วันนี้ (22 มีนาคม 2565) ที่พรรคก้าวไกล ‘ลูกเกด’ – ชลธิชา แจ้งเร็ว นักกิจกรรมและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ปทุมธานี พรรคก้าวไกล แถลงข่าวตอนหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ศาลอาญารัชดาเรียกตัวเพื่อไต่สวนประกันตัวชั่วคราวเป็นการเร่งด่วน ในวันที่ 23 มีนาคม 2565 นั้น เป็นการไต่สวนอย่างรวดเร็ว กระชั้นชิด และทีมทนายความอาจไม่มีเวลาเพียงพอในการต่อสู้คดี
ชลธิชายังบอกอีกด้วยว่า ศาลได้แจ้งว่าการนัดไต่สวนในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่ตนเองได้เข้าร่วมประชุมกับ เมลิสซา เอ. บราวน์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยเรื่องการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เรื่องคดีความ การตั้งเงื่อนไขประกันตัว การติดกำไลอีเอ็ม ทำให้ศาลต้องนัดไต่สวนเป็นการเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้ ชลธิชาระบุว่ายังไม่เคยได้รับจดหมายหรือหมายเรียกอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ศาลอาญารัชดา อีกทั้งยังไม่ทราบว่าการนัดไต่สวนวันที่ 23 มีนาคมนี้ เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพื่อถอนประกัน เพิ่มเงื่อนไข หรือตักเตือนที่เข้าร่วมประชุมกับสหรัฐฯ จุดประสงค์ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมา
ทั้งนี้ คดี ม. 112 ที่โดนนัดไต่สวน เป็นคดีที่เกิดขึ้นจาก นพดล พรหมพาสิต แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จากการที่ชลธิชาเขียนจดหมายราษฎรสาส์น ที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ โดยหลังจากชลธิชาประกาศสมัครเป็น ส.ส. ก้าวไกล ไม่ถึง 1 เดือน อัยการได้สั่งฟ้องเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา และได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 9 หมื่นบาท
ทว่า ศาลยังได้กำหนดเงื่อนไขประกันตัวเพิ่มเติม ได้แก่ ห้ามกระทำผิดซ้ำ ห้ามร่วมกิจกรรมที่กระเทือนสถาบันฯ การห้ามออกนอกเคหสถาน 20.00-05.00 น. ต้องรายงานตัวต่อศาลทุก 15 วัน รวมถึงต้องสวมกำไลอิเล็กทรอนิกส์ที่ข้อเท้าตลอดเวลา ซึ่งชลธิชาระบุว่ากระทบกับการทำหน้าที่ผู้สมัคร ส.ส. และกระทบกับภารกิจที่ต้องทำงาน เดินทางไปต่างจังหวัดและต่างประเทศเป็นประจำ
“15 มีนาคม ที่ผ่านมา ดิฉันได้ขอยื่นแถลงต่อศาลคัดค้านการติดอีเอ็ม โดยขอเพิ่มหลักทรัพย์ในการประกันตัวเพิ่ม แต่ศาลปฏิเสธ คัดค้านการวางหลักทรัพย์ดังกล่าว รวมถึงยืนยันในการแถลงคัดค้านต่อศาลว่าการกำหนดเงื่อนไขเข้าออกเคหสถานและการติดกำไลอีเอ็มนั้นขัดแย้งกับมาตรฐานสากล และไม่ได้สัดส่วน เนื่องจากที่ผ่านมา แม้จะถูกดำเนินคดี เนื่องจากใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกหลายคดี แต่ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนีคดีความ ที่สำคัญ ไม่ได้มีความสามารถใดๆ ในการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
“ขณะเดียวกัน เรื่องคดีความมาจากการโพสต์เฟซบุ๊ก ซึ่ง ปอท. ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งดิฉันยังมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เป็นเลขานุการคณะกรรมการการกฎหมายของรัฐสภา การกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว จึงมิชอบด้วยกฎหมาย และขัดกับมาตรฐานสากล”
ชลธิชายังระบุอีกด้วยว่า ที่ผ่านมามีนักกิจกรรมอย่างน้อย 46 คน ที่ถูกศาลสั่งให้ติดกำไลอีเอ็มระหว่างพิจารณาคดี รวมถึงมีเงื่อนไขอย่างมาก ห้ามกระทำผิดซ้ำ หรือห้ามกระทำผิดในประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องห้ามกระทำผิดซ้ำ ซึ่งขัดกับมาตรฐานสากล เพราะหลักในคดีอาญา ทุกคนควรได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก่อนจะมีคำวินิจฉัยออกมา
“แต่การห้ามทำผิดซ้ำนั้นไม่ต่างอะไรจากการที่ศาลพิพากษาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิด จึงต้องกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว ประเด็นนี้มีความสำคัญ และอยากให้จับตาดูการกำหนดเงื่อนไขในการประกันตัวนักกิจกรรมว่าเป็นไปเพื่อจำกัดความเคลื่อนไหวนักกิจกรรมในเรื่องการแสดงออกเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ใช่หรือไม่”
