คอภาพยนตร์ต่างต้องเคยได้ยินชื่อนี้ เควนติน แทแรนติโน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกันที่มีลายเซ็นชัดเจน และเจนจัดความกวนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จากเด็กหนุ่มที่เป็นแฟนคลับภาพยนตร์ กลายมาเป็นผู้กำกับชื่อดัง เขาเก่งกาจในเรื่องการสร้างบทสนทนา คาแรกเตอร์ของตัวละคร ลำดับในการเล่าเรื่อง และพล็อตที่ชวนติดตาม

ผลงานของเขาอัดแน่นไปด้วยความยียวนกวนประสาท ตลกร้าย และความรุนแรงในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร เควนติน แทแรนติโน จึงกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ในดวงใจของหลายคนไปโดยปริยาย

ส่วนใครที่อยากทำความรู้จักกับเควนติน นี่คือ 5 เรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

Pulp Fiction (1994)

Pulp Fiction ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าจะผ่านมานานกว่า 24 ปี เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ชื่อเควนติน แทแรนติโน เป็นที่รู้จักในกว้าง

ในปีที่เข้าฉาย ภาพยนตร์ทำรายได้ไปมากมายทั่วโลก และได้รับคำวิจารณ์ในทางบวกอย่างสูง เข้าชิงรางวัลออสการ์ 7 สาขา และคว้ารางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมมาได้

สิ่งที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ บทสนทนาของตัวละครที่พูดกันไม่หยุดตลอดทั้งเรื่องกลับเป็นเสน่ห์หนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงเป็นเสน่ห์ของภาพยนตร์เควนตินในแทบจะทุกเรื่องด้วย

ภาพยนตร์มีเส้นเรื่องธรรมดาๆ แต่เล่าแบบไม่ลำดับเหตุการณ์ ซึ่งในตอนท้ายเราจะร้อยเรียงมันออกมาได้เอง ถือเป็นความแพรวพราวของเควนตินที่ทำออกมาได้ดีมากๆ

ภาพยนตร์โฟกัสไปที่สองตัวละครที่เป็นลูกน้องของเจ้าพ่อนามว่ามาร์เซลลัส วอลเลซ ได้แก่ วินเซนต์ เวก้า และจูลส์ วินฟิลด์ พวกเขาทั้งคู่มีหน้าที่ทำงานสำคัญๆ ให้กับเจ้าพ่อ ไม่เว้นแม้กระทั่งการดูแลภรรยาของเขา แล้วงานสำคัญก็ตกมาถึงมือทั้งสองมือปืนอีกครั้ง เมื่อบุตซ์ คูลลิด ผิดสัญญาการล้มมวยที่ได้ให้ไว้กับมาร์เซลลัส ความวุ่นวายต่างๆ จึงก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และมันก็เป็นความวายป่วงที่ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ต่างๆ ไปทั้งหมด ในจุดนี้เองที่จะทำให้ทุกคนสนุกไปกับมัน

Kill Bill: Volume 1 (2003)

ภาพยนตร์แอ็กชันเลือดสาด ผลงานลำดับที่ 4 ของเควนติน แทแรนติโน เป็นผลงานหลังจากที่ห่างหายไปนานถึง 6 ปี แล้วกลับมาด้วยความเข้มข้นแบบสุดเดือด ภาพยนตร์เรื่องนี้เควนตินได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์จีนกำลังภายใน ยากูซ่า ซามูไร และคาวบอยตะวันตก

เรื่องราวเปิดมาด้วยหญิงสาวในชุดแต่งงานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอโดนลอบสังหารโดยผู้ชายกลุ่มหนึ่งอย่างไม่คณนามือ และหนึ่งในนั้นก็คือ บิลล์ อดีตคนรักที่เป็นพ่อของเด็กในท้องของเธอในขณะนั้น

หลังจากนั้น อีก 4 ปีต่อมา เจ้าสาวที่นอนติดเตียงมายาวนานก็ลืมตาตื่น เธอฟื้นมาด้วยความคับแค้นที่เต็มหัวใจ และพร้อมแล้วกับการเอาคืนในสิ่งที่คนพวกนั้นได้ทำกับเธอไว้ เธอตามเก็บเป้าหมายไปทีละคนๆ บัญชีความแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ ไม่เว้นใครหน้าไหนทั้งนั้น

ภาพยนตร์ถูกแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอนๆ ทำให้เข้าใจง่าย และเดินเรื่องด้วยความกระชับ ฉากแอ็กชันกระหน่ำมาแบบไม่ยั้งมือ มีการเล่าเรื่องด้วยภาพขาว-ดำและแอนิเมชันในบางจุด ซึ่งช่วยให้มีอรรถรสในการดูมากยิ่งขึ้น

Inglourious Basterds (2009)

ภาพยนตร์สงครามแบบแหกคอกฉบับเควนติน แต่ยังคงไว้ด้วยความโหดเหี้ยมเหมือนเดิม เควนตินเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน และเปลี่ยนจุดจบของฮิตเลอร์ในความทรงจำผู้ชมได้ตลอดกาล

