วันนี้ (21 มิถุนายน 2566) ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค อดิศร เพียงเกษ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมโครงการเสริมศักยภาพ ส.ส.และบุคลากรทางการเมืองว่า เห็นด้วยที่พรรคจะสนับสนุนให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สำหรับพรรคก้าวไกลไม่ใช่แค่ได้ 151 เสียง ก็จะได้ประธานฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ไม่ใช่ว่าจะหาวเอาเดือนเอาดาวได้ทุกอย่างที่ต้องการ

“จะมาหาวเอาเดือนเอาดาว เกินพลังที่ตนเองมีในหน้ากระดาน เอาประธานสภาฯ ไปด้วย มันง่ายเกินไป ไม่ได้เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตาเลย ผมจึงออกมาสตาร์ทเครื่องเรื่องนี้ตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ ไม่ได้สู้เพื่อให้ตัวเองเป็นประธานสภาฯ แต่สู้เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด”

อดิศรระบุอีกว่า ตลอดเวลาก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเหนื่อยยากกับการต่อสู้ และ ส.ส.ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ทุกคนล้วนมีเป้าหมายสูงสุดในการเป็นประธานสภาฯ แต่ขึ้นอยู่กับเวลาเหมาะสมหรือไม่ พร้อมกับบอกว่า ไม่ทราบว่าขั้นตอน กระบวนการเจรจาในเรื่องประธานสภาฯ เป็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า การที่พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว พรรคเพื่อไทยซึ่งได้เสียงน้อยกว่าเพียง 10 เสียง ก็ควรจะเป็นตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและประธานสภาฯ ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

“ท่านหัวหน้า ผมเจ็บปวดที่พูดวันนี้ ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภาฯ กับก้าวไกลได้ เพราะคุณสูงแค่ 151 เมื่อมีข้อขัดแย้งในสภาฯ ทำอย่างไร ก็โหวตในสภาฯ โหวตในสภาฯ ได้เพื่อนฝูงมากก็ไปเป็น ได้น้อยก็เป็นอย่างอื่น ผมยังยืนยันว่า ศักยภาพคนของเราที่นี่ เรามีบุคลากรที่เหมาะสมมากกว่าเขา ผมไม่อยากเห็นสามเณรกับพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส จะอยู่อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อมีวุฒิสมาชิกด้วย

“ของเราไม่เอ่ยชื่อ ส.ส. แต่เป็นประธานสภาฯ ได้ทุกคน ท่านจาตุรนต์ (ฉายแสง) ก็เป็นได้ ท่านสุชาติ (ตันเจริญ) ก็เป็นได้ วันนี้ท่านก็เดินแจกใบปลิวอยู่ ชูศักดิ์ (ศิรินิล) ก็เป็นได้ ผมก็เป็นได้ ทำไมจะเป็นไม่ได้ เรามีบุคลากรเยอะ อย่าเพิ่งไปยอมให้เขาง่ายๆ”

อดิศรยังระบุด้วยว่า การเคลื่อนไหวในวันนี้ต้องการให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ในอนาคต โดยตารางและทฤษฎี พรรคก้าวไกลควรต้อง ‘ถอย’ เพื่อให้รัฐบาลผสมในอนาคตเดินทางไปอย่างยิ่งใหญ่

“ผมคนหนึ่งไม่รู้จะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะไม่สามารถยกมือให้สามเณรหรือพระบวชใหม่เป็นประธาน”

อดิศรยังได้ระบุด้วยว่า สิ่งที่อยากฝากไว้คือพรรคเพื่อไทยต้องยิ่งใหญ่ และพรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคสาขาของก้าวไกล ตลอดเวลาที่ผ่านมาต่อสู้อย่างเหนื่อยยากกับพรรคก้าวไกลทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ ส.ส.หายไปเฉยๆ เกือบทั้งหมด ได้เพียง ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.เขตลาดกระบัง เท่านั้น โดยการเดินทางหลังจากนี้ ต้องการให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ใน 4 ปีนี้

Tags: , ,