วันนี้ (19 ธันวาคม 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยระบุตอนหนึ่งว่า สำหรับคนที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยต่อเดือน จำเป็นต้อง ‘ปรับขึ้น’ แต่จะปรับขึ้นให้ไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถเคาะตัวเลขที่ชัดเจนได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยในส่วนของราคาก๊าซในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง จึงจำเป็นต้องรอดูราคาในวันที่ 1 มกราคม 2567 ต่อไป
ขณะที่ค่าไฟในส่วนของกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน รัฐบาลสามารถตรึงราคาไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยจะช่วยได้ทั้งสิ้นราว 17.77 ล้านราย
ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ตรึงค่าไฟ 3.99 บาทต่อหน่วย ระหว่างเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2567 เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กันยายน โดยเมื่อถึงเดือนธันวาคม คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับขึ้นค่าไฟไปที่ 4.68 บาทต่อหน่วย จากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และคืนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับไว้บางส่วน แต่พีระพันธุ์และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วย จึงมีการกดค่าไฟมาอยู่ที่อัตราไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานขยายความถึง ‘ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้’ ว่า ประเทศไทยใช้วัตถุดิบสำหรับผลิตไฟฟ้าหลายรูปแบบ ได้แก่ ถ่านหิน น้ำ ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานสะอาด กฟผ.มีการเปิดเผยสัดส่วนของเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้าในระบบว่า มีการใช้พลังงานถ่านหินอยู่ที่ 19.31% ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีราคาถูกและใช้มายาวนาน ขณะที่ด้านพลังงานหมุนเวียน ใช้ที่ 17.69% ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล
ในส่วนของก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบที่ใช้ผลิตไฟฟ้าในไทยมากที่สุด สัดส่วนสูงถึง 60.21% ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากก๊าซในอ่าวไทยและก๊าซจากเมียนมามีปริมาณลดลง ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาไฟฟ้าสูง กระทรวงพลังงานพยายามที่จะแก้ไข และปรับสัญญาเดิมที่ทำกับผู้ประกอบการระยะเริ่มต้น เพื่อแก้ไขโครงสร้างเรื่องก๊าซ โดยจะหาทางแก้ปัญหาให้ราคาพลังงานไทยหลุดจากบ่วงราคาตลาดโลก และหากสามารถควบคุมราคาต้นทุนวัตถุดิบได้ ค่าไฟฟ้าก็จะลดลงได้ตามระบบ โดยที่ไม่ต้องพึ่งมติคณะรัฐมนตรีอย่างในปัจจุบัน
พีระพันธุ์ยังระบุด้วยว่า ประเทศไทยคำนวณค่าไฟปัจจุบันจากสูตรเมื่อ 40 ปีก่อน ซึ่งต้องปรับโครงสร้างและแก้กฎหมายครั้งใหญ่ ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อจะรื้อปรับระบบโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันใหม่ แต่เป็นมาตรการระยะยาว เพราะต้องทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนแต่เชื่อว่าจะเห็นผลภายในปี 2567
Tags: ค่าไฟ, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, ค่าไฟแพง