เรื่องสิทธิเสรีภาพในช่วงการระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น จะเห็นว่าในบางประเทศ มีการรวมกลุ่มเดินขบวนไม่เห็นด้วยเรื่องวัคซีนพาสปอร์ต ไม่เห็นด้วยที่ประชาชนจะต้องยืนยันการฉีดวัคซีนครบโดสก่อนถึงจะเดินทางเข้าสำนักงาน ร้านอาหาร สถานศึกษา หรือเข้าใช้บริการต่างๆ ในสถานที่ราชการร่วมกับผู้อื่นได้ รวมถึงนโยบายที่ประชาคมโลกต่างพร้อมใจทำเหมือนกันคือ การไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ไม่ได้รับวัคซีนตามที่แต่ละรัฐบาลกำหนดเข้าประเทศ ข้อจำกัดเรื่องการเข้าพื้นที่ต่างๆ และการเดินทางข้ามประเทศ ถือเป็นวัฒนธรรมใหม่ในยุคโรคระบาดที่ทุกคนจะต้องปรับตัวให้ได้
สองปีที่ผ่านมา รัฐบาลหลายประเทศพยายามออกนโยบายจูงใจให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งการแจกลอตเตอรี่ แจกบัตรแทนเงินสด แจกบัตรสมนาคุณ ไปจนถึงแจกเบียร์ หลายประเทศกระตุ้นให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีหลายพื้นที่ที่ประชาชนไม่ได้ฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งการไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของวัคซีน ความไม่ไว้วางใจรัฐบาลของตัวเอง การกระจายวัคซีนที่ไม่ครอบคลุม ความเชื่อเรื่องศาสนา หรือความเชื่อส่วนตัวของกลุ่มแอนตี้วัคซีน เหตุผลมากมายทำให้การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาคมโลกยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์อย่าง ‘โอมิครอน’ แพร่กระจายไปแล้วกว่า 150 ประเทศ จึงทำให้รัฐควิเบก ในประเทศแคนาดา ตัดสินใจออกนโยบายปรับเงินผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องลงโทษทางการเงิน เนื่องจากไม่ให้ความร่วมมือต่อสังคม
วันที่ 11 มกราคม 2022 ฟรองซัว เลโกลต์ (Francois Legault) นายกเทศมนตรีรัฐควิเบก ออกแถลงการณ์ถึงการวางแผนบังคับใช้นโยบายปรับเงินผู้ไม่ฉีดวัคซีน บุคคลที่เข้าข่ายจำเป็นต้องจ่ายภาษีด้านสุขภาพเพื่อช่วยเหลือสังคม ก่อนกล่าวถึงความเท่าเทียมในสองแง่มุม ทั้งความเท่าเทียมที่คนไม่ยอมฉีดวัคซีนอ้างถึงสิทธิในร่างกายตัวเอง กับสิทธิของคนอื่นๆ ที่ก็ต้องยอมแลกเพื่อฉีดวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับสังคม การปรับเงินถือเป็นการทดแทนความเสี่ยงแก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
“ตอนนี้ประชาชนในควิเบกกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ได้รับวัคซีนแล้ว การฉีดวัคซีนถือเป็นกุญแจสำคัญในการสู้กับไวรัส จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องการเงินสมทบงบสาธารณสุขจากผู้ที่ปฏิเสธรับวัคซีน โดยไม่มีเหตุผลด้านสุขภาพส่วนตัว” ฟรองซัว เลโกลต์ กล่าว
วันเดียวกับที่นายกเทศมนตรีประกาศใช้นโยบายใหม่ ในควิเบกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 8,710 ราย อัตราผู้ป่วยอาการโคม่าที่ต้องอยู่ในห้องไอซียูแตะ 45 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตเกิน 12,000 รายไปแล้ว สถิติที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือมีผู้เสียชีวิต 62 รายในเวลา 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลคือผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และการระบาดซ้ำของโควิดกลายพันธุ์ชนิดโอมิครอน ทำให้ภาครัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งหมด
ตอนนี้จำนวนเงินที่ผู้ปฏิเสธวัคซีนจะต้องจ่ายยังไม่แน่นอน แต่สำนักข่าวต่างประเทศคาดการณ์กันว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 2,700 บาท) และยังไม่มีประกาศว่าหากบังคับใช้กฎดังกล่าวจริง จะเก็บในทุกกี่วัน 7 วัน, 14 วัน หรือ 30 วัน
