‘โรม’ แฉขบวนการคอลเซ็นเตอร์ 7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลปล่อยเบลอ เจ้าของเกี่ยวโยง ‘นักการเมือง’ ระดับชาติ

วานนี้ (3 เมษายน 2567) ที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายกับแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อประชาชน โดยมีคดีมากกว่า 2.85 แสนคดี รวมมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท

รังสิมันต์อภิปรายว่า ภายหลังการเข้ามาบริหารราชการของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีมาอย่างต่อเนื่อง พบได้ตามการรายงานของสื่อมวลชน ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เห็นมาตรการจัดการของรัฐบาลไทย

รังสิมันต์เผยว่า ได้พูดคุยกับแรงงานที่โดนหลอกลวงให้ไปทำงานในเมืองเล่าก์กาย ประเทศเมียนมา มีการซ้อมทรมานและภรรยาถูกบีบบังคับให้ทำแท้ง ภายหลังการการทลายธุรกิจสีเทาของจีนในเมืองเล่าก์กาย ทำให้ธุรกิจเหล่านั้นย้ายมาที่เมืองเมียวดี

ด้วยความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไฟฟ้า พลังงาน และอินเทอร์เน็ต เป็นปัจจัยส่งเสริมให้มีการลงทุนในธุรกิจสีเทามากขึ้นในเมียวดี นอกจากนั้นยังมีช่องทางธรรมชาติที่ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทำให้สามารถข้ามฝั่งไปมากันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี

รังสิมันต์ระบุว่า ตามข้อมูลที่ได้รับจากภาคประชาสังคมเผยว่า บ่อนคาสิโนจำนวนกว่า 34 แห่ง ทำธุรกิจสีเทาอย่างสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย หนึ่งในนั้นชื่อว่า ‘ชเวก๊กโก่’ ที่มีที่ดินรวมกว่า 7.5 หมื่นไร่ ซึ่งเจ้าของพื้นที่มีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นที่แม่สอดและนักการเมืองระดับชาติ โดยรังสิมันต์เผยว่า ครั้งหนึ่งมีโอกาสเข้ามานำเสนองานกับคณะกรรมาธิการ Entertainment Complex เมื่อสภาฯ ชุดที่ผ่านมา

นอกจากนั้น รังสิมันต์ยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดรัฐบาลไทยถึงไม่พยายามทลายกลุ่มธุรกิจสีเทาอย่างที่ประเทศจีนเคยทำมาก่อน โดยระบุข้อสังเกตว่า มีคาสิโนจำนวนกว่า 17 แห่งในเมียวดีที่มีเจ้าของหรือหุ้นส่วนเป็นคนไทย เช่นเมียวดีคอมเพล็กซ์มีเจ้าของเป็นพลตำรวจตรี นามย่อ อ. ปัจจุบันยังรับราชการอยู่ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนใกล้ชิดในพรรครัฐบาล มีความร่ำรวยผิดปกติ ตนจึงอยากให้นายกฯ ตรวจสอบสอบเส้นทางการเงินว่ามีที่มาอย่างไร

โดยรังสิมันต์เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและคาดว่า จะสามารถลดจำนวนธุรกิจสแกมเมอร์ได้แน่นอน ดังนี้

1. ยกระดับมาตรการในการจัดการกับเครือข่ายค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการทูตหรือการทหาร โดยศึกษาจีนโมเดลว่า เจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างไร

2. จำเป็นต้องคุมช่องทางธรรมชาติ ไม่ป่ลอยให้คนเข้าออกได้โดยไม่ผ่าน ตม.

3. ออกมาตรการควบคุมไฟฟ้า-น้ำมัน-อินเทอร์เน็ต ที่จะผ่านไปยังฝั่งเมียนมา

4. ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในแม่สอด เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจผิดกฎหมายดำเนินการได้อย่างสะดวก

“การจัดการเมียวดี เป็นโอกาสสำคัญของนายกฯ ที่จะต้องไขว่ขว้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเอาจริงจังเอาจังกับอาชญากรรมข้ามชาติ ช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศจากปากประตูนรกเมียวดี สู่ประเทศที่มีบทบาทนำในภูมิภาค” รังสิมันต์กล่าวทิ้งท้าย