คณะผู้แทนองค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) เผยว่า กองกำลังกึ่งทหารติดอาวุธซูดาน (Rapid Support Forces: RDF) และกองกำลังพันธมิตรชาติอาหรับ ได้ล่วงละเมิดทางเพศ และลักพาตัวประชาชนในช่วงอายุ 8-75 ปี อีกทั้งยังข่มขู่และลงโทษ หากใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับศัตรู
สงครามซูดานยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ 2 หรือคิดเป็นเวลาทั้งหมด 18 เดือน มีที่มาจากปูมหลังทางประวัติศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของประเทศ โดยจุดแตกหักคือ การที่กองทัพซูดานทำรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนในปี 2021 แต่หาข้อสรุปเรื่อง ‘เงื่อนเวลา’ การรวมกองกำลัง RSF เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพไม่ได้ จนท้ายที่สุดเกิดการสู้รบในเดือนเมษายน 2023
ทั้งนี้คณะผู้แทน UN เผยสถานการณ์ล่าสุดผ่านแถลงการณ์ 80 หน้าจากการสัมภาษณ์เหยื่อ ครอบครัว และพยาน ซึ่งอ้างอิงจากรายงานของรอยเตอร์ (Reuters) และกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน โดยพบว่า สถิติความรุนแรงทางเพศในซูดานพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังกองกำลัง RSF และกลุ่มพันธมิตรชาติอาหรับ ล่วงละเมิดทางเพศประชาชน และลักพาตัวเด็กอายุ 8 ปี จนถึงคนชราวัย 75 ปี เพื่อบังคับให้เป็นทาสบำเรอกามอารมณ์
ในรายงานระบุว่า หญิงชาวมาซาลิต (Masalit) คนหนึ่งจากเมืองเอลเจนนา (El Geneina) ที่อยู่ในรัฐดาฟูร์ตะวันตก (West Darfur) ถูกนักรบในกองกำลัง RSF ข่มขู่ให้เธอมีลูกกับเขา โดยใช้อาวุธปืนจ่อและข่มขู่ว่า เธอต้องให้กำเนิดเด็กชาวอาหรับ ขณะที่เหยื่อคนอื่นถูกจับกุมเป็นระยะเวลา 8 เดือน อีกทั้งยังถูกล่วงละเมิดทางเพศซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตั้งครรภ์
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้หญิงถูกฉุด โดนทุบตีและข่มขืน ก่อนที่จะปล่อยให้ทิ้งไว้ให้หมดสติข้างถนนซึ่งมีการเปิดเผยว่า ผู้กระทำความผิดมีทั้งผู้ชายที่อยู่ในเครื่องแบบของ RSF และบุคคลนิรนามที่สวมผ้าคลุมใบหน้าทั้งหมด
ปัญหาสำคัญในการสอบสวนครั้งนี้ คือ มีการบันทึกอาชญากรรมทางเพศจากฝ่ายกองทัพซูดานที่เกิดขึ้นน้อยมาก จึงต้องมีการสอบสวนคนท้องถิ่นเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวภายในที่น่าเชื่อถือเผยว่า ทั้งกองทัพซูดานและกองกำลัง RSF กำลังเกณฑ์ทหารเด็กเพื่อไปต่อสู้ในสงคราม
ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน UN เผยว่า ซูดานกำลังเผชิญวิกฤตสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงที่เทียบเท่า ‘อาชญากรรมสงคราม’ โดยเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจส่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติรักษาสันติภาพเพื่อปกป้องพลเรือน ทว่าทั้งกองกำลัง RSF และกองทัพซูดานต่างปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมกับโยนความผิดให้อีกฝ่าย
แม้ซูดานกำลังเผชิญสถานการณ์ร้ายแรงไม่แพ้กาซาและยูเครน แต่ในหน้า ‘พื้นที่สื่อ’ กลับได้รับการรายงานน้อยมาก โดยสงครามครั้งนี้ทำให้เกิดการกวาดล้างชาติพันธุ์ และผู้พลัดถิ่น 11 ล้านคน อีกทั้งยังมี ‘วิกฤตความอดอยาก’ ที่ได้รับการวิเคราะห์จาก IPC Scale IPC Scale’ (Integrated Food Security Phase Classification: IPC) ว่า ประชากรอย่างน้อย 20% ในพื้นที่กำลังขาดแคลนอาหาร ขณะที่ 30% ของเด็กกำลังขาดสารอาหารขั้นรุนแรง และมีผู้เสียชีวิต 2 คนจาก 1 หมื่นคนต่อวัน เพราะความหิวโหยหรือป่วยเพราะขาดสารอาหาร
อ้างอิง
Tags: ซูดาน, ความรุนแรงทางเพศ, กองทัพซูดาน, สงคราม, ลักพาตัว, แอฟริกา