นอกจากประเด็นข่าวต่างประเทศเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงร้อนระอุและเป็นที่สนใจของสังคมไทย อีกเรื่องที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่แม้ว่าศึกการเลือกตั้งที่สื่อเกาหลีใต้เรียกว่า ‘เละเทะที่สุดในประวัติศาสตร์’ จะจบไปแล้วในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมี ยุน ซอก-ยอล จากพรรคพลังประชาชนเกาหลี ได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง อี แจ-มยอง จากพรรคมินจู และเตรียมขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 20 ของเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม

แต่สิ่งที่น่าติดตามต่อไปหลังจากนี้ โดยเฉพาะข้อวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ที่ค่อนข้างแข็งกร้าวในหลายด้าน และมีความ ‘ขวาจัด’ อาทิ นโยบายความเท่าเทียมทางเพศที่หลายคนมองว่าเป็นหายนะ มาตรการที่แข็งกร้าวมากขึ้นต่อเกาหลีเหนือ การสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกา และนโยบายต่อคนต่างชาติ

ชัยชนะของ ยุน ซอก-ยอล ครั้งนี้ สะท้อนสังคมเกาหลีใต้ในหลายด้าน โดยเฉพาะมุมมองของคนในชาติที่ยังค่อนข้างมีความชาตินิยมสูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ภายใต้รัฐบาลที่นำโดย ยุน ซอก-ยอล จะส่งผลต่ออนาคตของคนเกาหลีใต้อย่างแน่นอน รวมไปถึง ‘คนต่างชาติ’ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนเกาหลีแห่งนี้ ที่จะต้องได้รับผลกระทบจากนโยบายของ ยุน ซอก-ยอล ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม

The Momentum มีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘กิ่ง’ – กรชวัล กริ่งสันเทียะ คนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ เธอจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขา South East Asian Study และศึกษาต่อจนจบปริญญาโท สาขา Korea East Asia Study ที่มหาวิทยาลัยซอกัง ในเกาหลีใต้ ปัจจุบัน กรชวัลพำนักที่เกาหลีใต้มาแล้ว 5 ปี และทำงานด้านมาร์เก็ตติ้ง เกี่ยวกับมุมมองของประเด็นต่างๆ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ และข้อกังวลของคนต่างชาติในยุคอำนาจของ ยุน ซอก-ยอล ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บรรยากาศที่เกาหลีใต้หลังเลือกตั้งเสร็จแล้ว เป็นอย่างไร

ผู้คนยังใช้ชีวิตตามปกติ แต่หลังเลือกตั้งเสร็จ จะเห็นว่าตามท้องถนนของแต่ละเขตมีการขึ้นป้ายแสดงความยินดีต่อผู้สมัครในเขตนั้นๆ แต่ยังไม่เห็นผู้สมัครที่ออกมาแรลลี่ขอบคุณประชาชน นอกจากนี้ ในสื่อเกาหลีตอนนี้ก็เป็นข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งแทบจะ 99 เปอร์เซ็นต์ ทั้งในฝั่งผู้ชนะ และฝั่งผู้แพ้ ส่วนมากจะเป็นสกู๊ปอินไซด์ของผู้สมัคร หรือการรีแคปผลการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้โฟกัสเรื่องนโยบายจากฝั่งผู้ชนะเท่าไร เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้เข้าไปทำงานอย่างเป็นทางการ

สื่อส่วนใหญ่บอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ‘เละเทะที่สุด’ ในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ คุณคิดเห็นอย่างไรกับคำนี้

ถ้าเราย้อนกลับไปการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ เช่น ช่วง พักกึน-ฮเย หรือมุน แจ-อิน เขาจะมี mutual respect ให้กับคู่แข่งมากกว่านี้ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ มันมีทั้งความขัดแย้งระหว่างตัวผู้สมัครแต่ละคนเอง โดยเฉพาะ ยุนซอก-ยอล กับ อี แจม-ยอง ที่เป็นตัวหลัก เขาพ่น Hate Speech ใส่กันเลย ขุดข่าวฉาวของแต่ละฝ่ายออกมา มันเลยทำให้คนเกาหลีต้องเลือกระหว่าง คนที่ไม่ชอบ หรือเกลียดเข้าไส้ ไปเลย ไม่ใช่แค่ชอบหรือไม่ชอบ

