วันนี้ (20 พฤศจิกายน 2568) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการ เพื่อป้องกันและยับยั้งการใช้ตลาดทุน-สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นช่องทางในการฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยระบุว่า ภายใต้บริบทปัจจุบันที่การปราบปรามการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีทวีความสำคัญขึ้น และเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ก.ล.ต.ดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมีการประสานงานร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ขณะเดียวกันยังตรวจสอบกรณีต้องสงสัยเกี่ยวกับการกระทำความผิด ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักทรัพย์ กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งยกระดับมาตรการและการบูรณาการ ให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล (Connecting the dots) เพื่อประโยชน์ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ปิดช่องโหว่ ทำให้เห็นภาพในองค์รวม เพื่อการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด

“ทั้งนี้ ก.ล.ต.ยังคงมุ่งเน้นกำกับดูแลให้ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต. ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เป็นไปตามกฎหมายฟอกเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นอกจากนี้ ก.ล.ต.ทำงานเชิงรุกในการป้องกัน ป้องปราม ปิดกั้น ตลอดจนมีเครื่องมือในการช่วยเหลือและแจ้งเตือนผู้ลงทุน ภายใต้การบูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน ในการนี้ ก.ล.ต.มุ่งเน้นดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การป้องกันเชิงรุก และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน” แถลงการณ์ระบุ

สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าวออกภายหลัง ก.ล.ต.ถูกกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลย ทำให้ขบวนการสแกมเมอร์จากต่างชาติใช้บริษัทหลักทรัพย์ข้ามชาติ นำเงินจากขบวนการสแกมเมอร์มา ‘ฟอก’ ผ่านตลาดหุ้นไทย รวมถึงยังมีการนำมาลงทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งช่องโหว่เหล่านี้อาจทำให้มีเงินสกปรกหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจไทยเป็นจำนวนมหาศาล

Tags: , , ,