เมืองใหญ่ล้วนให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่เปิดโล่ง เพื่อช่วยลดความแออัด และยังเป็นพื้นที่ให้ผู้คนได้มารวมตัวทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน

         จัตุรัสแดง (Red Square) ใจกลางเมืองมอสโกก็เป็นหนึ่งในพื้นที่แบบนั้น

         ด้วยพื้นที่กว้าง 695 เมตร และยาว 130 เมตร ในอดีตเคยเป็นตลาดให้ผู้คนจับจ่ายซื้อของ ก่อนจะแปรผันเป็นสถานที่สวนสนามของกองทัพเพื่อแสดงแสนยานุภาพทางการทหารในยุคที่สหภาพโซเวียตรุ่งเรือง และปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ให้ชาวมอสโก และนักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่น ถ่ายรูป และพบปะสังสรรค์

         เอาตรงๆ จัตุรัสแดงในทัศนะของฉันอาจไม่ใช่จัตุรัสที่สวยที่สุด แต่เป็นจัตุรัสที่ ‘ขึ้นกล้อง’ เพราะไม่ว่าจะหันกล้องไปเก็บภาพ ณ จุดไหน บริเวณไหน เมื่อมองผลลัพธ์ผ่านหน้าจอ ช่างสวยไปหมด ไม่ต้องทุ่มเทเสียเวลาหามุมมองแปลก ๆ เพื่อเก็บภาพที่สวยถูกใจ

         ความขึ้นกล้องที่ว่า มาจากท่วงจังหวะ ตำแหน่ง ของอาคารต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่รายล้อม

         อาคารที่อยู่รอบจัตุรัสแดง ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่มีสีแดงเข้ม กำแพงป้อมปราการของพระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace), ห้างสรรพสินค้ากุม (Gum), สุสานเลนิน (Lenin Mausoleum), โบสถ์คาซาน และมหาวิหารเซนต์เบซิล (Saint Basil’s Cathedral) ทั้งหมดล้วนมี สีสัน รูปทรง ระยะเว้นห่างจากกันที่ช่างพอเหมาะพอเจาะ

         คำว่า ‘แดง’  หลายคนคิดว่าเป็นสีแห่งคอมมิวนิสต์ แต่จริงๆ แล้ว คำว่า ‘แดง’ มาจากภาษารัสเซียเดิมนั่นคือ  ‘krasnyi’ ที่แปลว่าสวยงาม แต่เมื่อภาษามีวิวัฒน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ความหมายจากสวยงามก็กลายเป็นสีแดง ทำให้เรียกกันว่าจัตุรัสแดง หรือ Red Square นั่นเอง

         สิ่งที่อยากเห็นเมื่อมาถึงจัตุรัสแดงคือ มหาวิหารเซนต์เบซิล (Saint Basil’s Cathedral) เพราะเป็นมหาวิหารที่ถูกใช้เป็นภาพสัญลักษณ์แทนประเทศรัสเซียมาเนิ่นนาน จนกลายเป็นภาพจำ และคุ้นชิน สำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อมีโอกาสได้มามอสโก

          เมื่อเดินผ่านพื้นที่จัตุรัสแดงไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นยอดโดมทรงหัวหอมสีสดปรากฏให้เห็น ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียที่ตัวโดมจะมีลักษณะป่องกลางทำให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่กว้างกว่าบริเวณฐาน ทั้งยังมีลายเกลียว และปลายเรียวแหลม ส่งผลให้รูปลักษณ์สุดท้ายมีลักษณะคล้ายหัวหอมจนเรียกกันว่าโดมทรงหัวหอม

         โดมทรงหัวหอมของมหาวิหารเซนต์เบซิลมีด้วยกัน 9 โดม อยู่ในตำแหน่งสูงต่ำลดหลั่นกัน ลวดลาย ขนาด และสีสันก็ยังแตกต่างกัน มองเผินๆ เหมือนไม่ใช่มหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ แต่คล้ายพระราชวังเล็กๆ ที่ทำจากแป้งขนมหวานสีสันสดใสแตะตามากกว่า

