พิธาให้สัญญา หากได้เป็นนายกฯ จะเร่งแก้ไขปัญหาการต่างประเทศ การแบ่งแยกดินแดน และยาเสพติด

วันนี้ (13 กรกฎาคม 2566) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลและผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้คำมั่นสัญญาในประชุมรัฐสภาว่า รัฐบาลไทยใต้การนำของเขาจะเร่งแก้ไขปัญหา 3 ประเด็นที่ถูกพาดพิง ดังนี้

1. ปัญหาการต่างประเทศ

เดือนกันยายนที่จะถึงนี้จะมีประชุมสหประชาชาติที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พิธาหวังให้การเลือกนายกฯ เสร็จสิ้นก่อนวันประชุมดังกล่าว เพื่อที่ตนจะได้เป็นตัวแทนไปบอกชาวโลกว่า “ประเทศไทยพร้อมแล้ว”

พิธาย้ำว่า นโยบายของพรรคก้าวไกลคือการหาจุดสมดุลระหว่างมหาอำนาจในการเมืองระหว่างประเทศแบบใหม่ กล่าวคือ ต้องรู้ว่าจังหวะเวลาใดควรแสดงบทบาทในฐานะพลเมืองโลก และจังหวะเวลาใดควรเงียบ

“Thailand is back and Thailand means business” พิธากล่าว

2. ปัญหาแบ่งแยกดินแดน

พรรคก้าวไกลตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพิธาให้สัญญาว่า ประเทศไทยภายใต้การนำของเขาจะพัฒนาเป็นรัฐเดี่ยวที่ก้าวหน้า ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มความมั่งคั่งทางอาหาร สนับสนุนพหุวัฒนธรรมและทุกศาสนา

3. ปัญหายาเสพติดและน้ำมันเถื่อน

พิธากล่าวว่า ในระยะเวลา 4 ปีที่พรรคก้าวไกลอยู่ในสภาก็จริงจังกับเรื่องการเสนอให้ปฏิรูปองค์กรตำรวจมาตลอด และมุ่งหวังจะทำต่อไปในฐานะรัฐบาล โดยจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และจัดการการนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ

ขณะที่ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และ ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกลเห็นว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ เป็นเรื่องร้ายแรง อย่างแรกเห็นว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลไม่สามารถถอยได้ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง ‘รุกได้ ถอยไม่เป็น’ เพราะกรณีนี้มาจากความคิดและความเข้าใจสถานการณ์ โดยปัจจุบันมีประชาชนถูกดำเนินคดีด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำนวน 253 คน จาก 272 คดี ซึ่ง ส.ส.พรรคก้าวไกลเห็นว่า ต้องแก้ไขปัญหา หากไม่แก้ก็เท่ากับมองไม่เห็นปัญหาใหญ่ในสังคม ด้วยเหตุนี้จึงเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มาตรานี้ถูกใช้ในการโจมตีทางการเมือง นอกจากนี้ ได้เสนอแก้ไขเพื่อไม่ให้มาตรานี้กลายเป็น ‘ระเบิดเวลา’ ในอนาคต ไม่ใช่นึกสนุกอยากจะแก้ก็แก้

สำหรับข้อเสนอดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปในหลักสากล และไม่ใช่สิ่งที่สังคมไทยไม่เคยพบเห็น แต่เคยปรากฏมาแล้วนับตั้งแต่ปี 2478 ซึ่งมีการเสนอให้แก้ไขกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 และเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นปกติ นึกไม่ถึงว่าในปี 2566 เรื่องเหล่านี้จะแก้ไขไม่ได้