วันนี้ (1 สิงหาคม 2567) เรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพฯ เวลา 09.00 น. สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ จัดโครงการสื่อมวลชนสัญจรเพื่อศึกษาเกี่ยวกับมาตรการและหลักปฏิบัติ ต่อผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศของกรมราชทัณฑ์
สหการณ์เปิดเผยว่า หลักปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศของกรมราชทัณฑ์ แบ่งย่อยได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ผู้ต้องขังข้ามเพศที่แปลงเพศโดยสมบูรณ์แล้ว
2. ผู้ต้องขังข้ามเพศที่ยังไม่แปลงเพศ แต่ลักษณะทางกายภาพไม่เป็นไปตามเพศกำเนิด เช่นมีการเสริมหน้าอก
3. ผู้ต้องขังข้ามเพศที่ยังไม่แปลงเพศและไม่ได้มีลักษณะทางกายภาพที่เปลี่ยนแปลงไป เพียงแต่พิจารณาแล้วเห็นควรให้มีการแยกขัง เนื่องจากเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์กำลังดำเนินการตามมาตรฐาน การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยยึดถือหลักการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังข้ามเพศ โดยไม่เลือกปฏิบัติและปฏิบัติต่อผู้ต้องขังเหล่านี้เช่นเดียวกันกับผู้ต้องขังทั่วไป รวมไปถึงสิทธิการคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเท่าเทียม
ขณะนี้มีเรือนจำที่นำนโยบายมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ มาปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบเพียง 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางคลองเปรมและเรือนจำพัทยา
ทีมช่างภาพ The Momentum ลงไปพูดคุยกับผู้ต้องขังที่ผ่านการแปลงเพศรายหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า รู้สึกดีที่มีการแยกขังระหว่างผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มความหลากหลายทางเพศ กับกลุ่มผู้ต้องขังทั่วไป เพราะทำให้รู้สึกปลอดภัย และค่อนข้างสะดวกกับการใช้ชีวิตในเรือนจำมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไม่อนุญาตให้ใส่ชุดชั้นใน และอุปสรรคด้านการจำกัดการทำงานนอกเรือนจำ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ให้เหตุผลว่า ผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศจะต้องมีมาตรการดูแลความปลอดภัยมากกว่าปกติ จึงต้องจำกัดไม่ให้ออกไปทำงานภายนอกเรือนจำ
ปัจจุบันเรือนจำกลางคลองเปรมมีกลุ่มผู้ต้องขังข้ามเพศ จำนวนทั้งสิ้น 64 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมดจำนวน 1,085 ราย
Tags: สิทธิมนุษยชน, ความหลากหลายทางเพศ, กรมราชทัณฑ์, LGBTQIA+, เรือนจำกลางคลองเปรม