‘ความขัดแย้งระหว่างประเทศและผู้นำ’
‘เป็นเรื่องของมหาอำนาจและผลประโยชน์แห่งชาติ’
‘โลกจะแตกเพราะปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์’
‘ผู้ชายที่ถูกเกณฑ์ทหารเพื่อไปรบ’
เหล่านี้คือคำตอบที่คุณอาจได้รับ หากกล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่าง ‘สงครามรัสเซีย-ยูเครน’
ทว่าในความเป็นจริง คำพูดข้างต้นเป็นเพียง ‘ยอดภูเขาน้ำแข็ง’ หรือผลกระทบที่เราเห็นอย่างชัดเจนเท่านั้น เพราะทุกๆ สงครามยังมีเหยื่ออีกเป็นจำนวนมาก เพียงแต่พวกเขาไม่ได้รับสปอตไลต์ในหน้าสื่อ และความสนใจจากรัฐฯ
สิ่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็งแห่งนี้คือ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว (Domestic Violence) เมื่อเคราะห์ร้ายนี้โหมกระหน่ำเด็กสาวและผู้หญิงชาวยูเครนท่ามกลางสงครามและความขัดแย้ง
เช่นเดียวกับชะตากรรมของ ลิวบอฟ บอร์เนียโควา (Liubov Borniakova) เหยื่อสาววัย 34 ปี ที่จบชีวิตลงเพราะสามีของเธอ หลังค้นพบร่างไร้วิญญาณของลิวบอฟที่เมืองดนิโปร (Dnipro) ประเทศยูเครน ในเดือนมกราคม ปี 2023
รายงานของรอยเตอร์ (Reuters) ระบุว่า ศพของเธอเต็มไปด้วย ‘รอยฟกช้ำ กว่า 75 จุด’ มีการสันนิษฐานจากคำบอกเล่าของป้าและเพื่อนบ้านของลิวบอฟว่า ยาคอฟ บอร์เนียคอฟ (Yakov Borniakov) สามีของเธอเป็นผู้ก่อเหตุ โดยเขาทำร้ายและทุบตีลิวบอฟซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่กลับมาจากการสู้รบในสงครามรัสเซีย-ยูเครน
“ไม่มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่บนตัวเธอเลย (…) แขนของเธอถูกตี ตั้งแต่หัวถึงขา ทุกจุดทุกสัมผัส” แคเทอรีนา เวเดรนท์เซวา (Kateryna Vedrentseva) ผู้เป็นป้าของเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวถ่ายทอดเรื่องราวดังกล่าว หลังเธอไปที่บ้านของลิวบอฟไม่กี่ชั่วโมงก่อนการเสียชีวิต แต่กลับพบว่าเนื้อตัวของหลานเต็มไปด้วยบาดแผลจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ในตอนแรก ตำรวจสรุปการเสียชีวิตของลิวบอฟว่า เธอเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวตามการวินิจฉัยของแพทย์ แต่ทนายความ ยูเลีย เซเฮดา (Yulia Seheda) ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว โดยโต้แย้งว่าอาการหัวใจวายเกิดจากการทุบตีอย่างรุนแรง การสืบสวนคดีอาชญากรรมเกี่ยวกับการตายของลิวบอฟจึงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
การสอบสวนครั้งที่ 2 ได้ข้อสรุปว่า ต้นตอของปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้น หลังบอร์เนียคอฟกลับจากสมรภูมิรบ เขาเริ่มดื่มสุราและทุบตีภรรยา ขณะที่ลิวบอฟพยายามหลบหนีความโหดร้ายครั้งนี้ เธอกำลังวางแผนเดินทางไปที่ลวิว (Lviv) ในไม่กี่วันก่อนเสียชีวิต แต่สุดท้าย ลิวบอฟต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของผู้ชายที่เธอรักผู้เป็นทั้งสามี และเป็นพ่อของลูกทั้ง 3 คน
