13.51 น.คณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติเดินเรียงแถวหน้ากระดานผ่านประตูบานเหล็กที่เปิดรอไว้เข้ามาพร้อมกันเพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ยืนอยู่ตรงกลาง

    กองทัพนักข่าวตะลุมบอนเข้าไปเพื่อเก็บภาพคู่กรณีในคดีประวัติศาสตร์ที่กำลังจะมีการตัดสินในช่วงบ่ายแก่ของวันนี้ (7 มี.ค. 2562) เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่พยายามแทรกตัวผ่านแรงเบียด และแฟลชกล้องของกองทัพนักข่าว เราเข้าไปใกล้ถึงขนาดที่ไม่ห่างเกินช่วงแขน และเราสังเกตว่าใบหน้าของพวกเขาดูเป็นกังวลและไม่สบายใจนัก

    14.39 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เดินมาถึงที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญพร้อมกัน แววตาของจาตุรนต์เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง แต่คล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเฝ้ารออยู่ข้างหน้า

    เราหายใจไม่โล่ง และเริ่มอยากอัดควันบุหรี่ แต่เวลาตามคำประกาศนัดวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาทุกที เราจึงเลือกที่จะเดินไปทิศที่ใกล้กับกองหนุนของพรรคไทยรักษาชาติที่ยืนออกันอยู่ประมาณ 30 คน ซึ่งต่างเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อมาให้กำลังใจพรรคที่ตนหวังจะมอบคะแนนเสียงให้

ป้าแมว (นามสมมติ)

    ป้าแมวเป็นผู้หญิงผมสั้น อายุประมาณ 50 ตอนปลาย เธอเล่าให้เราฟังว่าเธอเดินทางมาจากบริเวณอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เธอมีอาชีพค้าขาย และวันนี้เธอยอมสละเวลาทำมาหาอิ่ม เดินทางมายังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้กำลังใจพรรคไทยรักษาชาติ

    เธอเล่าให้เราฟังว่า ตลอดระยะเวลา 11 ปี เธอเดินทางไปเข้าร่วมชุมนุมทุกครั้ง และถ้าไม่ติดขัดอะไรเธอก็จะอยู่นั่งฟังคำปราศรัยบนเวทีจนจบทุกวันก่อนที่จะกลับเพื่อเตรียมตัวขายของ

เราถามเธอว่า มีความมั่นใจบ้างไหมว่าพรรคที่เธอรัก จะสามารถเดินทางฝ่าวิกฤตการเมืองครั้งนี้ไปได้

เธอตอบขึ้นมาทันทีว่า เธอไม่มีความมั่นใจเลย ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นรองทุกครั้งไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งไหนๆ ก็ตาม ฝ่ายที่มีอำนาจก็ยังคงใช้อำนาจอย่างไม่เคยเป็นธรรม มันทำให้เธอรู้สึกย่อท้อว่า 1 สิทธิ์ 1 เสียงของเธอไม่ได้มีคุณค่าเทียบเท่ากับคนอื่น

“ประเทศไทยกฎหมายอ่อนแอ ไม่มีความยุติธรรม 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรดีขึ้น เราประชาชนคนรากหญ้า คนทำมาหากิน เรารู้ว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร เราหากินลำบากมาก เพราะฉะนั้นที่เราเดินทางมาวันนี้ เรามาให้กำลังใจในนามของประชาชน มากันต่างทิศต่างทาง มาด้วยกัน ไกลแค่ไหนก็ไป 1 สิทธิ์ 1 เสียงของเราคือ กำลังใจของไทยรักษาชาติ”

    … ป้าแมวยังมีความหวังหรือเปล่า ถ้าเหตุการณ์วันนี้ซ้ำรอยให้อกหักอีกครั้ง

    “ไม่หมดหวังหรอก เราต้องทำใจให้ได้ มันเป็นแบบนี้มาตลอด ต้องยอมรับ อะไรจะเกิดขึ้นประชาชนเขาชินชาแล้ว ต้องรับให้ได้ และต้องยืนหยัดสู้ต่อไป บ้านเมืองเราชินชากับกฎหมาย ชินชากับรัฐบาลทหาร ไม่ใช่หมดอาลัยตายยากนะ แต่เหมือนว่าเราแห้งแล้งในหัวใจ พูดไปเดี๋ยวน้ำตาไหล ไปมาทุกครั้งที่มีการชุมนุม 11 ปีแล้ว”

    เรากดปิดเทปบันทึกเสียงทันที เพราะเราสังเกตเห็นว่านัยน์ตาของเธอคลอไปด้วยน้ำตา หากเมื่อมองสายตาคู่นั้นอีกครั้ง ก็พบว่าแม้จะมีน้ำใสคลออยู่ แต่ก็ไม่ใช่ดวงตาของผู้ที่ยอมจำนน

คำตัดสินที่ปวดร้าว

14.59 น. ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะเริ่มอ่านคำวินิจฉัย กองทัพนักข่าวควักอาวุธประจำกายขึ้นมาเตรียมจดเนื้อหาลงกระดาษ เรากดบันทึกเครื่องอัดเสียง และยื่นไปให้ใกล้หน้าจอถ่ายทอดสดมากที่สุด