แล้วด้วยความที่เน้นไปที่การขุดข่าวฉาว โจมตีฝ่ายตรงข้าม เราเลยรู้สึกว่าเขาไม่พูดถึงนโยบายเท่าไร คือถ้าไม่ได้ไปฟังการหาเสียงตามแต่ละเขต เราก็แทบจะไม่รู้เลยว่า นโยบายหลักๆ ของแต่ละคนมีอะไรบ้าง เราเคยไปฟังครั้งหนึ่งตอนเขามาหาเสียงในเขต ผู้สมัครเขาก็จะพูดแต่เรื่องในเขตนั้น แต่ไม่ได้พูดในภาพรวมว่าจะทำอะไร อย่างไร

คุณมองชัยชนะของ ยุน ซอก-ยอล อย่างไร อะไรทำให้เขาคว้าตำแหน่งนี้ได้

ส่วนตัวเราก็ไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายเขา แต่ยุน ซอก-ยอลจะมีแคมเปญที่เจาะไปที่กลุ่มผู้ชายในช่วงวัย 20-30 โดยเฉพาะเลย ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนหลักในเกาหลี ผลเลือกตั้งที่ออกมาก็คือผู้ชายที่อยู่ในช่วงวัยนี้ก็จะเลือกเขาเป็นหลัก แล้วก็มีผู้สูงอายุขึ้นมาหน่อยที่มีความโปรในพรรคของยุน ซอก-ยอลอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นพรรคของพัก จ็อง-ฮี (อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้)

ที่เกาหลีใต้ จะมีการประท้วงกันทุกเสาร์-อาทิตย์ เราเคยนั่งรถผ่านไปแถวจตุรัสควางฮามุน ซึ่งเป็นสถานที่ประท้วงหลัก ก็จะเห็นตลอดว่า คนประท้วงจำนวนเยอะมากคิดถึงพัก จ็อง-ฮี คิดถึงพัก กึน-ฮเย (อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ บุตรสาวของพัก จ็อง-ฮี) เราเลยเข้าใจว่าทำไมยุน ซอก-ยอลชนะ ทั้งที่ในโลกส่วนใหญ่ที่เราเห็นในทวิตเตอร์ คนไม่ชอบยุน ซอก-ยอลเลย แต่ว่าประชากรหลักของเกาหลีเป็นประชากรผู้ชายกับผู้สูงอายุ แล้วมันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างฝังรากลึกลงไปในความเชื่อของคนเกาหลีว่า พัก จ็อง-ฮีคือคนที่ทำให้เกาหลีพัฒนาขึ้นมา ทั้งที่เขาเป็น dictatorship

มองอย่างไรกับนโยบายของ ยุน ซอก-ยอล ที่ค่อนข้างขวาจัด โดยเฉพาะนโยบายความเท่าเทียมทางเพศที่หลายคนมองว่าเป็นหายนะ อย่างที่เขาประกาศเตรียมยุบกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศและครอบครัว

ตอนออกมาหาเสียง ยุน ซอก-ยอลบอกว่า เขาจะยุบกระทรวงนี้เพราะเสียงบประมาณไปเยอะมากกับการโฟกัสเรื่องความเท่าเทียม เขาอยากจะกำจัดตรงนี้ออกไป แล้วเอางบฯ ไปทำอย่างอื่น เช่น ความมั่นคงทางการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อจะเน้นการต่อกรกับเกาหลีเหนือ ที่สำคัญ ตอนนี้เพิ่งมีข้อมูลใหม่ออกมาในสื่อเกาหลีใต้ คือ พอมีการ fact check สิ่งที่ยุน ซอก-ยอลพูดตอนหาเสียง มันมีข้อมูลที่ไม่จริงถึง 12 เรื่อง หมายถึงเขาเอาข้อมูลเท็จมาหาเสียง เช่น เขาบอกว่าจะยุบกระทรวงความเท่าเทียมเพราะใช้เงินเยอะ แต่ข้อมูลจริงมันไม่ใช่ มันมีงบฯ ตัวนี้จริง แต่ไม่ได้ใช้มากขนาดที่เขาเอาตัวเลขมาอ้าง เหมือนเขาใส่สีตีไข่เข้าไป ทำให้คนที่อาจจะไม่ชอบการมีอยู่ของกระทรวงนี้ เทความคิดไปว่า สิ่งที่ยุน ซอก-ยอลพูดน่าสนใจ กำจัดไปก็ดี และเอาเงินมาใช้กับสิ่งอื่นดีกว่า

