วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2565) ที่รัฐสภา จเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ซึ่งคณะก้าวหน้านำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เป็นตัวแทนเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองท้องถิ่น หรือร่างปลดล็อกท้องถิ่น ว่าเรื่องการกระจายอำนาจเป็นเรื่องที่ดี และโดยส่วนตัวก็เคยเป็นคณะกรรมการกระจายอำนาจของสำนักนายกรัฐมนตรี มีพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งกว่า 20 ปี ก็ได้มีการกำหนดขั้นตอนและกิจกรรมในการถ่ายโอนอำนาจไปยังท้องถิ่นมากมายราว 300 กิจกรรม จนกระทั่งท้องถิ่นหลายแห่งไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งหมด สิ่งที่คณะก้าวหน้าเสนอ ต้องการให้แก้ไขยกเลิกรัฐธรรมนูญบทที่ 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ไปปลดล็อกอะไรของท้องถิ่นเลย

นอกจากนี้ จเด็จยังได้เสนอแนะให้ธนาธร ประธานคณะก้าวหน้า และปิยบุตร เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไปศึกษาดูงานที่บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด จังหวัดขอนแก่นบ้าง เนื่องจากบริษัทดังกล่าวดำเนินงานโดยอาศัยบทบัญญัติของการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ได้ไปอาศัยปลดล็อกท้องถิ่น และสิ่งที่คณะก้าวหน้าเสนอแก้ไขมาตรา 254 และเพิ่มอีก 5 วรรค ก็อยู่ในฉบับเดิม ประกอบไปด้วยการจัดให้มีการศึกษาผลกระทบ จัดให้มีการออกเสียงประชามติ จัดตั้งสภาพลเมือง จัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม และเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ทั้งหมดนี้ก็เป็นการไปลอกเอา 6 มาตรา ในหมวด 14 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาเขียนให้สวยหรู นัยของการเสนอรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นนัยของการโหนกระแส สร้างกระแส เป็นนัยของการสุดลิ่มทิ่มประตูหาเสียง เป็นการเสนอความคิดแบบสุดโต่ง ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับประชาชนเลย

ส.ว. คนดังกล่าวยังระบุด้วยว่า สิ่งที่จะทำให้เกิดปัญหาก็คือเสนอให้มีการกำหนดเพิ่มเติมในร่างมาตรา 4, 5, 6 และ 7 ให้คณะรัฐมนตรีจัดทำแผนยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการออกเสียงประชามติเรื่องดังกล่าวภายใน 5 ปี นับตั้งแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

“เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ‘พิธาลั่น ก้าวไกลได้ตั้งรัฐบาลเมื่อไรจะยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค จัดเลือกตั้งนายกจังหวัด’ เมื่อไม่กี่วันที่แล้ว สมาชิกพรรคก้าวไกลท่านหนึ่งก็เสนอให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยตั้งสสร. นั่นหมายความว่าทุกหมวด ไม่ว่าหมวดที่จะเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์หรือไม่ ก็จะต้องจัดทำใหม่ทั้งหมด วันนี้ ธนาธร ปิยะบุตร มาเสนอและไปเชิญชวนประชาชนมา 7 หมื่นกว่าคน ให้ลงชื่อร่วม ดูแล้วสอดคล้องต้องกันอย่างมีนัย มีลับลมคมใน รัฐธรรมนูญฉบับนี้รับไม่ได้ มีลักษณะของการขัดกันต่อผลประโยชน์ ซึ่งน่าจะทำผิดรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 5 มาตรา คือมาตราที่ 1, 2, 5, 77 และ 255”

ในขณะที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้กล่าวโต้แย้งถึงกรณีดังกล่าวว่า สิ่งที่จเด็จกล่าวเมื่อครู่ถือเป็นเฟกนิวส์ คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลได้มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจนว่าจะต้องมีการทำประชามติถามประชาชน แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวคิดที่ชัดเจนว่าการกระจายอำนาจมีหลายรูปแบบ มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและยังคงไว้ซึ่งส่วนกลาง หรือจะยกเลิกส่วนกลางไปได้เลย ซึ่งแต่ละประเทศมีไม่เหมือนกัน โดยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เสนอให้ยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านจึงจะมีการเสนอให้ทำประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคภายใน 5 ปี นั่นหมายความว่า ท้ายที่สุดแล้วหากจะตัดสินใจ จะต้องตัดสินใจร่วมกัน และยืนยันว่าที่สิ่งที่จเด็จพูดไม่ได้เป็นความจริง

Tags: , ,