วันนี้ (8 ตุลาคม 2568) ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาในหัวข้อ ‘หลักนิติธรรม: วาระแห่งชาติเพื่อความสามารถในการแข่งขันของไทย’ ตอนหนึ่งว่า การบังคับใช้กฎหมายต้องยุติธรรม เข้มแข็ง และมีความกล้าหาญที่จะบังคับกฎหมายเพื่อความถูกต้อง เที่ยงธรรม ต้องไม่ถูกครอบงำ ชักจูง ไม่ใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือกลั่นแกล้งบุคคลใดที่คิดว่าเป็นปฏิปักษ์กับตัวเอง อย่างนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ Justice for All

“Justice for All แปลว่าอะไร ใครก็ช่วยใครไม่ได้ถ้าคนนั้นผิด Justice for All ใครจะทำให้คนนั้นผิดก็ไม่ได้ ถ้าคนนั้นถูก เมืองไทยต้องไปถึงจุดนี้ แล้วความมั่นคง ความเจริญก้าวหน้า มันจะเกิดขึ้นเอง โดยที่เราไม่ต้องไปคิดนิคมอุตสาหกรรมที่ไหน จะต้องไปออกกฎอะไรที่ต่างชาติเข้ามาในประเทศของเรา เราต้องใช้ Foundation นี้ คือใช้ Rule of Law อย่างเต็มประสิทธิภาพ

“ฝากทางราชการอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเขาก็จะบอกว่าต้องแก้กฎกระทรวง แก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ ต้องใช้แรงกดดันของประชาชนแก้ ต้องฝากพี่น้องประชาชนที่บอกว่าไม่ได้แล้ว เมืองไทยมีอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ใครมีอำนาจ ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ไม่ได้ ทำอย่างนี้ไม่ได้”

นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า คนมีอำนาจไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป แล้วถ้าคนใช้อำนาจผิด คนนั้นก็จะต้องถูกหลักนิติธรรมดำเนินการ ทั้งนี้ มีคำว่า Power tends to corrupt; absolute power corrupts absolutely หรืออำนาจนำไปสู่ความฉ้อฉล อำนาจเบ็ดเสร็จยิ่งฉ้อฉลเบ็ดเสร็จ ซึ่งอธิบายตัวมันเอง ต้องให้หลักนิติธรรมปกแผ่ไปยังทุกวงการ ทุกคน เราจะได้อาศัยอยู่ในประเทศที่มีหลักกฎหมายคุ้มครองพวกเราเต็มที่ คนจะทำดีจะได้ไม่เกรงกลัว

“สิ่งที่อันตรายที่สุดคือคนเก่ง คนดี ไม่กล้าทำเพื่อส่วนรวม เพราะกลัวกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมมาทำอันตรายเขา ทำเขาไม่ได้ ก็ไปทำคนใกล้ชิด วงศ์วานว่านเครือเขา สิ่งเหล่านี้กำลังเกิด หน้าที่ของเราคือต้องตัดให้สิ้นซาก

“การคอร์รัปชันอย่างหลายๆ คนเข้าใจ คอร์รัปชันเพื่อประโยชน์ เอาสตางค์ ได้ผลประโยชน์ตอบแทน คิดเป็นมูลค่าทางการเงินได้ จริงๆ แค่นั้นไม่ใช่ Law Abusive (การละเมิดกฎหมาย) ยิ่งกว่าคอร์รัปชัน มันยึดครองทุกอย่างได้หมด การคอร์รัปชันเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ว่าแย่แล้ว Abuse of law อันนี้แย่ที่สุด เลวร้ายที่สุด แล้วก็ถือว่าเป็น The Most Severe Corruption เราจะให้มันเกิดในประเทศไม่ได้

“บทเรียนจากทั่วโลกบอกว่า หากหลักนิติธรรมอ่อนแอ ประเทศนั้นจะไม่รักษาความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้ นักลงทุนหนีหายหมด แล้วก็พูดได้เลยว่าหลักนิติธรรมคือต้นทุนสำหรับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ คือเสาหลักของการเติบโตประเทศทางเศรษฐกิจ”

อนุทินยังระบุอีกว่า ในเรื่องของคณะรัฐมนตรี ด้วยความที่ตนเองเป็นคนเชื้อสายจีน นอกจากจะดูคณะรัฐมนตรีแล้ว ยังดู ‘คอรอมู’ ​หรือดู ‘โหงวเฮ้ง’ ของ ครม.ทุกคนอีกด้วย

“นอกจาก ครม.แล้วยังเป็นคอรอมู ด้วยความที่เป็นคนเชื้อสายจีน ยังดูโหงวเฮ้งว่าแต่ละคนตั้งใจแค่ไหน เต็มที่แค่ไหน จริงใจไหม ตักตวงไหม ผมดูออก เอาเป็นว่ามากกว่า 80% ก็ดูไม่ค่อยพลาด ที่พลาดไป พอรู้ว่าพลาด ไม่ใช่หรอก แกล้งเซ่อ แต่ถ้าแกล้งเซ่อแล้วผลักดันประเด็นอื่นๆ ต่อไปได้ เราก็แกล้งเซ่อ แต่ไม่ลืมเช็กบิล

“ผมใช้ทุกองคาพยพ ทุกองคาพยพจริงๆ ไปทื่อๆ อย่างเดียวไม่รอด ถ้าไปด้วยกฎระเบียบอย่างเดียว ถ้าเราไม่มีความรู้ ความสามารถ เครือข่ายอื่นๆ เราจะทะลวงคอขวดนี้ไปไม่ได้

ทั้งนี้นายกฯ ยังกล่าวอีกด้วยว่า การคอร์รัปชันนั้นขัดขวางทุกอย่าง หลายคนถอดใจเพราะเรื่องคอร์รัปชัน เพราะดูแล้วมันทะลวงไปยาก อย่างไรก็ตามต้องดื้อและไม่ยอมแพ้ และถึงอย่างไรความถูกต้องจะชนะเสมอ ขอเพียงทะลวงสิ่งเหล่านี้ไปให้ได้

Tags: , , , ,