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาอ่านคำวินิจฉัยร่วมชั่วโมง แต่บทสรุปเหมือนเป็นที่รู้กันอยู่แล้วตั้งแต่การยกข้อกฎหมาย และธรรมเนียมประเพณีต่างๆ

….. ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยที่ 3/2562 ลงวันที่ 7 มีนาคม พุทธศักราช 2562 ให้ผู้แทน ผู้ร้อง และผู้ถูกร้องฟังแล้ว ให้คู่กรณีคัดถ่ายสำเนาคำวินิจฉัยได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันอ่านคำวินิจฉัย คู่ความมาลงชื่อกันไว้นะครับ

เป็นอันชัดเจนว่า ศาลรัฐธรรมนูญลงมติว่า

  1. ยุบพรรคไทยรักษาชาติ – มติเอกฉันท์

  2. เพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี – มติ 6-3 (เพิกถอนสิทธิ์ตลอดชีวิต)

  3. เพิกถอนสิทธิ์ตั้งพรรคการเมืองเป็นเวลา 10 ปี – มติเอกฉันท์

 เสียงร้องไห้ดังระงมมาจากข้างหลังกลุ่มนักข่าว เรารีบวิ่งรุดไปดู และได้เห็นว่า นั่นคือกลุ่มผู้มาให้กำลังใจพรรคไทยรักษาชาติ พวกเขาต่างแสดงอาการสะท้านใจกับผลคำตัดสินที่เกิดขึ้น ล้มลง กอดคอร้องไห้ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

กองทัพนักข่าวเข้ารุมล้อม เสียงชัตเตอร์ดังระงม เพื่อจับภาพเหตุการณ์และอารมณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า บางคนสวดภาวนาต่อฟ้าดินให้เข้าข้างความเชื่อและศรัทธาต่อประชาธิปไตยของตนบ้าง บ้างยืนหยัดขึ้นป่าวประกาศว่าจะยังคงสู้ต่อไป แม้จะพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า ..

เราสังเกตเห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินแหวกวงล้อมของนักข่าวออกมา เพื่อเช็ดน้ำตา เราจำเธอได้ เธอชื่อว่า ‘พี่นก’ และเราเคยพบปะกันแวบหนึ่งครั้งที่เรากำลังเดินเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสกลับบ้าน เธอยืนอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ครั้งนั้นเธอชูป้ายที่มีข้อความเขียนว่า ‘ไม่เลื่อนเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ พวกเราอยากเลือกตั้ง’

เราตัดสินใจเดินเข้าไปถามเธอว่า หลังจากนี้จะทำอย่างไรกันต่อ

“ไม่มีค่ะ เดี๋ยวเราก็กลับบ้านแล้ว แต่เดี๋ยวอาจจะข้ามไปนั่งเล่นที่พรรคสักพักนึง”

มีอะไรอยากพูด หรืออยากฝากไว้ไหมหลังจากคำตัดสินวันนี้

“ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ต้องท้อนะคะ ยังมีอีกหลายพรรคให้ฝ่ายเราได้เลือก” เธอฝากถึงทุกคนที่ยังรักและศรัทธาในประชาธิปไตย

“ส่วนตัวเองถ้าไม่มีอะไรให้เลือกจริงๆ ก็เลือกคุณเสรี (พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย) อนาคตใหม่ก็ดี แต่เขาจะทำได้มั้ย แก้รัฐธรรมนูญได้มั้ย ขนาดพวกเราดันไม่รู้กี่ล้านคนส่งเข้ารัฐสภายังแก้ไม่ได้ แต่ก็เชียร์เขานะให้ทำให้ได้

เราคิดว่าอีกฝ่ายคงจะมีความคึกคักขึ้นมา แต่คงไม่น่าจะมีผลอะไรกับการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ดี”

เราขอตัวเดินผละออกมาจากเธอ ก่อนเหลือบเห็นคุณจาตุรนต์และคุณณัฐวุฒิ ที่เดินเลี่ยงฝูงนักข่าวออกมา เราวิ่งรุดไปเผื่อจะได้พูดคุยและสัมภาษณ์

ทั้งคู่เพียงปฏิเสธอย่างสุภาพ และขึ้นรถกลับไปยังที่ทำการพรรคฝั่งตรงข้าม

ภายหลังที่ ร.ท.ปรีชาพล หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์กับกลุ่มผู้สื่อข่าว ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าและใบหน้าที่อ่อนโรย

กลุ่มผู้มาให้กำลังใจพรรคไทยรักษาชาติกลุ่มสุดท้าย เดินมารวมกันตัวบริเวณด้านหน้าของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนหยัดหลังผิงกันและกัน ก่อนตะโกนพร้อมกันว่า

 “24 มีนาฯ หยิบปากกา ฆ่าเผด็จการ!”

Tags: , , ,