วันนี้ (16 ธันวาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกภายหลัง อนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการนายกฯ ยื่นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ก.) ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568
ตอนหนึ่งสิริพงศ์กล่าวว่า รัฐบาลมีมติ ‘เห็นชอบ’ ให้ยื่นคำถามประชามติตามแนวทางของรัฐสภาที่ขอให้รัฐบาลตั้งคำถามต่อประชาชนว่า มีความต้องการให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลได้พิจารณาหลายแนวทาง ในเรื่องของข้อกฎหมายด้วย
สิริพงศ์เปิดเผยว่า รัฐบาลจะถามในประชามติว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ตามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อปกป้องความผิดพลาด
ทั้งนี้รัฐบาลมีความเห็นออกเป็น 2 แนวทางในการทำร่างประชามติ ดังนี้
1. เสนอโดยความเห็นของ ครม. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการแถลงนโยบายเอาไว้ มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของรัฐสภา และจะมีประเด็นข้อกฎหมายตามมาคือ ‘ระยะเวลา’ ทางรัฐบาลเห็นว่า หากรัฐบาลเป็นผู้เสนอจะปลดล็อกในเรื่องระยะเวลาได้
2. เสนอโดยความเห็นของรัฐสภาที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 แนวทางท้ายที่สุดแล้ว กกต.ก็จะเป็นผู้พิจารณาโดยมีความเห็นจากรัฐบาลไปว่า ต้องการให้ออกเสียงประชามติจัดขึ้นในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ
โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรีคาดการณ์ว่า หาก กกต.ไม่ได้มีประเด็นขัดข้อง น่าจะมีไทม์ไลน์ออกมาผ่านราชกิจจานุเบกษาได้ภายในสิ้นปี 2568
ขณะเดียวกันวันนี้ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ได้นำเสนอแนวทางการยกเลิก MOU43-44 ในการทำประชามติ อย่างไรก็ตาม สิริพงศ์ระบุว่า จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษาเห็นว่า MOU43 ยังมีผลในการบังคับใช้อยู่ จึงอาจนำมาปรับปรุง
แต่สำหรับ MOU44 มีการจัดประชุมครั้งที่ 1 และ 2 ห่างกันถึง 20 ปี ดังนั้นในทางปฏิบัติเห็นว่า ‘ไม่มีผลบังคับใช้’ จึงขอทำประชามติ MOU44 แต่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า จะมีผลผูกพันไปยังรัฐบาลถัดไป และไม่ได้มีประเด็นที่มีเจตจำนงจากรัฐสภา
สิริพงศ์สรุปว่า ดังนั้นแล้วการทำประชามติยกเลิก MOU43-44 จึง ‘ไม่สามารถดำเนินการได้’
Tags: MOU43, MOU44, รัฐธรรมนูญ, แก้ไขรัฐธรรมนูญ, รัฐบาล, ประชามติ, รัฐสภา



