วันนี้ (16 พฤศจิกายน 2023) โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่เปลี่ยนความคิดที่ว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นเผด็จการ หลังการประชุมหารือนอกรอบกว่า 4 ชั่วโมง

หลังการหารือไม่นาน นักข่าวตั้งคำถามกับประธานาธิบดีไบเดนว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไบเดนเคยเรียกสี จิ้นผิงว่า Dictator หรือ ‘เผด็จการ’ ในวันนี้่ หลังจากเพิ่งพบกันไม่นาน ยังเห็นว่า สี จิ้นผิงเป็นเผด็จการอยู่หรือไม

“ใช่ เขาเป็นเผด็จการ ในแง่ที่ว่าเขาเป็นคนบริหารประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีรูปแบบการปกครองที่แตกต่างไปจากสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง”

วาทะดังกล่าวถูกตอบโต้อย่างทันควันโดย เหมา หนิง (Mao Ning) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ที่ระบุว่า จีนขอคัดค้านคำพูดดังกล่าวอย่างรุนแรง

“คำกล่าวนี้ถือเป็นการกระทำที่ผิดอย่างยิ่ง และเป็นการบิดเบือนทางการเมืองอย่างขาดความรับผิดชอบ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวในการบรรยายสรุปตามปกติ อย่างไรก็ตาม เหมา หนิงไม่ได้ระบุถึงชื่อประธานาธิบดีไบเดนแต่อย่างใด

การหารือกันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในวันนี้ เป็นการประชุมนอกรอบ ในโอกาสที่ทั้งสองประเทศเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ตามความพยายามของสองประเทศ ในการเพิ่มการสื่อสารระดับสูง ท่ามกลางความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งสองประเทศรับปากจะหารือร่วมกันมากขึ้น หลังจากไม่ได้พบกันต่อหน้านานกว่า 1 ปี นับจากการประชุมที่บาหลี อินโดนีเซีย เมื่อปี 2022

นอกจากนี้ ยังเป็นการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบ 6 ปี ของสี จิ้นผิง หลังจากทั้งสองประเทศตัดสัมพันธ์ไปในช่วงที่ แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อปีที่แล้ว

สำหรับหัวข้อหลักในการหารือกันครั้งนี้มีหลายประเด็น เช่น การฟื้นฟูการสื่อสารทางทหาร การควบคุมการไหลเข้าของเฟนทานิล (Fentanyl) ยาบรรเทาปวดที่มีลักษณะเสมือนสารเสพติดเข้าสู่สหรัฐฯ การใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างปลอดภัย และข้อจำกัดของสหรัฐฯ ในการเข้าถึงเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ของจีน

ไบเดนกล่าวกับสี จิ้นผิง ในช่วงเริ่มต้นการประชุมสุดยอดว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนต้องรับประกันว่า การแข่งขันกันระหว่างสองชาติมหาอำนาจจะไม่เบี่ยงเบนนำไปสู่ความขัดแย้ง และปัญหาท้าทายที่ทั้งสองชาติกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เรื่อยไปจนถึงการต่อต้านยาเสพติด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องที่ทั้งสองชาติต้องพยายามร่วมกัน

“เราต้องมั่นใจว่าการแข่งขันจะไม่กลายเป็นความขัดแย้ง” ไบเดนกล่าว

ด้านประธานาธิบดีจีนเห็นพ้องในการร่วมกันแก้ไขปัญหาที่โลกกำลังเผชิญ ในฐานะประเทศมหาอำนาจควรที่จะพูดคุยมากกว่าหันหลังให้กัน

“สําหรับสองประเทศใหญ่อย่างจีนและสหรัฐอเมริกา การหันหลังให้กันไม่ใช่ทางเลือก” สี จิ้นผิงกล่าวในคําปราศรัยเปิดงาน และเสริมว่า “โลกใบนี้ใหญ่พอสําหรับทั้งสองประเทศที่จะประสบความสําเร็จ”

ไบเดนยังหยิบยกประเด็นต่างๆ ที่มีความกังวล เช่น พลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกควบคุมตัว, สิทธิมนุษยชนในซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง และกิจกรรมเชิงรุกของปักกิ่งในทะเลจีนใต้ ทั้งยังแลกเปลี่ยนกันในประเด็นไต้หวัน ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ขณะที่ สี จิ้นผิงบอกกับไบเดนว่า จีนแสวงหาการรวมประเทศอย่างสันติ และยังพูดถึงเงื่อนไขที่สามารถใช้กำลังได้ ขณะที่ไบเดนขอให้สี จิ้นผิง เคารพความเป็นประชาธิปไตยของไต้หวัน พร้อมย้ำจุดยืนของสหรัฐฯ ว่าต้องการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องกันในเรื่องของการฟื้นฟูการสื่อสารทางทหาร เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น จากกรณีเหตุการณ์บอลลูนสอดแนมของจีน ที่ตอกย้ำความสำคัญของการสื่อสารระหว่างทหารกับทหาร โดยสี จิ้นผิงสนับสนุนการเปิดเวทีให้ทั้งสองฝ่ายแสดงความกังวลที่มี เพื่อหาทางแก้ไข ขณะที่ไบเดนกล่าวว่า การหารือกันในครั้งนี้เป็นการเจรจาที่ก้าวหน้าอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ สื่อต่างชาติหลายสำนักเห็นว่า การพบปะหารือกันในครั้งนี้มีความตรงไปตรงมามาก เป็นการพูดคุยที่มีความก้าวหน้ามากกว่าการเจอกันล่าสุดในการประชุมที่บาหลีเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

อ้างอิง

https://www.cnbc.com/2023/11/15/xi-biden-at-apec-summit-china-us-leaders-meet-in-san-francisco.html

https://www.reuters.com/world/biden-calls-xi-dictator-after-carefully-planned-summit-2023-11-16/

https://www.reuters.com/world/biden-xi-meet-us-china-military-economic-tensions-grind-2023-11-15/

https://edition.cnn.com/2023/11/15/politics/biden-xi-meeting/index.html

Tags: , , , , ,