ขณะที่ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่าพรรคก้าวไกลเห็นทิศทางของการเลือกปฏิบัติ บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เพื่อปราบปรามการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติของประชาชน และลิดรอนสิทธิเสรีภาพผู้ต้องหาคดีทางการเมืองหลายประการ โดยเฉพาะการไม่ให้ประกันตัว การตั้งเงื่อนไขประกันตัวที่ขัดกับหลักสากล ไม่ได้สัดส่วน และไม่มีเหตุสมควร รวมถึงใช้เงื่อนไขประกันตัวเป็นเครื่องมือในการจำกัดการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน โดยการใช้กำไลอีเอ็มเป็นเครื่องสอดแนมติดตามความเคลื่อนไหวของจำเลย
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมไทยมักสร้างแนวปฏิบัติใหม่ ด้วยการให้ประกันตัวโดยเงื่อนไขผิดปกติ เช่น ห้ามกระทำผิดซ้ำในข้อหาเดิม ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมที่กระทบสถาบันฯ ห้ามโพสต์เชิญชวน ปลุกปั่น ยั่วยุ ชักจูง ประชาชน ให้ร่วมชุมนุมในโซเชียลมีเดีย ห้ามกระทำการใดๆ ที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสีย ด้อยค่า สถาบันศาลฯ ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขเหล่านี้ขัดต่อหลักการสันนิษฐานว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษา การกำหนดเงื่อนไขถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง จากทั้งนักกฎหมาย ประชาชน นักสิทธิมนุษยชนว่าศาลได้ตัดสินล่วงหน้าแล้วว่าสิ่งที่กระทำนั้นเป็นความผิดใช่หรือไม่ เป็นการเลือกปฏิบัติ และมีจุดมุ่งหมายทางการเมืองเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพผู้ต้องหา และจำเลยในคดีทางารเมืองหรือไม่
ขณะเดียวกัน ศาลได้ขยายแนวทางการกำหนดเงื่อนไขประกันตัวเพิ่ม คือการสั่งให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยทางการเมือง โดยเฉพาะคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งให้สวมกำไลอีเอ็มตลอดเวลา และกำหนดเวลาเข้าออกเคหสถาน ซึ่งเป็นการกำหนดเงื่อนไขที่ไม่ได้สัดส่วน และไม่มีเหตุผลอันสมควร
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ต้องหาคดีการเมืองและความผิดฐานอื่นอย่างน้อย 46 คนที่ถูกสั่งให้ติดกำไล ทั้งที่ตามหลักกระบวนการยุติธรรมไทย ผู้ที่ศาลจะพิจารณาให้ติดกำไลมีอยู่สามกลุ่ม คือ หนึ่ง ศาลให้พิพากษา หรือให้คุมประพฤติ สอง นักโทษเด็ดขาด ที่ศาลมีคำสั่งพักโทษ หรือลดวันจำคุก แต่คดีมีความร้ายแรงสะเทือนขวัญ หากปล่อยไปสังคมจะหวาดระแวง จึงต้องใส่กำไลติดตามตัว หรือ สาม การใช้กำไลอีเอ็มแทนหลักทรัพย์ประกันตัวที่มาวางศาลทั้งหมด หรือบางส่วนในกรณีที่ผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วตราวระหว่างการไต่สวนเพื่อสร้างความเท่าเทียมกับประชาชนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจน้อย
อย่างไรก็ตาม การใส่กำไลอีเอ็มจำเลยและผู้ต้องหา 112 ทุกคดี ชัยธวัชตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจงใจสอดแนมการเดินทางนักกิจกรรม เพื่อติดตามผู้ต่อต้านและผู้อยู่ตรงข้ามรัฐบาลใช่หรือไม่ ทั้งนี้ นอกจากการไต่สวนประกันตัวชลธิชาแล้ว ยังมีอีกหลายคดี ทั้งกรณีของ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมที่ไลฟ์สดก่อนมีขบวนเสด็จ ใบปอ ทะลุวัง และเนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมที่ทำโพลเรื่องขบวนเสด็จ ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนถอนประกัน 19 เมษายน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
“นี่กำลังเป็นแนวปฏิบัติใหม่ บรรทัดฐานใหม่ของกระบวนการยุติธรรมไทย ที่เราตั้งข้อสังเกตว่า ศาลกำลังเอามาใช้เฉพาะกับคดีการเมือง โดยเฉพาะคดี ม. 112 เราขอเรียกร้องให้ยุติ มาตรฐานใหม่ของกระบวนการยุติธรรม ที่ลิดรอนเสรีภาพขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน และหวังว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้จะไม่ถูกบิดเบือน บิดผัน จนกลายเป็นเครื่องมือผู้มีอำนาจ เพราะจะทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่ต่อกระบวนการยุติธรรม ตุลาการ และกระทบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์” ชัยธวัช ระบุ
ย้อนอ่าน “ปฏิรูปสถาบันฯ ต้องเกิดขึ้น แม้จะถูกขู่ฆ่า โดน ม.112 สักกี่ครั้งก็ตาม” ชลธิชา แจ้งเร็ว ทาง https://themomentum.co/closeup-lookkade/
ภาพ: พรรคก้าวไกล
Tags: Report, ม.112, ชลธิชา แจ้งเร็ว, ลูกเกด ชลธิชา