บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต เปิดตัว Predator Arena สังเวียนแข่งอีสปอร์ตที่ครบวงจรที่สุดในภาคอีสาน โดยใช้งบลงทุนหลายสิบล้านบาท รองรับการแข่งขันทุกระดับ พร้อมกับใช้เป็นสถานที่บ่มเพาะนักกีฬาอีสปอร์ตของทีมให้ก้าวสู่ระดับโลก จับมือพาร์ทเนอร์อย่างบริษัทเอเซอร์ คอมพิวเตอร์ ส่งเครื่อง Predator Gaming Set ประกอบด้วยเกมมิงเดสก์ท็อปสเปคเทพ พร้อมอุปกรณ์การแข่งขันกว่า 100 ชุด มูลค่านับสิบล้านบาท มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนานักกีฬาอีสปอร์ต

เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า Predator Arena จะเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาอีสปอร์ตของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นอกจากจะใช้เป็นสถานที่ในการฝึกซ้อมและบ่มเพาะนักกีฬาอีสปอร์ตของทีมแล้ว ยังเป็นคอมมูนิตี้ของอีสปอร์ตที่สามารถใช้เป็นสนามจัดการแข่งขันได้ในทุกระดับตั้งแต่ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับภูมิภาค 

“เราทำอะไรต้องเป็นที่หนึ่งและได้มาตรฐานระดับโลก หลังจากเปิดตัวทีมอีสปอร์ตของเราไปประมาณหนึ่งปี เราต้องการเป็นแชมป์ในทุกรายการในประเทศไทย และไม่ใช่แค่นั้นต้องไปไกลในเวทีโลกด้วย แต่การจะพัฒนานักกีฬาอีสปอร์ตให้เก่งขึ้นได้ จำเป็นต้องมีสถานที่ที่ดี มีอุปกรณ์ที่ดีเพื่อช่วยพัฒนานักกีฬาให้ไปสู่ในระดับโลกได้”

เนวินกล่าวอีกว่าสำหรับสังเวียน Predator Arena มีความครบครันมากที่สุดในภาคอีสาน โดยมีห้องแข่งขัน ห้องฝึกซ้อม ห้องประชุมทีม ห้องพากย์การแข่งขัน และที่ขาดไม่ได้คืออุปกรณ์การแข่งขัน ซึ่งเป็นเครื่อง Predator Gaming Set ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดและจอมอนิเตอร์สำหรับการเล่นเกมที่มีความละเอียด 4K HDR 144hz กว่า 100 ชุด นับเป็นสนามอีสปอร์ตแห่งแรกในประเทศไทยที่มีเครื่องสเปคแรงที่สุด”

“เราลงทุนไปกว่า 30 ล้านบาทในการสร้าง Predator Arena ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นสถานที่แข่งขันเท่านั้น เราจะทำอะคาเดมีสำหรับนักกีฬาอีสปอร์ตเพื่อพัฒนาเด็กไทยให้เก่งขึ้น ไม่มีทางที่เด็กจะฝึกซ้อมที่บ้านแล้วเก่งขึ้น เพราะการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตต้องมีวินัย ขยันฝึกซ้อม เราคิดว่าในเมืองไทยยังไม่ทีมอีสปอร์ตไหนที่มีสนามแข่งเป็นของตัวเองแบบเรา”

เนวินยอมรับว่านอกจากการลงทุนสร้างสนามแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายในการสร้างนักกีฬาอีสปอร์ตอีกหลายสิบล้านบาทต่อปีตามมา โดยในอนาคตจะเพิ่มอีเวนต์ด้านอีสปอร์ตให้มากขึ้น และถ้านักกีฬาประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในระดับโลก ตามที่เขาตั้งเป้าไว้ที่ 5 ปี เมื่อนั้นรายได้จากสปอนเซอร์และการขายของที่ระลึกจะตามมา

ด้านนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สาเหตุที่ร่วมมือกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต เพราะมองเห็นความเป็นมืออาชีพทั้งในการบริหารจัดการทีมและตัวนักกีฬา ซึ่งน่าจะเป็นโมเดลที่ดีที่จะทำให้อีสปอร์ตในประเทศก้าวสู่การเป็นอาชีพจริงจังได้

“เราตั้งใจอยากสนับสนุนและผลักดันอุตสาหกรรมอีสปอร์ตไทย ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้บุรีรัมย์ เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนสปอร์ตซิตี้ ที่เทคโนโลยีจะช่วยให้เมืองโตเร็วมากยิ่งขึ้น และผู้คนก็จะคุ้นเคยกับการที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของเกมกีฬา และบุรีรัมย์จะเป็นอีสปอร์ตซิตี้แห่งแรกในประเทศไทย”

ผู้บริหารเอเซอร์เปิดเผยอีกว่าเครื่อง Predator Gaming Set ทีจำนวนทั้งหมด 100 ชุด เฉลี่ยราคา หนึ่งแสนบาทต่อเครื่อง

สำหรับอุตสาหกรรมอีสปอร์ตในประเทศไทย ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่าตลาดอีสปอร์ตของประเทศไทยมีผู้เล่นเกมอยู่ถึง 18.3 ล้านคน มีมูลค่าใช้จ่ายในตลาดเกม 19,281 ล้านบาทในปี 2561 เพิ่มขึ้น 18.1% จากปี 2560 มีผู้ชมการแข่งขันกว่า 2.6 ล้านราย และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นถึง 30% ในช่วง 2560-2564 

“สิ่งที่ภาครัฐควรทำกับวงการอีสปอร์ตคือการเป็นผู้กำกับ (regulator) ที่ดี มีมาตรฐานในการจัดการแข่งขันให้เป็นตามอย่างสากล ไม่ใช่ตามกระแส” เนวินให้ความเห็น

ขณะที่นิธิพัทธ์ก็ให้มุมมองเกี่ยวกับอีโคซิสเต็มของอีสปอร์ตไทยว่า ความเป็นมืออาชีพยังเป็นสิ่งที่นักกีฬาอีสปอร์ตไทยยังขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากให้หลายๆ ทีมบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ มีระบบให้เงินเดือนนักกีฬา มีระบบการจัดการแข่งขันที่ดี คาดว่าใน 3-5 ปีข้างหน้า สิ่งเหล่านี้น่าจะถูกยกระดับมากขึ้น

Tags: ,