หุ้นสหรัฐอเมริการ่วง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังเปิดตัว DeepSeek แอปพลิเคชันแชตบอต AI จากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ถูกจับตามองเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการเทคโนโลยี โดยนักวิเคราะห์เรียกปรากฏการณ์ ‘สปุตนิก’ (Sputnik) หรือช่วงเวลาแข่งขันของมหาอำนาจในโลกปัญญาประดิษฐ์ แม้ขณะนี้ DeepSeek จำกัดการลงทะเบียนชั่วคราว เนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์
DeepSeek เป็นบริษัทลูกที่อยู่ภายใต้ High-Flyer Capital บริษัทสตาร์ทอัพในเมืองหางโจว (Hangzhou) ก่อตั้งในปี 2023 โดย เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักธุรกิจชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ชายผู้มีงานอดิเรกคือการซื้อชิปจาก Nvidia เพื่อพัฒนา AI เป็นของตนเองตั้งแต่ปี 2021 โดยเขาแสดงเจตจำนงว่า ต้องการให้ AI มีราคาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน และภายใน 1-2 ปี ช่องว่างระหว่างความสามารถปัญญาประดิษฐ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะห่างกันไม่มากนัก
แม้ที่มาที่ไปของบริษัท AI สัญชาติจีนจะปรากฏน้อยนิดบนหน้าสื่อ แต่ทันทีที่เปิดตัว DeepSeek ได้ไม่ถึง 1 อาทิตย์ ก็เป็นเหตุให้นักธุรกิจจำนวนหนึ่งเทขายหุ้น หลังการเข้ามาของ AI สัญชาติจีน ถูกมองว่า ‘สั่นสะเทือน’ ความเป็นมหาอำนาจแห่งโลกปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐฯ โดยบริษัทผู้พัฒนาอ้างว่า แอปพลิเคชันนี้ใช้ชิปและมีต้นทุนการผลิตน้อยกว่า แต่สามารถให้ข้อมูลที่เทียบเท่ากับ ChatGPT หรือ OpenAI
ในอีกด้านหนึ่งการทดสอบจากสำนักข่าว BBC อ้างว่า ผลลัพธ์ไม่ต่างกันมาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ขณะนี้ DeepSeek กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก จนติดแอปพลิเคชันอันดับ 1 บน App Store สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร รวมถึงเป็นสาเหตุทำให้หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ร่วงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ผลกระทบที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ดัชนีของ Nasdaq Composite ดิ่งลง 3.1% หรือคิดเป็นมูลค่าความเสีย 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัท Google และ Microsoft มูลค่าหุ้นร่วงลงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์และ 7,000 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ยังไม่รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีในประเทศอื่นอย่าง Advantest บริษัททดสอบชิปของ Nvidia จากญี่ปุ่น ที่ร่วงลงถึง 10%
นอกจากการตั้งคำถามถึงสงครามปัญญาประดิษฐ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจ หลังสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีคนก่อน พยายามสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีของประเทศ ด้วยมาตรการคุมเข้มการส่งชิปไปยังประเทศจีน ซึ่งดูไม่เป็นผลแต่อย่างใด โดย โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ออกมาประกาศกร้าวว่า การเกิดขึ้นของ DeepSeek เป็นการ ‘ปลุก’ ให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ตื่น เพื่อหาหนทางเอาชนะชาติคู่แข่ง
น่าสนใจว่าการแข่งขันครั้งนี้ได้รับการเปรียบเปรยจากผู้เชี่ยวชาญว่า เป็น ‘ปรากฏการณ์สปุตนิก’ หรือห้วงเวลาสงครามเย็นที่สหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตห่ำหันด้วยเทคโนโลยีทางอากาศ โดย มาร์ก แอนเดรสเซน (Marc Andressen) นักลงทุนเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เปรียบเทียบว่า จีนทำให้โลกตกตะลึงไม่ต่างจากการที่สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิกขึ้นโคจรขึ้นสู่อวกาศได้
ไม่ใช่แค่ประเด็นขีดความสามารถ วงการ AI สหรัฐฯ ต่างย้อนกลับมาตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดต้นทุนการผลิต AI ในประเทศจึงราคาแพง หลัง DeepSeek อ้างว่าใช้ต้นทุนพัฒนาเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 200 ล้านบาท) หากเทียบกับโมเดลของตะวันตกที่ใช้ต้นทุนถึง 100-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3,000 ล้าน-3 หมื่นล้านบาท)
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้เป็นข้อเตือนใจสำหรับแวดวงเทคโนโลยี โดยเฉพาะการพัฒนา AI ที่กำลังดุเดือดตามความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลก โดย จารู จันอานา (Charu Chanana) หัวหน้านักยุทธศาตร์การลงทุนจาก Saxo ตอกย้ำว่า Nvidia อาจไม่ได้ครองตำแหน่งบริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของโลกอีกต่อไปแล้ว
ปัจจุบันมีรายงานว่า DeepSeek จำกัดการลงทะเบียนชั่วคราว หลังเผชิญการโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่ผู้ใช้บริการบางคนยังสามารถเข้าใช้ได้ตามปกติ
อ้างอิง
https://www.theguardian.com/business/2025/jan/27/tech-shares-asia-europe-fall-china-ai-deepseek
Tags: สปุตนิก, AI, NVIDIA, สหรัฐอเมริกา, โดนัลด์ ทรัมป์, ปัญญาประดิษฐ์, จีน, เอไอ, DeepSeek