ที่เป็นแบบนี้เพราะคนเกาหลีโฟกัสหลักๆ 3-4 เรื่อง คือ ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจในประเทศ ปัญหาราคาบ้านที่สูงมาก คือคนทั่วไปไม่สามารถเอื้อมถึงได้เลย อย่างไรก็ต้องเช่าหรือกู้เงินไปตลอดชีวิต และเรื่องปัญหาการว่างงาน และถ้าเป็นนโยบายกับต่างชาติ คนเกาหลีก็จะสนใจว่าทิศทางกับเกาหลีเหนือจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น คนก็เลยรู้สึกว่า ถ้าจำกัดงบฯ อย่างที่ยุน ซอก-ยอลอ้างได้ แล้วเอามาทุ่มให้อย่างอื่น ก็เป็นเรื่องดี แล้วคนเกาหลีมีความเป็นชาตินิยมอยู่ค่อนข้างสูงมาก ก็เลยอาจจะเทมาทางนี้

ทั้งที่โลกทุกวันนี้ให้ความสนใจไปที่เรื่องความเท่าเทียมในด้านต่างๆ มากเป็นพิเศษ

ไม่ใช่แค่ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศที่ยุน ซอก-ยอลไม่ค่อยจะโอเคกับผู้หญิง โดยเฉพาะเฟมินิสต์ แต่เขาค่อนข้าง Sinophobia (พฤติกรรมหรือปรากฏการณ์ต่อต้านจีน) ในระดับหนึ่งเลย เท่าที่ตามข่าว เขาจะโฟกัสไปที่คนจีน จำกัดสิทธิคนจีน เพราะคนต่างชาติอันดับหนึ่งในเกาหลีคือคนจีน อย่างเรื่องประกันสุขภาพ คนจีนจะใช้สิทธิตรงนี้เยอะมาก หรือนโยบายต่างประเทศที่ออกมา ซึ่งจะไม่ได้ประนีประนอมกับจีนเหมือนเดิมแล้ว เพราะยุน ซอก-ยอลก็ประกาศว่าจะโปรฝั่งอเมริกาเลย ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนเลือกพรรคนี้ เพราะพอความสัมพันธ์กับอเมริกาแน่นแฟ้นขึ้นมา เกาหลีก็จะแข็งแกร่งขึ้น แล้วศัตรูอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ก็คือเกาหลีเหนือ ยุน ซอก-ยอลต้องการให้อเมริกามาช่วยเรื่องความมั่นคงทางการทหาร ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของเกาหลี แต่ยุน ซอก-ยอลก็ประกาศว่า จะเน้นไปที่ความมั่นคงทางการทหาร ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ เขาจะเริ่มจากเรื่องปากท้องของคนในประเทศก่อน

นโยบายอะไรของยุน ซอก-ยอลที่จะส่งผลโดยตรงหรือทางอ้อมกับชาวต่างชาติในเกาหลีใต้ รวมถึงตัวคุณเองบ้าง

ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ยังไม่มีการเริ่ม launch นโยบายออกมาจริงจัง แต่เท่าที่เห็น ยุน ซอก-ยอลประกาศกร้าวเลยว่า เงินในส่วนของประกันสุขภาพของคนต่างชาติจะต้องลดลงแน่นอน เพราะฉะนั้น เราอาจจะต้องจ่ายแพงขึ้นเพื่อรับสิทธิตรงนี้ แล้วต่อไปเรื่องการต่อวีซ่าอาจจะยากมากขึ้น เพราะเวลาจะต่อวีซ่าทำงานในเกาหลีใต้แต่ละที จะต้องมีระดับเงินเดือนที่สูงมาก สมมติปีที่แล้วต้องมีหนึ่งล้าน ปีนี้ต้องมีสามล้าน มันดีดขึ้นไปสูงมาก เราเลยคิดว่าถ้าเป็นประธานาธิบดีคนนี้ มันจะยิ่งสูงขึ้นไปอีกหรือเปล่า ก็มีความกังวลอยู่ค่อนข้างสูง

ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่านโยบายเขาจะออกมาอย่างไร เพราะว่าย้อนไปตอนที่ดูการดีเบตของแคนดิเดตสี่คน แต่ละคนก็จะโฟกัสเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ การจัดการโควิด แต่ความแตกต่างของแต่ละคนคือเรื่องที่เป็นเรื่องรองลงมา เช่น เพศ ความเท่าเทียม ผู้สูงอายุ สวัสดิการ สาธารณสุข แรงงาน แต่ยุน ซอก-ยอล บางเรื่องก็ไม่มีไปเลย เราเลยจับทางไม่ถูกเหมือนกัน เหมือนเขาเป็นคนที่เตรียมตัวมาน้อยที่สุดในบรรดาสี่คนหลักๆ เลย

ก็นับเป็นเรื่องน่าแปลกที่ยุน ซอก-ยอล ยังได้รับชัยชนะ

เรามองว่าเป็นเพราะชื่อพรรคของเขา อย่างคนที่อาจจะไม่ได้ตามมากนัก แค่เห็นว่าเป็นชื่อพรรคนี้ หรือเห็นข่าวว่าประธานาธิบดีคนนี้ขาวสะอาด อย่างฝั่ง อี แจ-มยอง ยังมีเรื่องการถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย แต่ฝั่งยุน ซอก-ยอล คนเห็นว่าเป็นอัยการ มาจากครอบครัวที่ดี คนเกาหลีจะให้ค่าเรื่องนี้มาก แค่เห็นจบมาจากมหาวิทยาลัยนี้ เป็นอัยการ เคยทำงานในรัฐบาลไหนมาก่อน ในมุมมองของคนที่มีความอนุรักษนิยมสูงก็จะรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ แต่ถ้ามาดูในคนอายุ 20-30 ก็จะคิดว่า การที่ยิ่งไม่มีประวัติ มันยิ่งน่ากลัวกว่า คนเราจะขาวใสขนาดนั้นเลยหรือ เพราะอย่างตอนพัก กึน-ฮเย ตรวจสอบประวัติก็ไม่มีอะไร แต่อย่างที่เห็น พอทำงานไป คนก็ออกมาไล่กัน

ชัยชนะครั้งนี้สะท้อนสังคมเกาหลีอย่างไรบ้าง

สะท้อนว่าคนเกาหลีก็ยังมีความขวาจัดค่อนข้างสูง คือท้ายที่สุด ความเกลียดชังต่างๆ ของยุน ซอก-ยอล ที่มีต่อเฟมินิสต์หรือชาวต่างชาติ หรือกลุ่มสหภาพแรงงาน มันชัดมาก เราจะเห็นได้จากโพสต์ในเฟซบุ๊กของเขาที่บอกว่า คนต่างชาติจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนเดิม แล้วคนกดไลก์เยอะมาก คนชอบอะไรแบบนี้เยอะ ก็จะเห็นว่าความชาตินิยมของคนเกาหลียังค่อนข้างสูง หรือตอนที่เขารับผู้อพยพมาจากอัฟกานิสถาน ก็มีคนเกาหลีออกมาประท้วงว่า ทำไมจะต้องให้พวกนี้เข้ามาเรียนในโรงเรียนเดียวกับคนเกาหลีด้วย คนเกาหลีควรจะได้สิทธิพิเศษก่อนหรือเปล่า เขารู้สึกว่าคนในชาติเขาต้องมาเป็นที่หนึ่ง