ทางด้านประเทศกรีซได้นำหน้ารัฐควิเบกไปแล้ว ด้วยการออกมาตรการปรับเงินบุคคลอายุเกิน 60 ปี ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 100 ยูโรต่อเดือน (ประมาณ 3,800 บาท) และจะยุติการจ่ายค่าปรับก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นๆ เข้ารับการฉีดวัคซีน ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียเคยกล่าวถึงการวางนโยบายสาธารณสุขเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ถึงแผนที่จะปรับเงินสูงสุด 4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 132,870 บาท) แก่ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หากมีการอนุมัติให้สั่งปรับจริงจะต้องจ่ายกี่ครั้งหรือจ่ายไปถึงเมื่อไหร่
เราอาจจะเพิ่งเริ่มเห็นว่ารัฐบาลระดับรัฐไปจนถึงระดับประเทศ เริ่มนำเงื่อนไขการปรับเงินเพราะไม่ยอมฉีดวัคซีนมาใช้กันมากขึ้น รวมถึงการออกกฎชัดเจนของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ระบุว่า ถ้าคนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนป่วยเป็นโควิด-19 พวกเขาเหล่านั้นจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง
ในแง่ของบริษัทเอกชน นับว่ามีการออกกฎเรื่องวัคซีนกันมาพักใหญ่แล้ว ทั้งรูปแบบการบังคับจ่ายค่าปรับหรือการบังคับให้ออกจากงาน เช่น Citigroup บริษัทการเงินชั้นนำของโลกที่มีสาขาใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ออกเอกสารแจ้งถึงพนักงานทุกคนที่ทำงานในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่าต้องไปฉีดวัคซีน ก่อนออกเอกสารอีกฉบับเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2022 ว่า หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ภายในวันที่ 14 มกราคม 2022 จะต้องถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และจะต้องพ้นจากการเป็นพนักงานภายในสิ้นเดือนนี้ ยกเว้นผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยมีเหตุผลเรื่องสุขภาพและความเชื่อทางศาสนา ซึ่งจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดเป็นรายบุคคล
เอกสารแจ้งถึงพนักงานของ Citigroup ระบุว่า ธนาคารจะปฏิบัติตามนโยบายของ โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำหนดให้พนักงานทุกคนที่ทำงานภายใต้โครงการซึ่งทำสัญญากับรัฐบาล จะต้องฉีดวัคซีนโควิดให้ครบ 2 โดสเป็นอย่างต่ำ เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญ และการฉีดวัคซีนนับเป็นการให้ความร่วมมือกับส่วนรวม
แม้จะเกิดการระบาดของโควิด-19 มานานร่วม 2 ปี ตอนนี้โลกยังคงเผชิญกับสถานการณ์น่าเป็นห่วง มีหลายครั้งที่ดูเหมือนว่าทิศทางการควบคุมโรคจะดีขึ้น แต่ก็กลับมาอยู่จุดเฝ้าระวังอีกครั้งเนื่องจากพบเชื้อกลายพันธุ์ วันที่ 12 มกราคม 2022 องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยจนเสียชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว แต่ในทางกลับกัน หากคนที่ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโอมิครอน พวกเขาจะมีอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงอยากรณรงค์ให้ประชาคมโลกที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
ที่มา
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-59960689
https://www.cbsnews.com/news/citigroup-fire-unvaccinated-employees/
Tags: Unvaccinated, Report, แอนตี้วัคซีน, แคนาดา, ควิเบก, Global Affairs, วัคซีน, โควิด-19, covid19, ข่าวต่างประเทศ, Translation, โอมิครอน, Omicron