         ขณะยกกล้องถ่ายรูปในมือเก็บภาพมหาวิหารดังกล่าว รู้สึกว่าเป็นการเก็บภาพที่ง่าย เพราะขนาดของตัววิหารกำลังเหมาะเจาะ ไม่ล้นเกินความสามารถของเลนส์กล้องมาตรฐานทั่วไป มีเพียงสิ่งเดียวที่คอยขัดจังหวะให้รู้สึกเคืองอยู่บ้างคือจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาชั่งเยอะเสียเหลือเกิน       

        หลังจากเก็บภาพด้านนอกเสร็จ ฉันกับเพื่อนก็ไม่รอช้า ซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปชมด้านใน แล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจกับมหาวิหารเซนต์เบซิลที่แตกต่างจากมหาวิหารอื่นตรงที่ไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวาง เพดานสูงลิ่ว หากแต่เต็มไปด้วยทางเดินวกวนเชื่อมต่อห้องโถงเล็ก ๆ ไว้ด้วยกัน

         มหาวิหารเซนต์เบซิลมีลักษณะแตกต่างจากวิหารอื่นๆ ในยุโรป กล่าวคือเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม ที่มีทั้งหมด 9 โดม ตามประวัติศาสตร์คือมหาวิหารเซนต์เบซิลสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอีวานที่ 4 เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือกองทัพของมองโกลที่เมืองคาซาน (Kazan) ชัยชนะนี้มีความสำคัญในหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ เพราะทำให้รัสเซียสามารถรวมชาติได้เป็นปึกแผ่น

         ตามตำนานเล่าขานว่ากันว่าพระเจ้าอีวานที่ 4  ทรงพอพระทัยและหลงไหลในความงามของวิหารแห่งนี้ ถึงขั้นสั่งให้ควักนัยน์ตาสถาปนิกผู้ออกแบบ เพื่อไม่ให้ไปสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นใดได้อีก แต่นั่นเป็นเพียงตำนานเล่าขาน ไม่มีหลักฐานใด ๆ บ่งชัดว่าตำนานนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และหากไล่เรียงประวัติของพระเจ้าอีวานที่ 4 แล้ว แม้พระองค์จะมีอุปนิสัยที่เหี้ยมโหดตามคำเล่าขาน แต่ก็เป็นกษัตริย์ที่มีความเฉลียวฉลาดจนนำพาประเทศรัศเซียกลายเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้

         ปกติมหาวิหารอื่นอาจตกแต่งภาพวาดนักบุญ หรือเหตุการณ์สำคัญทางศาสนา แต่ภายในมหาวิหารเซนต์เบซิล กลับตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้สีสันสดใสเสียเป็นส่วนใหญ่ มีเว้นตรงภาพประดับบนฉากศักดิ์สิทธิ์และเพดานยอดโดมที่เป็นรูปเคารพของพระเยซูและพระแม่มารี นั่นทำให้วิหารแห่งนี้แตกต่างจากวิหารแห่งอื่น ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกจนถึงการตกแต่งภายใน

         และเพราะความแปลกนี้แหละ ทำให้ฉันกับเพื่อนร่วมทางเดินวกวนอยู่ภายในวิหารนี้อย่างสนุกสนาน เข้าออกห้องโถงนั้น สู่ห้องโถงนี้ ชมชิ้นงานสวย ๆ ทั้งภาพวาด เครื่องประดับ งานประดิษฐ์ต่าง ๆ  ที่วางแสดงตามมุมต่าง ๆ ประกอบกับภาพวาดบนผนังเพดานของยอดโดมแต่ละโดมที่แตกต่างกันออกไป แถมทางเดินที่เชื่อมระหว่างห้องเหล่านี้ยังมีช่องผนังเล็ก ๆ มองลอดช่องให้เห็นห้องอื่น ๆ ได้อีก ทำให้รู้สึกเหมือนนักผจญภัยที่แอบเข้ามาสำรวจสถานที่ลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ที่งดงาม

 

Tags: , , , , ,