จบลงไปแล้วกับการแข่งขัน MotoGP 2025 สนามแรกของซีซั่นเมื่อวานนี้ (2 มีนาคม 2568) ในรายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 ที่จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (Chang International Circuit) จังหวัดบุรีรัมย์ โดย มาร์ก มาร์เกซ (Marc Marquez) เจ้าของแชมป์เก่าสัญชาติสเปนจากทีม Ducati Lenovo ยังคงป้องกันแชมป์ในสนามแรกไปได้
ทว่าเมื่อการแข่งขันทางกีฬาจบ เกมทางการเมืองกลับปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อ เนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาโครงการสนามแข่งรถช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ระบุข้อมูลที่สำคัญในการแข่งขันรายการดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจ ‘ลุงเนวิน’ ว่า การแข่งขันครั้งนี้มีผู้เข้าชมมากถึง 2.24 แสนคน รวมถึงสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 5,043 ล้านบาทให้กับจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดรอบข้าง
อย่างไรก็ตามในโพสต์เดียวกันเนวินยังกล่าวถึงความเสียดาย ที่การแข่งขัน MotoGP 2026 หรือการแข่งขันในปีถัดไปจะเป็นการแข่งขัน ‘ครั้งสุดท้าย’ ในประเทศไทย หลังจากเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันมานานกว่า 7 ปี เนื่องจากรัฐบาลอาจพิจารณา ‘ไม่ต่อสัญญา’
“ผมเพิ่งได้รับทราบอย่างเป็นทางการจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นข่าวเดียวกันกับที่แฟน MotoGP ได้ยินมาก่อนหน้านี้คือ รัฐบาลจะลงทุนจัดการแข่งขัน MotoGP ปี 2026 เป็นปีสุดท้าย และจะไม่ต่อสัญญาจัดการแข่งขัน MotoGP อีกแล้ว
“ซึ่งต้องยอมรับการพิจารณาตัดสินใจของรัฐบาล แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะการจัดการแข่งขัน MotoGP รัฐบาลลงทุนปีละไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนอีกไม่น้อยกว่าปีละ 300 ล้านบาท แต่สร้างเงินทุนหมุนเวียนส่งเสริมธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า 5,000 ล้านบาท”
ขณะเดียวกันในฝั่งของรัฐบาลมีความพยายามที่จะ ‘ดีล’ การแข่งขัน Formula 1 (F1) มาจัดในปี 2027 โดยปัจจุบัน สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการสั่งการให้คณะทำงานร่วมกับคณะประมูลสิทธิ์ พูดคุยเพื่อเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน ซึ่งขณะนี้ศึกษา ‘สวนจตุจักร’ ให้เป็นสถานที่การแข่งขัน โดยมีนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกแบบ
ล่าสุดวันนี้ (3 มีนาคม 2568) ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นแพทองธารหรือเนวินต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงดีลการแข่งขันทั้งสอง โดยในฝั่งของเนวินวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนว่า “F1 เหมือนหมามองเครื่องบิน ดูครั้งเดียวก็พอแล้ว
“ตอนนี้หลายประเทศที่จัด F1 ก็เลิกจัดแล้ว เพราะตลาดมันค่อนข้างแคบ แฟน F1 MotoGP เป็นรถ 2 ล้อ ทุกคนสัมผัสได้ สามารถเป็นเจ้าของได้ ใกล้ชิดได้ ซึมซับได้”
พร้อมทั้งระบุว่า การที่รัฐจะลงทุนจัดการแข่งขัน F1 ที่กรุงเทพฯ ตนรู้สึก ‘สยอง’ แทนคนจัดการแข่งขันและคนกรุงเทพฯ เพราะการแข่งขันรถ 4 ล้อมีข้อจำกัดมากมาย ทั้งสนามการแข่งขัน ผู้ควบคุม รวมถึงการลงทุนจากภาครัฐที่ต้องพิจารณาว่า ‘ควรทำ’ หรือไม่
ด้านแพทองธารได้ออกมาโต้ถึงกระแสข่าวการจัดการแข่งขัน MotoGP ในปี 2026 เป็น ‘ครั้งสุดท้าย’ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า เรื่องนี้จะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และยังมีโอกาสคุยว่าจะเป็นอย่างไร
ขณะที่การพิจารณาว่าจะเป็น ‘ครั้งสุดท้าย’ หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ต้องดู ‘ตัวเลข’ ที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามานำเสนอว่า ตัวเลขข้างในเป็นอย่างไร มีผลต่อประเทศอย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีประโยชน์หรือ ‘ขาดทุน’ ก็ต้องเอามาดูว่าเป็นอย่างไร จะได้สนับสนุนงบประมาณได้ถูกต้อง
จากความวุ่นวายของ ‘ดีลการแข่งขันเจ้าแห่งความเร็ว’ จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เป็นหนึ่งในสัญญาณที่สะท้อนถึง ‘ความขัดแย้ง’ ระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาลใหญ่ทั้ง ‘พรรคเพื่อไทย’ และ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่มีสัญญาณความขัดแย้ง จากการร่างรัฐธรรมนูญนูญฉบับใหม่ หรือที่ดินเขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์ ตลอดจนศึกล่าสุดอย่าง ‘ฮั้วเลือกตั้ง สว.’ ที่จะมีข้อยุติในวันที่ 6 มีนาคมนี้
หลังจากนี้ในฐานะผู้ชมทางการเมืองก็คงต้องดูต่อกันต่อไปว่า ระเบิดทางการเมืองหลายลูกที่รอปะทุจะเกิดขึ้นเมื่อไร ในวันที่ศึกซักฟอกจากฝ่ายค้านกำลังจะมาในช่วงวันที่ 24 มีนาคมนี้ เพราะเป็นที่รู้กันว่า ภายหลังจากศึกซักฟอกอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งคณะรัฐมนตรีตามมาภายหลัง
Tags: รัฐบาล, เพื่อไทย, กีฬา, ภูมิใจไทย, พรรคร่วมรัฐบาล, F1, MotoGP, Racing, รถแข่ง