ภาพยนตร์ก็ทำรายได้ไปมากกว่า 321 ล้านเหรียญ รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลต่างๆ มากมาย

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุการณ์ครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์โลกที่ไม่ว่าใครก็ทราบว่าสร้างความเสียหายไปมากมายขนาดไหน ในช่วงแรกของภาพยนตร์เล่าเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่งที่บ้านของเธอถูกตรวจค้น เพราะทหารนาซีเชื่อว่าเป็นสถานที่หลบภัยของชาวยิว ครอบครัวของเธอจึงถูกฆ่ายกครัว แต่โชคดีที่เธอหนีออกมาได้

จากนั้นในอีกสามปีต่อมา ทหารชาวยิวจำนวนหนึ่งได้ก่อตั้งกลุ่มของตนขึ้นมา และออกจัดการกับพวกนาซีด้วยวิธีการอันรุนแรง และบัญชีแค้นต่อไปก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวกทหารนาซีชั้นสูงและอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ส่วนแผนการของพวกเขาก็คือ การเผาโรงภาพยนตร์ที่พวกผู้นำนาซีจะมารวมตัวกัน

Django Unchained (2012)

Django Unchained ถือเป็นภาพยนตร์ของเควนตินที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล โดยทำรายได้ไปถึง 425 ล้านเหรียญ ได้เข้าชิงรางวัลหลายสถาบัน และคว้ารางวัลออสการ์ไปได้ 2 สาขาด้วยกัน ได้แก่ นักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยมและรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

เหตุการณ์ในภาพยนตร์เกิดขึ้นในอเมริกาช่วงปี 1858 ยุคที่การค้าทาสยังคงรุ่งเรือง สังคมมีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน และสงครามกลางเมืองแบบคาวบอยๆ ยังไม่หมดไป ทาสผิวสีคนหนึ่งที่มีนามว่าจังโก้ ได้รับการช่วยเหลือจาก ดร.คิง ชูลซ์ แม้ว่าเขาจะเรียกตัวเองว่าหมอฟัน แต่ความจริงแล้วเขาคือนักล่าค่าหัว

ทั้งสองเริ่มรู้จักและทำงานร่วมกันจากจุดนั้น กลายเป็นคู่หูที่หาเงินได้จากฝีมือของตัวเอง แต่เรื่องราวของจังโก้ไม่ได้จบลงแค่การได้รับอิสรภาพเท่านั้น เมื่อเขาขอให้ ดร.คิง ช่วยตามหาและช่วยเหลือภรรยาของเขากลับคืนมา การล้างบางนายทุนที่ทำร้ายเขาจึงเริ่มต้นขึ้น

ภาพยนตร์ของเควนตินยังคงเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ บทสนทนาอันคมคาย และความตลกร้ายอย่างร้ายกาจ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าไปครองใจหลายๆ คนที่ได้ชม

The Hateful Eight (2015)

ภาพยนตร์ลำดับที่ 8 ของเควนตินที่เต็มไปด้วยดารามีฝีมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แซมมวล แอล แจ็กสัน, เคิร์ต รัสเซลล์, บรูซ เดิร์น, วอลตัน ก็อกกินส์, เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ และอีกหลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา แถมภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถายทำด้วยฟิล์ม 70 มม. ซึ่งถือเป็นเรื่องแรกในรอบหลายสิบปีที่มีการนำฟิล์มนี้กลับมาใช้

เรื่องราวเริ่มต้นท่ามกลางหิมะอันขาวโพลน จอห์น รูธ นักล่าค่าหัวกำลังอยู่ในระหว่างทางที่จะพาเดซี่ นักโทษหญิงของเขาไปยังเมืองเรดร็อก แต่ทว่าเขาก็ดันพบกับผู้พัน มาร์คิส นักล่าค่าหัวผิวสี และแมนนิกซ์ นายอำเภอหนุ่มไฟแรงคนใหม่ จอห์นจึงต้องให้พวกเขาโดยสารรถม้าไปด้วยอย่างเสียไม่ได้

ทั้งสี่คนเดินทางมาจนถึงที่พักระหว่างทาง และดูทีท่าว่าคงต้องค้างคืนกันที่นี่ เพราะสภาพอากาศไม่อำนวย ซึ่ง ณ ที่พักแห่งนี้ พวกเขาก็ต้องพบกับคนแปลกหน้าอีกสี่คน เมื่อคนแปดคนต้องอยู่ในกระท่อมหนึ่งหลังด้วยกันท่ามกลางพายุหิมะ และไม่ว่าใครหน้าไหนก็ดูจะไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น ทุกคนคล้ายมีเจตนาแอบแฝง และนั่นก็นำมาสู่ความวินาศสันตะโรตลอดเวลา 3 ชั่วโมงของภาพยนตร์

ลีลาของเควนตินก็ยังคงแพรวพราว และในฉากเซอร์ไพรส์ก็ยังทำเอาตื่นเต้นตามอยู่เสมอ เรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยปริศนาที่ทำให้เราไขว้เขวและคล้อยตาม ถึงแม้จะยาวนาน แต่ก็ชวนน่าติดตามอยู่ตลอด

Tags: , , ,