อีกเพียง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้จะเริ่มเข้าสู่เดือนตุลาคม ซึ่งเป็นกำหนดการเดิมที่ประเทศไทยกำลังเตรียมพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ประเทศอีกครั้งใน ระยะที่ 2  หลังเริ่มนำร่องมาก่อนแล้วด้วยโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่จากเดิมที่พร้อมเปิด 5 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญได้แก่ กรุงเทพฯ, ชลบุรี (บางละมุงและสัตหีบ), ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน), เพชรบุรี (ชะอำ) และเชียงใหม่ (อำเภอเมือง อำเภอดอยเต่าและ อำเภอแม่ริม) ทว่า สถานการณ์ล่าสุดบางจังหวัดยังไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ตามเป้า เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ยังได้รับวัคซีนโควิด – 19 ในเข็มที่ 2 ได้ตามแผนเป้าหมาย โดยเฉพาะกับกรุงเทพฯ เมืองหลวงและจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

วานนี้ (15 ก.ย.64) ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำทีมเข้าหารือกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือถึงแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ายังพื้นที่ กทม. ตามแผนโครงการ กรุงเทพแซนด์บ็อกซ์  ทั้งนี้หลังการเข้าประชุมหารือได้มีการเคาะขยับระยะเวลาเปิดรับนักท่องเที่ยวจากเดิมดีเดย์ คือ วันที่ 1 ตุลาคม ถัดออกไปอีกเป็น วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เนื่องด้วยจำนวนประชากรในจังหวัดหลายเขตพื้นที่ยังมีการฉีดวัคซีนในเข็มที่ 2 ไม่ครบถึงเป้าหมาย 70% ตามหลักการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยสถานการณ์ปัจจุบันมีผู้ได้รับวัคซีนในเข็มที่สองไปเพียง 37% และเข็มที่ 1 จำนวน 70% โดยการฉีดวัคซีนเข็มที่สองนั้น ส่วนใหญ่เป็นของแอสตราเซเนกา ที่ต้องใช้ระยะเวลาการฉีดห่างกัน 8-12 สัปดาห์ ฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องมีการเลื่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวออกไป

สำหรับมาตรการการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ายังโครงการ ‘กรุงเทพแซนด์บ็อกซ์’  จะใช้วิธีการเดียวกับ ภูเก็ตแซนบ็อกซ์  (Sealed Area) ประกอบด้วย

1.เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดส

 2.ตรวจหาเชื้อโควิด–19 จากประเทศต้นทาง และตรวจหาเชื้ออีก 3 ครั้ง หลังเข้าสู่ประเทศไทย

3.เข้าพักยังโรงแรมที่ได้มาตราฐาน SHA+ เท่านั้น

4.ช่วงเวลากลางวันสามารถไปไหนก็ได้ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ แต่ต้องกลับเข้าพักที่โรงแรมฝยช่วงค่ำ

5.เมื่อครบ 14 วันจึงเดินทางไปยังจังหวัดอื่นๆได้ต่อไป

หรืออีกแนวทางนึงคือการใช้สูตร 7+7 ซึ่งเป็นการพักค้างแรมยังกรุงเทพฯ ต้นทาง ก่อน 7 วัน และอีก 7 วัน สามารถเดินทางไปยังจังหวัดพื้นที่นำร่องในระยะแรกทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่  ภูเก็ต จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์) พังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่) รวมถึงอีก 4 จังหวัดที่คาดว่าจะเปิดได้ตามกำหนดวันที่ 1 ตุลาคมนี้ หากสามารถประชาชนในพื้นที่ได้รับวัคซีนโดส 2 ครอบคลุม 70-80% ได้แก่ ชลบุรี (บางละมุงและสัตหีบ), ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน), เพชรบุรี (ชะอำ) และเชียงใหม่ (ดอยเต่าและ อ.แม่ริม)

อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.2564)  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมเข้าหารือกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-2019 (ศบค.) เพื่อพิจารณาปรับโครงสร้างโมเดลโครงการ พัทยา มูฟออน ที่เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ จาก Sealed Area ดั่งเช่น ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เป็นแบบ ‘Covid Free Setting’ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัวหากได้รับวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 โดส พร้อมมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลังครบกำหนดเปิดประเทศ 120 วันตามกำหนด ทว่ามาตรการดังกล่าว ยังคงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากมองถึงจำนวนผู้ติดเชื้อในโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อก ณ ขณะนี้ที่ทยอยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 200 คน

ภาพ: Reuters

 

 

Tags: ,