วันนี้ (18 ตุลาคม 2566) ที่บ้านพิบูลธรรม กระทรวงพลังงาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงนโยบายและทิศทางการทำงานของกระทรวงพลังงานชุดนี้ ภายใต้แนวคิด ‘พลังงาน มั่นคง เป็นธรรม ยั่งยืน’ 

พีระพันธุ์กล่าวตอนหนึ่งว่า จากการที่เป็น ส.ส.มา 30 ปี ก่อนที่ประเทศไทยจะมีพลังงาน เห็นว่าประเทศไทยมีการพัฒนาด้านพลังงานไปไกลมาก จนเติบโตเป็น ‘ธุรกิจพลังงาน’ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานมักมีพันธกิจที่สนใจเรื่องธุรกิจพลังงานเป็นสำคัญ จึงทำให้ดูเหมือนกับเป็นกระทรวงที่มีความเกี่ยวข้องกับประชาชนน้อย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง จึงอยากผลักดันให้กระทรวงพลังงานในวาระการกำกับดูแลของตนเกิดความเปลี่ยนแปลง โดยทำงานให้เข้าถึงประชาชนคนไทยมากยิ่งขึ้น เพราะตัวกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานมักไม่เคยถูกแก้เป็นระยะเวลานาน

ต่อจากนี้ กระทรวงพลังงานจะไม่ใช่กระทรวงที่ดูแลนักธุรกิจนักลงทุนอย่างเดียวอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า ‘เป็นธรรม’ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญหลักของแนวคิดวิถีการทำงาน โดยที่จะออกแบบนโยบายต่างๆ ให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น โดยผู้บริโภคต้องได้ราคาที่เหมาะสม และจะทำให้เกิดขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวมากที่สุด ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของหน่วยงาน ผ่านการปรับด้วยกลไกทางกฎหมาย

“ผมจะทำให้กระทรวงพลังงานเป็นกระทรวงที่ดูแลสังคม รวมถึงสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้ประเทศ ทั้งในแง่การใช้ชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจ เมื่อก่อนนี้ เราพึ่งแค่น้ำมันกับไฟฟ้า แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีและพลังงานทดแทนอื่นๆ มากมาย ทั้งลม แดด น้ำ ที่สามารถมาทำเป็นน้ำมันได้ ซึ่งถ้าเราส่งเสริมได้ก็จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน และเพื่อประหยัดเงินขึ้นด้วย” พีระพันธุ์กล่าวถึงทิศทางภายใต้การบริหารกระทรวงพลังงานใน 4 ปีนี้

สำหรับ ‘แผนงานระยะสั้น’ คือการ ‘ปรับค่าพลังงานลง’ ทั้งค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ซึ่งตอนนี้ทำสำเร็จแล้ว โดยลดค่าไฟฟ้า 3.99 บาทต่อยูนิต และราคาน้ำมันกำลังจะลงต่อ

ส่วน ‘แผนงานระยะกลาง’ เป็นการ ‘ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย’ เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของกระทรวงพลังงาน และเพื่อให้โครงสร้างพลังงานมีความเป็นธรรมเหมาะสมมากขึ้น 

และ ‘แผนงานระยะยาว’ จะเตรียมการบริหารกระทรวง และออกกฎหมายรองรับเพื่อให้นโยบายทั้งหมดเดินต่อไปได้ แม้หมดวาระ 4 ปี โดยเน้นย้ำว่า สำหรับนโยบายระยะกลางและยาว ‘รัฐต้องไม่เป็นอุปสรรค’ 

ในประเด็นเรื่องของการลดราคาน้ำมันเบนซิน 2.5 บาท ซึ่งมีความพยายามเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา และมีการถอนวาระออก พีระพันธุ์ตอบว่า เรื่องนี้ทำมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง และผ่านการศึกษา มีคณะทำงานขึ้นมาแล้วว่าสามารถทำได้ แต่ด้วยภายใต้โครงสร้างปัจจุบันอาจทำให้ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของราคาพลังงานที่ต้นทางและปลายทางต่างกันมาก และความต่างที่ว่ามีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องหลายส่วน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่การันตีว่าจะทำได้อย่างแน่นอน

สุดท้าย ในประเด็นของพลังงานเพื่อเกษตรกรและชาวประมง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า มีความตั้งใจจะผลิตน้ำมันราคาถูกให้กับเกษตรกร ดังที่มี ‘น้ำมันเขียว’ น้ำมันราคาถูกของชาวประมง เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถสู้ค่าพลังงานอื่นๆ ได้ และสิ่งเหล่านี้เป็นต้นทุนสำคัญในการประกอบอาชีพ นี่จึงเป็นอีกนโยบายหนึ่งที่มีแผนจะออกให้กับเกษตรกร โดยจะออกเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยพลังงานสำหรับเกษตรกรและชาวประมง

Tags: , , , , ,