วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) ที่อาคารอนาคตใหม่ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าคดียุบพรรคก้าวไกล หลังจากตรวจพยานหลักฐานตามคำพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ โดยทีมกฎหมายของพรรคก้าวไกลส่งเอกสารโต้แย้งหรือโต้เถียงเพิ่มเติมทั้งหมด 2 ฉบับ เพื่อยืนยันว่ากระบวนการยื่นยุบพรรคของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่เป็นไปตามขั้นตอน และข้อเท็จจริงจากหน่วยความมั่นคงที่ระบุในเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเท็จ

ชัยธวัชเริ่มการแถลงถึง ‘เอกสารโต้แย้งหรือโต้เถียงฉบับที่ 1’ หรือ ‘หมาย ร.’ ที่ยื่นไปเพื่อยืนยันว่าเอกสารหลักฐานของ กกต.ไม่ได้ทำตามกระบวนการ นับตั้งแต่มีการคำร้องจากยื่นต่อ กกต.ว่า พรรคก้าวไกลมีการฝ่าฝืนมาตรา 92 (1) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และชี้แจงต่อ กกต.ต่อไป

ต่อมาในวันที่ 7 มีนาคม 2567 คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงประชุมและมีมติว่า ต้องแสวงหาหลักฐานอื่นมาประกอบคำร้อง เช่น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 เพราะมองว่า หลักฐานดังกล่าวมีประโยชน์ จึงเห็นชอบขยายกรอบเวลารวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้นำผลการวิเคราะห์และการศึกษามานำเสนอประกอบสำนวน

และในวันที่ 12 มีนาคม คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงยังอนุมัติขยายกรอบเวลาเป็นครั้งที่ 2 เพราะการรวบรวมหลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ แต่ปรากฏว่า ในของวันเดียวกันช่วงเช้า ที่ประชุมของ กกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อยุบพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมทันที และยังมีข้อสังเกตอีกว่า ในที่ประชุมของ กกต.มีคำสั่งให้สำนักงาน กกต.ดำเนินการแก้ไขคำร้องยุบพรรคในการประชุมครั้งก่อนหน้า (5 มีนาคม 2567) ให้กระชับและดำเนินการยื่นคำร้องแทน กกต.

“แสดงว่ามีการดำเนินการให้ไปร่างคำร้องยุบพรรคก้าวไกลอยู่แล้วตั้งแต่แรก ทั้งที่ยังไม่ได้ฟังรายงานและขณะที่คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ” ชัยธวัชกล่าว

นอกจากนั้นหัวหน้าพรรคก้าวไกลยังแถลงอีกว่า ในช่วงบ่ายของวันที่ 12 มีนาคม คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงมีการประชุมและเห็นว่า ‘ไม่มีเหตุที่จะต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน’ เพื่อเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองอีกแล้ว ทำให้ในเวลาต่อมาช่วงเวลา 16.30 น. นายทะเบียนพรรคการเมืองมีคำสั่งให้ ‘ยุติการรวบรวมหลักฐานตาม มาตรา 93’ เนื่องจากมีการดำเนินการตามมาตรา 92 ไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ชัยธวัชกล่าวแย้งว่า ตามระเบียบ กกต.ที่ออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 การยุติการรวบรวมพยานหลักฐานจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อรวบรวมข้อเท็จจริงเสร็จแล้วเสร็จ หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า หลักฐานไม่เพียงพอหรือไม่มีมูลที่จะไปเอาผิดตามข้อกล่าวหาได้

ขณะที่ ‘เอกสารโต้แย้งหรือโต้เถียงฉบับที่ 2’ หรือ ‘หมาย ศ.’ ชัยธวัชกล่าวว่า เป็นเอกสารโต้แย้งต่อข้อเท็จจริงที่ถูกระบุในเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นข้อมูลเท็จจากฝ่ายความมั่นคง เช่น ในเอกสารของฝ่ายความมั่นคงมีการระบุว่า ธิษะณา ชุณหะวัณ ส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนพรรคฯ ไปยื่นหนังสือต่อกรรมาธิการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 เพื่อให้พิจารณาว่าการดำเนินคดีตาม ม.112 ไร้มาตรฐานและละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งที่ในขณะนั้นธิษะณาไม่ได้เป็น ส.ส. อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงบอกว่า เป็นการกระทำในฐานะพรรคก้าวไกล 

ชัยธวัชจึงกล่าวว่า การนำข้อเท็จจริงที่อยู่เอกสารในคดีวันที่ 31 มกราคม 2567 ที่พรรคก้าวไกลไม่มีสิทธิได้โต้แย้ง ตนจึงรับไม่ได้ที่จะถูกนำมาใช้ในคดีนี้ที่มีโทษรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนหน้าได้

Tags: , , , ,