วันนี้ (18 มิถุนายน 2568) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงถึงประเด็น ‘คลิปเสียง’ การเจรจาแบบส่วนตัวระหว่างสมเด็จ ฮุน เซน (Hun Sen) ประธานวุฒิสภา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยยอมรับว่า ‘เป็นเรื่องจริง’

แพทองธารกล่าวว่า บทสนทนาที่เกิดขึ้นเป็นการพูดคุยก่อนการประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ในช่วงแรกของการสนทนาเป็นการพยายามทำความเข้าใจฮุน เซน ถึงกรณีการสื่อสารของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2

“ดิฉันมีจุดมุ่งหมาย มีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมือง รักษาอธิปไตยของเราไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ เพราะฉะนั้นดิฉันคุยด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล

“เวลาที่คุยกันส่วนตัว เราก็เรียก Uncle เหมือนคนในครม.รุ่นคุณพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) ที่เราเรียกลุง เรียกอากันตามปกติว่าจะเอาอย่างไร”

นอกจากนั้นในบทสนทนา แพทองธารยังกล่าวอีกว่า ฮุน เซนเรียกร้องให้ไทยเปิดด่านชายแดน ซึ่งตนยินดีที่จะเปิดด่านชายแดนพร้อมกับกัมพูชาเพื่อแสดงออกถึงสันติภาพ แต่ทางกัมพูชา ‘ไม่ยอม’ และบอกกับไทยว่า จะต้องเป็นฝ่ายดำเนินการก่อน 5 ชั่วโมง และหลังจากนั้นกัมพูชาจะเปิดด่านชายแดนตามมาภายหลัง

อย่างไรก็ตามนายกฯ กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้น จะขอไปปรึกษากับกระทรวงกลาโหมเสียก่อน และจะออกมาให้ข้อมูลภายหลังการประชุมที่บ้านพิษณุโลก แต่ไม่ทันที่การประชุมจะแล้วเสร็จ กลับมีโพสต์ Facebook ของฮุน เซน ออกมาระบุว่า หากไทยไม่เปิดด่านชายแดนภายใน 24 ชั่วโมง กัมพูชาจะปิดด่านทั้งหมด ซึ่งถือว่า ‘ไม่ตรง’ กับที่พูดคุยกันไว้

ในประเด็นดังกล่าว แพทองธารระบุว่า ตนพยายามพูดด้วยความใจเย็น เพื่อให้ทราบความต้องการของฮุน เซน ตลอดจนหาแนวทางการเจรจาเพื่อสันติภาพ

“ตอนนี้ชัดเจนแล้ว ความต้องการของท่าน (ฮุน เซน) เป็นการต้องการคะแนนนิยมในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร เพราะท่านเคยบอกกับดิฉันว่า ความนิยมเริ่มตก ก็อาจจะเป็นส่วนที่เรียกพลังตรงนี้

“ซึ่งดิฉันหวังว่า ท่านจะได้คะแนนความนิยมเพิ่ม และอยู่ในสายตาของโลกที่จับตามองอยู่ว่า เมื่อผู้นำ 2 ท่านคุยกันในส่วนตัว แต่มีการอัดคลิปและปล่อยออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย จะได้เข้าใจว่า เราเจรจาเพื่อให้เกิดสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการทำให้ความนิยมของท่านเพิ่มขึ้นหรือไม่” แพทองธารกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงกรณีที่นายกฯ เจรจากับฮุน เซนและมีการระบุว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา” ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร แพทองธารให้คำตอบว่า ไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่หมายถึงไทยและกัมพูชาเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน เพราะฉะนั้นเวลาพูดคุยก็ต้องพูดถึงกัน ‘ไม่ดี’ อยู่แล้ว 

“ถ้าดิฉันอยู่ตรงข้ามกับกองทัพจริงๆ เหตุใดดิฉันต้องรอกองทัพคิดก่อนว่า พวกเขาคิดอะไรในวันต่อมา เหตุใดดิฉันต้องรอกองทัพ ก็ไม่ต้องรอสิ ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามกันจริง แต่มันไม่ใช่ เราพยายามทำความเข้าใจกับเขา (ฮุน เซน) ว่า การที่แม่ทัพภาค 2 พูดเช่นนั้น เป็นเพราะเหตุที่เกิดขึ้น ไทยและกัมพูชาทะเลาะกันอยู่ ดิฉันพยายามจะลดความรุนแรงลงว่า ไม่มีอะไรที่ต้องจริงจังกับเรื่องนี้ เพื่อให้การสนทนานำไปสู่การหาคำตอบว่า เขาต้องการอะไร” แพทองธารกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การเจรจาหลังจากนั้นจะยังพูดคุยกันได้หรือไม่ นายกฯ ให้คำตอบสั้นๆ ว่า ไม่ทราบ และยืนยันว่าตนไม่ใช่คนที่ไปท้าตีท้าต่อยกับเขาอยู่แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่มีการคุยตัวต่อตัว

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนจะจบลงหรือไม่ นายกฯ หัวเราะ และกล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่หลังจากนี้จะไม่ขอคุยเป็นการส่วนตัวอีก เพราะมีปัญหาเรื่องความไว้ใจ

“บทสนทนาเช่นนี้ มันไม่ควรจะออกมาอยู่แล้ว นี่ระดับผู้นำของประเทศ นายกฯ และอดีตนายกฯ ที่เป็นมาตั้งแต่ 32 ปี การที่บทสนทนาแบบนี้มันออกมาก็นั่นแหละ” แพทองธารทิ้งท้าย

Tags: , , , , ,