“ลิวบอฟหนีไปไม่ได้ ฉันได้แต่บอกกับเธอว่า “หนี! หนีไป!” ออลกา ดมิทรีเชนโก (Olga Dmitrichenko) เพื่อนบ้านของผู้เสียชีวิต บอกเล่าเรื่องราวกับรอยเตอร์ ว่า บอร์เนียโควาไม่เคยร้องเรียนพฤติกรรมรุนแรงของสามีกับทางการ อีกทั้งยังไม่เปิดประตูให้กับตำรวจ เมื่อเธอโทรแจ้งความตำรวจในเมืองดนิโปรก็ไม่ใส่ใจกับปัญหาดังกล่าว
“ชื่อของเธอคือ ลิวบอฟ ปิลิเปนโก (Libov Pilipenko)” คุณป้าแคทรีนาเอ่ยขึ้น หลังครอบครัวของลิวบอฟพยายามลบนามสกุลอาชญากร ‘บอร์เนียโควา’ ทิ้ง และแทนที่ด้วยนามสกุลเก่าของเธอ
ความรุนแรงในครอบครัวยูเครนเหมือนผี: ไม่พบเห็น ไม่สัมผัส ≠ ไม่มีอยู่จริง
“อย่างน้อยหากผู้กระทำความผิดถูกลงโทษในข้อหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัวได้ นี่จะเป็นชัยชนะอย่างหนึ่ง” เซเฮดา ทนายความผู้รื้อฟื้นคดีเผยความในใจของเธอ และเสริมว่า ทัศนคติในหมู่ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนมีปัญหาอย่างยิ่ง เพราะพวกเขามองว่า ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักที่สามารถไกล่เกลี่ยกันเองได้
การตอกย้ำของเซเฮดาเป็นจริง เพราะหากย้อนดูบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงของครอบครัวในยูเครน โทษสูงสุดคือการจำคุกเป็นระยะเวลา 2 ปี ขณะที่ผู้กระทำความผิดส่วนมากถูกปรับแค่ 170-340 ฮริฟเนียยูเครน (ประมาณ 160-320 บาท) หรือบางครั้งพวกเขาก็ได้รับโทษเบาที่สุดอย่างการบริการสาธารณะต่อชุมชน
สงครามรัสเซีย-ยูเครนยิ่งทวีคูณความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจของเหยื่อ เมื่อไทมส์ (Times) รายงานถึงมุมมองเจ้าหน้าที่บางคนต่อปัญหาความรุนแรงในครอบครัว หลังพวกเขาให้ความเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวไม่รุนแรงเท่าสงคราม ชาติ และบ้านเมือง
เห็นได้ชัดจากการรายงานของรอยเตอร์ จำนวนคดีความรุนแรงในครอบครัวตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคมในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 349,355 คดี ซึ่งนับเป็นจำนวนเท่าตัว หากเทียบสถิติในปี 2021 คือ 190,277 คดี และปี 2022 อยู่ที่ 231,244 คดี
มีคำอธิบายจากการศึกษาในปรากฏการณ์ครั้งนี้ว่า สงครามและความขัดแย้งยิ่งกระตุ้นการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เมื่อกลุ่มผู้กระทำ (หรือผู้ชาย) เกิดความเครียดขั้นรุนแรง เพราะต้องเผชิญผลกระทบจากสงครามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพลัดถิ่น สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และจิตใจอันบอบช้ำจากการสู้รบในสงคราม สุดท้าย พวกเขาจึงระบายความอึดอัดคับข้องใจกับครอบครัวแทน
มากกว่านั้น ปัญหาดังกล่าวยังถูก ‘ซุกซ่อน’ ภายใต้พรมที่เต็มไปบาดแผลและอาบคาวเลือด หลังไม่มีการรายงานหรือเอาผิดที่ชัดเจน สืบเนื่องจากมายาคติของชายชาติทหารว่าด้วย ‘วีรบุรุษที่ปกป้องประเทศ’ ปิดปากทางการและผู้คนจำนวนหนึ่ง ส่งผลให้พวกเขาลังเลใจที่จะวิพากษ์วิจารณ์และลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง
อ้างอิง
https://time.com/6261977/ukraine-women-domestic-violence/