลา และมีการเลื่อนระยะเวลาออกไปเรื่อยๆ นับเป็นการกระทำการผิดสัญญา และควรที่จะได้รับการลงโทษ ทว่าปัจจุบัน บริษัทเอกชนรายนี้ยังคงเป็นผู้ถือสัมปทานอยู่ และรัฐบาลยังคงยินยอมให้มีการเลื่อนเช่นนี้เรื่อยมา สุรเชษฐ์จึงตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจากบริษัทเอกชนผู้รับสัมปทานในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมีความสัมพันธ์กับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นบิดาของ แพทองธาร ชินวัตร นากยกฯ คนปัจจุบัน อีกทั้งนายกฯ ยังเป็นผู้ ‘กำกับ’ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงทำให้รัฐบาลใจดีและยอมอ่อนให้กับเอกชนเจ้านี้หรือไม่

ที่สำคัญคือการแก้สัญญาความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน ซึ่งเอกชนผู้รับสัมปทานได้เซ็นไปแล้วในวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ได้ถูกปรับเปลี่ยนสัญญาไปที่เอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอกชน จากเดิมที่เอกชนดูแลค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างตลอดการทำโครงการ และให้รัฐบาลจ่ายให้หลังจากโครงการเสร็จสิ้นและเปิดให้บริการ เปลี่ยนเป็นให้รัฐเริ่มจ่ายตั้งแต่ก่อสร้างใน 5 ปีแรก การให้เอกชนผ่อนชำระค่าสิทธิ์ในการบริหารแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จำนวน 10,678 ล้านบาท ซึ่งต้องจ่ายภายในวันที่ 24 ตุลาคม 2564 แต่รัฐบาลก็ยังอุ้มทุนด้วยการทำ MOU ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ให้สิทธิ์เดินรถไปพลางก่อน

ในช่วงท้าย สุรเชษฐ์ประเมินว่า รัฐบาลต้องสูญเสียเงินไปตั้งงบประมาณตามการแก้ไขสัญญาการลงทุน จากเดิมที่รัฐบาลจะต้องชำระเงินค่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในปี 2574 ตามสัญญาเดิม กลายเป็นการสร้างไปและจ่ายไป ซึ่งจะทำให้รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณ เพื่อชำระค่าโครงการในแต่ละปี

“ส่วนประชาชนทั่วไปร่วมถึงข้าราชการในหน่วยงานอื่นก็ซวยขึ้น เพราะผลก็คือการเบียดบังพื้นที่งบประมาณในปี 2569 21,015 ล้านบาท ปี 2570 เบียดบังไปอีก 37,558 ล้านบาท ปี 2571 อีก 35,065 ล้านบาท และปี 2572-2573 อีก 31,594 ล้านบาท รัฐบาลหน้าก็ซวยด้วยจากการอนุมัติในรัฐบาลนี้”

Author

  • THE MOMENTUM TEAM

facebook.png
twitter.png
instagram.png
line.png
email.png

Related Posts

  • Internal Affairs

    “มั่นใจว่า ดิฉันเสียภาษีมากกว่าท่านแน่นอน” นายกฯ ซัดกลับวิโรจน์ ‘สำคัญผิดในข้อเท็จจริง’

    โดย THE MOMENTUM TEAM
  • Internal Affairs

    นายกฯ กล่าว นี่เป็นการช่วยเหลือครั้งสุดท้าย การบินไทยต้องปรับโครงสร้างทั้งหมด

    โดย THE MOMENTUM TEAM
  • Internal Affairs

    นายกฯ ขอ อย่ายึดติดกับสีเสื้อดำ-ขาว ประชาชนใจดีทำริบบิ้นแจกฟรี

    โดย นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

Stay curious, be open

  • Report
  • Life
  • Lifestyle
  • People
  • Culture
  • Thought
  • Video
  • Podcast
  • About us
  • Contact us

FOLLOW US

THE MOMENTUM

day poets Co.,Ltd.

33 ซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
Share
Tweet
LINE LINE
Email

Subscribe to our mailing list

* indicates required