วันนี้ (10 มีนาคม 2568) รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีการลงทุนของกองทุนประกันสังคม โดยพบว่า กองทุนประกันสังคมมีการลงทุนที่ผิดปกติ เล่นแร่แปรธาตุ ซื้ออาคารที่มีมูลค่า 3,000 ล้านบาท ในราคา 7,000 ล้านบาท สำหรับความผิดปกติมีดังนี้
1. ตึกดังกล่าวเคยเป็นตึกร้างจากวิกฤตเศรษฐกิจ ‘ต้มยำกุ้ง’ เมื่อปี 2540 อยู่ริมถนนพระราม 9 เดิมชื่อตึก I.C.E อย่างไรก็ตามในช่วงวิกฤตโควิด-19 มีการประเมินราคาตึกดังกล่าวว่า มีมูลค่าอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งรักชนกตั้งคำถามถึงจุดนี้ว่า เจ้าของตึกเดิมอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหนึ่ง และมีความใกล้ชิดกับบ้านที่อยู่ใน ‘ป่า’ หรือไม่
2. ในเวลาต่อมา ช่วงปี 2565-2566 ในรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมี สุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กองทุนประกันสังคมลงทุนซื้ออาคาร I.C.E ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นอาคาร SKYY9 โดยใช้เงินลงทุน 7,000 ล้านบาท ซื้ออาคารเดิมมารีโนเวต โดยกองทุนประกันสังคมมีการปรับแก้ระเบียบ ทำการศึกษา แล้วตัดสินใจลงทุน
3. อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาปลายปี 2565 ช่วงเวลาที่กองทุนประกันสังคมเตรียมซื้อ พบอัตราการเช่าอยู่เพียง 1-2% แต่ในช่วงเวลาที่กองทุนประกันสังคมเตรียมซื้อ มีการทำแผนอย่างสวยหรูเกินจริง โดยรายงานว่า จะมีคนเช่าใช้ตึกกว่า 40% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าสงสัยและเบ่งจนเกิดขีดความสามารถ โดยนำตัวเลขที่คาดว่าจะมีผู้ใช้ในอนาคตเข้ามารวมอยู่ด้วย รักชนกระบุว่า ตอนนี้ตัวเลขจริงๆ ของผู้เช่าอาจอยู่ที่ 20-30% เท่านั้น
4. ขณะเดียวกัน ค่าบริหารจัดการ ค่าจ้างกองทุนบริหาร รวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท โดยรายได้อยู่ที่ราว 40 ล้านบาท หากทำกิจการในอัตราแบบนี้ต่อไป ติดลบต่อไป ไม่มีใครสนใจเข้าใช้เท่าไร เท่ากับว่า 7,000 ล้านบาทอาจสูญเปล่าและเข้าข่ายติดลบก็ได้
5. รักชนกยังระบุด้วยว่า ตึกแห่งนี้ถูกตั้งเป้าและจัดทำประเมินคาดการณ์ไว้สวยหรู แต่ตอนนี้ต่ำกว่าเป้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ก่อนจะซื้อว่า ภายใน 2 ปีจะมีคนใช้ประมาณ 60% แต่ตอนนี้ ตัวเลขตามรายงานอยู่ที่ 20-30% เท่านั้น ทั้งนี้หากคำนวณว่า มีคนเข้าใช้ 100% ด้วยอัตราค่าเช่าปัจจุบัน ต้องใช้เวลากว่า 30 ปีจึงจะคืนทุน
6. ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือ เพราะเหตุใดกองทุนประกันสังคม โดยสำนักงานประกันสังคม จึงอนุมัติให้มีการลงทุนนอกตลาดหุ้น ซึ่งน่าจะมีปัญหาเรื่อง ‘ธรรมาภิบาล’ โดยเฉพาะการใช้เงินกองทุนกว่า 7,000 ล้านบาทซื้อตึกแห่งเดียว ไม่สนใจสินทรัพย์ในรูปแบบอื่น และกองทุนประกันสังคม ซึ่งดำเนินงานในรูปแบบหน่วยงานราชการยังไม่เคยบริหารจัดการอาคารและบริหารสินทรัพย์ในรูปแบบนี้ เพราะเหตุใดจึงตัดสินใจเสี่ยงเช่นนี้ รักชนกยังระบุด้วยว่า สิ่งที่ย้อนแย้งคือ หากกองทุนจะล้มละลายใน 25 ปี เพราะเหตุใดจึงเสี่ยงซื้ออาคารที่ต้องใช้เวลากว่า 30 ปีจึงจะคุ้มทุน
7. สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน กล่าวว่า โดยปกติกองทุนประกันสังคมจะทำแผนการลงทุน 5 ปีขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยคณะกรรมการประกันสังคมกำหนดกรอบว่า จะลงทุนอะไรบ้าง ซื้ออะไรบ้าง และมีอนุกรรมการการลงทุนที่พิจารณาแผนลงทุนในแต่ละปี โดยผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์คือ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม โดยเรื่องการซื้ออาคารเกิดขึ้นในช่วงปี 2565 ที่ให้สำนักงานประกันสังคมลงทุนนอกตลาดมากขึ้น
8. อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2565 มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองในการเข้าซื้อสินทรัพย์ เรื่องน่าสนใจคือคนที่มีอำนาจสั่งย้ายข้าราชการตอนนั้นคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขณะนั้นโยกย้ายเด็กหน้าห้อง มาอยู่ในกลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุน ทำแผนรายปีในการตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งอนุกรรมการการลงทุนนอกตลาด ซึ่งทั้งคนใกล้ชิดรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานต่างก็อยู่ในอนุกรรมการชุดนั้นด้วย
9. กระนั้นเองแทนที่กองทุนประกันสังคมจะซื้อตรง กลับไปตั้งกองทรัสต์มูลค่า 9,800 ล้านบาท โดยใช้เงิน 30% ไปลงทุนในต่างประเทศ มีบริษัทดูแลอย่างดี แต่ 70% ของกองทรัสต์กลับมาทุ่มซื้อที่นี่ที่เดียว โดยที่น่าสงสัยในเรื่องธรรมาภิบา ลคือ ไม่ได้ซื้ออาคารนี้ แต่ไปซื้อบริษัทที่มีสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวคืออาคารนี้ ซึ่งน่าสนใจว่าเป็นการลงทุนซ้ำซ้อน พยายามปกปิด และกว่าจะพบว่าสำนักงานประกันสังคมถือครองอาคารไหน ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก
10. สหัสวัตระบุว่า ตราบใดที่การลงทุนในกองทุนประกันสังคม ยังอยู่ในมุมมืด ก็จะเปิดช่องให้นักการเมืองอาจเข้าไปแทรกแซง และหาเงินกับเรื่องนี้ได้ โดยหลังจากนี้จะยื่นเรื่องไปยัง พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ และหลังจากนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งรักชนกและสหัสวัตยืนยันว่า จะมีเรื่องความไม่ชอบมาพากลในสำนักงานประกันสังคม