แล้วผู้ชายในประเทศนี้ จะรู้สึกว่าไม่อยากให้ผู้หญิงเท่าเทียมกับเขา เพราะด้วยธรรมชาติของคนที่นี่ เขาจะรู้สึกเสียเกียรติ ตอนนี้คำถามหลักๆ ในแอพทินเดอร์ คือ นอกจากถามว่าเป็นใครมาจากไหน เขาจะถามผู้หญิงด้วยนะว่าเป็นเฟมินิสต์ไหม หรือดูจากผลการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ เช่น โซล ผลของคนที่เลือกยุน ซอก-ยอล จะเป็นคนที่อาศัยในย่านคนรวย เช่น คังนัม หรือซอโช ซึ่งเป็นย่านที่อสังหาฯ มูลค่าสูงมาก ส่วนที่เลือกอี แจ-มยอง ก็จะเป็นชนชั้นกลาง ไปจนถึงฐานะธรรมดา เลยมีคนพูดว่า ยิ่งเป็นนายทุน ยิ่งมีเงินมาก ยิ่งทำให้เลือกฝ่ายขวาหรือเปล่า เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว พอยุน ซอก-ยอลชนะคนที่จะได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มนายทุน

ไหนจะมีนโยบายที่เน้นไปที่ผู้ชาย เรื่องให้เงินเดือนทหารมากขึ้น หรือนโยบายคริปโต ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่คือผู้ชาย เราจะเห็นได้เลยว่าเขาเน้นไปที่ผู้ชาย และเน้นไปที่นโยบายที่เอื้อต่อนายทุน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นประชากรหลักของเกาหลีใต้ มันสะท้อนเลยว่าคนเกาหลีใต้ส่วนมาก อาจจะไม่ถึงขนาดยุน ซอก-ยอล แต่ก็มีความคิดที่คล้ายคลึงกัน

ชัยชนะของยุน ซอก-ยอล จะส่งผลต่อประเทศไทยอย่างไรบ้างไหม

ตอนรัฐบาลมุน-แจอิน เขาไม่ได้แตะประเด็นอะไรที่เกี่ยวกับ South East Asia เลย ความสัมพันธ์มันเลยไม่ค่อยดี ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับไทยอยู่บ้าง อย่างตอนนี้จีนเป็นจ้าวครองภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ปัญหาทะเลจีนใต้ก็ไม่มีใครกล้าหือกับจีน อเมริกาอยากเข้ามาก็ไม่รู้จะเข้ามาทางไหน เพราะไทยก็ไปทางจีนเหลือเกิน ทั้งที่เมื่อก่อนเรามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับอเมริกา แต่ตอนนี้ก็ห่างไปเยอะแล้ว พอมีรัฐบาลยุน ซอก-ยอลขึ้นมา ด้วยความที่เขาต้องการจะแน่นแฟ้นกับอเมริกามากๆ เราเลยรู้สึกว่าทิศทางมันน่าจะมีการคานอำนาจกับจีนมากขึ้น คือการที่จีนจะมาทำอะไรในภูมิภาคเรา ก็อาจจะยากหน่อย รวมถึงการที่เขาจะเข้ามาเอาผลประโยชน์ แต่ก็จะต้องดูด้วยว่า มันจะมีผลอะไรต่อเกาหลีกลับมาไหม เพราะเรื่องเงิน การค้า หรือนักท่องเที่ยว ประเทศจีนก็ค่อนข้างถึงเหมือนกัน

ทั้งนี้ ต้องรอดูอีกทีเดือนพฤษภาคม เพราะต้องใช้เวลาสองเดือนในการเฟ้นหาคณะทำงานขึ้นมาใหม่ แล้วจะเริ่มทำงานกันจริงๆ คือ 10 พฤษภาคมนี้ แต่ต่อให้ยุน ซอก-ยอลจะมีนโยบายโปรไปทางไหน หรือไม่เอาทางไหน สุดท้ายก็ต้องฟังเสียงข้างมากของรัฐสภาอยู่ดี เกาหลีค่อนข้างจะโอเคตรงนี้ คือมีรัฐสภาที่ค่อนข้างเห็นตรง มาคอยคานอำนาจ แล้วถ้าประชาชนไม่อยากได้ ออกมาประท้วง แล้วมีการตรวจสอบจริงจัง สุดท้าย ยุน ซอก-ยอลก็ไม่สามารถทำตามใจได้

Tags: , , ,