1

วันที่ 26 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา โน แท-อู อดีตนายพล อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อดีตผู้ต้องหาที่มีส่วนร่วมล้อมปราบประชาชนเสียชีวิตลง ต่อมาวันที่ 23 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ชุน ดู ฮวาน อดีตนายพล อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อดีตผู้ต้องหาที่มีส่วนร่วมล้อมปราบประชาชนก็เสียชีวิตลงตามมา

ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิท ต่างเกื้อหนุนกัน มีบทบาทในการเมืองเกาหลีใต้ เป็น 2 นายพลที่ปกครองประเทศ และสุดท้ายจากผู้นำที่คนเคารพยำเกรง ก็กลายเป็นผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุก ทั้งจากการสั่งฆ่าประชาชนและการรับสินบน

จากเพื่อนที่สนับสนุนกัน ไว้วางใจกัน ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ทั้งสองไม่ได้พบหน้าพูดคุยกันดังอดีต ความตายของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน ปิดฉากตำนานเพื่อนรัก สู่ความห่างเหิน กับตำนานเผด็จการทหารที่กดขี่ย่ำยีคนเกาหลีใต้

ฝ่ายหนึ่งปกครองประเทศด้วยกำปั้นเหล็ก เร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังหารประชาชน ผู้ต่อต้าน ฝ่ายหนึ่งคือเพื่อนสนิทที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีและมีส่วนพาเกาหลีใต้เปลี่ยนผ่านจากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย

นี่คือเรื่องราวของทั้งสอง

2

โน แท-อู กับ ชุน ดู ฮวาน มาจากครอบครัวยากจน ตัวโนนั้นกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เคยร่วมรบในสงครามเกาหลีและสามารถเข้าไปเรียนโรงเรียนนายร้อย ที่นั่นเขาได้พบกับเพื่อนสนิทที่มีพื้นฐานจากครอบครัวยากจนเช่นกัน 

ตัวชุนเองนั้นก็มีชีวิตวัยเด็กแสนลำบาก พ่อเขาหนีหายหลังจากไปผลักคนตกจากหน้าผา และถูกไล่ล่าจากเจ้าอาณานิคมญี่ปุ่น ชุนไม่สามารถเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ เพราะไม่มีเงิน อย่างไรก็ดี แม่คาดหวังในตัวลูกคนนี้มาก เคยมีหมอดูทำนายว่าฟันหน้า 3 ซี่ที่ยื่นออกมาของเธอจะขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของลูกชาย

สิ่งที่หญิงสาวรีบทำ คือวิ่งเข้าไปในครัวแล้วเอาคีมดึงฟันที่ยื่นออกมาหมดเลย

ชุนเบนเข็มเข้าโรงเรียนนายร้อยแทน

ชะตาลิขิตให้ทั้งสองพบเจอเป็นเพื่อนและสัญญาใจที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปตลอดเส้นทางรัฐการในวิชาชีพทหาร

รุ่นที่ชุนและโรงเรียนนั้นได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา และเป็นนายร้อยรุ่นแรกที่เรียนหลักสูตร 4 ปี พวกเขาจึงมีความภูมิใจและคาดหวังว่าจะได้ก้าวเป็นผู้พิทักษ์ชาติปกปักรักษาอธิปไตยของแผ่นดิน ต่อกรกับเกาหลีเหนือ ศัตรูคู่อาฆาต

ตัวชุนนั้นมีความโดดเด่นตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อย เขาเรียนต่อยมวย และเป็นกัปตันทีมฟุตบอล เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู มีเรื่องเล่าว่า สมัยเขาเป็นประธานาธิบดี เวลาชุนไปดูแข่งฟุตบอล บางทีก็เรียกโค้ชทีมชาติมาสอนแท็กติกการเล่นระหว่างการแข่งขันด้วย

เมื่อเรียนจบ ชุนได้รับการฝึกจากสหรัฐอเมริกาในเรื่องสงครามกองโจรและสงครามจิตวิทยา นายร้อยชุนและโนยังคงติดต่อกันมา และได้โอกาสแสวงหาความก้าวหน้าทางอาชีพในสงครามเวียดนาม

ชุนและโนก่อตั้งสมาคมลับที่ชื่อว่า ‘ฮานาโฮ’ แปลว่าหนึ่งเดียวรวมใจ และรวมใจเป็นหนึ่ง

ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีนายพล พัค จองฮี นายทหารทั้งสองดำรงตำแหน่งที่สำคัญมาก ชุนเป็นผู้บัญชาการข่าวกรองของกองทัพ ส่วนโนเป็นผู้บัญชาการทหารดูแลชายแดนเกาหลีเหนือ

ก่อนที่ในปี 1979 เส้นทางประวัติศาสตร์ของทั้งคู่จะเปลี่ยนไปตลอดกาล

3

การลอบสังหารประธานาธิบดี พัค จองฮี ในปี 1979 เปิดโอกาสให้ชุนและโนก้าวหน้าทางเส้นทางอาชีพอีกครั้ง ชุนได้รับคำสั่งให้สอบสวนเหตุการณ์ลอบสังหารนี้ แต่ในเวลาต่อมา เขาก่อรัฐประหารยึดอำนาจเสียเอง และจับกุมผู้บังคับบัญชาของตัวเอง โดยได้รับการสนับสนุนจากโนและเพื่อนในรุ่น ที่ขนกำลังทหารจากชายแดนติดกับเกาหลีเหนือมาช่วยหนุน

มันคือการรัฐประหารที่ฉับไว เรียบง่าย ไม่นองเลือด แต่เปิดเส้นทางอร่ามตาให้กับชุน พร้อมเพื่อนนายร้อยรุ่นเดียวกันในทันที

เอกสารทางการทูตสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ชุนได้คุยกับเอกอัครราชทูตอเมริกา ยืนยันว่าตัวเขาไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่ที่ต้องก่อรัฐประหารก็เพื่อความเป็นปึกแผ่นในกองทัพเอง และระวังภัยจากเกาหลีเหนือ

ดังนั้นจึงขอให้สหรัฐอเมริกาสนับสนุนเขาด้วย ทีแรกตัวชุนเองก็ไม่มั่นใจว่ากองทัพจะหนุนหลังเขาหรือไม่ เขาจึงต้องพึ่งเพื่อนรักอย่างโนในการสนับสนุน ชุนแต่งตั้งรัฐบาลพลเรือน และพยายามคุมอำนาจอยู่เบื้องหลังตามคำแนะนำของอเมริกา

แต่สุดท้ายอำนาจก็หอมหวน ชุนก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีเสียเอง แต่เพราะไม่มีความทะเยอทะยาน จึงอยู่ในอำนาจแค่ 8 ปีเท่านั้น

คนเกาหลีแสดงความไม่พอใจในการปกครองประเทศของชุนอย่างมาก เขาประกาศกฎอัยการศึก จับกุมผู้เห็นต่าง หลายครั้งก็จับโดยไม่มีหมายจับ ยุบสภา ปิดมหาวิทยาลัย ใช้กำปั้นเหล็กในการคุมอำนาจ มีคนถูกจับไปเข้าค่ายทหาร โดยอ้างว่าจะไปปรับทัศนคติใหม่ แต่มีคนเห็นต่างหลายร้อยคนที่ตายจากการปรับทัศนคติใหม่นี้ หนังสือพิมพ์ถูกสั่งปิด รัฐบาลจะมอบข่าวแจกให้สื่อไปเขียน ทีวีนำเสนอภาพกิจวัตรประจำวันของประธานาธิบดีชุน นักแสดงตลกถูกสั่งห้ามแสดงหรือล้อเลียนผู้นำประเทศ

นี่คือยุคมืดอันแสนโหดร้ายของเกาหลีใต้

อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์เหี้ยมโหด เศรษฐกิจเกาหลีใต้ก็ทะยานเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ

ชุนยืนยันว่าหากไม่ทำแบบนี้ พวกคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือก็จะแทรกซึมประเทศได้ กองทัพต้องเป็นปึกแผ่น กุมอำนาจปกครองประเทศ

โน แท-อู ก้าวเข้ามาเป็นเบอร์สองครองอำนาจระวังหลังให้กับเพื่อนชุน ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นการชิมลางทางการเมือง และสนับสนุนเพื่อนรัก

“มันคือการก่อกบฏอันแสนสกปรก ไม่มีอะไรมากไปกว่ารับใช้ความละโมบในอำนาจของชุน ดู ฮวาน” อดีตนายพลผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งเปิดเผย ตัวเขาถูกจับ ถูกทรมาน ถูกจับกดน้ำ ซึ่งเป็นการทรมานที่อเมริกาสอนสั่งให้กับชุน เพื่อรีดคำรับสารภาพว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี พัค จองฮี 

การกดปราบเกิดขึ้นทั่วแผ่นดินเกาหลีใต้ แต่ที่เมืองกวางจู ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ ประชาชนรวมตัวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารอย่างเข้มข้นสุด

“โค่นชุน ดู ฮวาน” เสียงของผู้ประท้วงเปล่งออกมา

รัฐบาลไม่ทนต่อผู้เห็นต่าง ทหารพร้อมอาวุธครบมือถูกส่งไปปราบปราม การเข่นฆ่าเกิดขึ้นอย่างเหี้ยมโหด ความเลวร้ายถึงขนาดมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ไล่ยิงคนลงมา แม้ประชาชนจะลุกขึ้นสู้ แต่กระสุนปืนจากภาษีประชาชนจำนวนมากก็กระหน่ำใส่ประชาชนเจ้าของภาษี มีคนถูกยิงตาย 191 ศพ ซึ่งเป็นตัวเลขของทางการ นั่นหมายความว่าตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านี้ โดยมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตเพียง 26 นายเท่านั้น

รัฐบาลจับกุมผู้ต่อต้าน โดยยัดข้อหาว่าได้รับการสนับสนุนการลุกฮือจากเกาหลีเหนือ

แต่ประชาชนก็เหมือนเมล็ดพืช การต่อสู้กับเผด็จการ แม้จะถูกเด็ดถูกทำลายทิ้ง ก็หยุดยั้งการเจริญเติบโตไม่ได้ ในที่สุดกระแสชนก็ออกมาชุมนุมประท้วงอีกครั้ง ความนิยมที่ตกต่ำของชุน ทำให้เขาส่งต่อตำแหน่งประธานาธิบดีให้กับเพื่อนรัก โน แท-อู

นั่นคือจุดเริ่มต้นของจุดจบแห่งเผด็จการทหาร และความสัมพันธ์ของเพื่อนรักทั้งสอง

4

โน แท-อู แตกต่างกับ ชุน ดู ฮวาน เขาไม่มีภาพลักษณ์บารมีเท่า ดูเป็นคนทื่อๆ ที่ชอบยิ้มต่อหน้าสาธารณชน แตกต่างจากนายพล พัค จองฮี และเพื่อนซี้อย่างชุน ทั้งสองไม่เคยยิ้มให้สังคมเห็น แต่โนแตกต่าง เขามีภาพคนธรรมดา และมีแนวคิดลึกๆ ที่เคยแสดงออกหลายครั้งว่า ทหารไม่ควรยุ่งกับการเมือง

ผลงานที่สำคัญของเขาคือ การพาเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกปี 1988 ได้ ว่ากันว่าเขาซื้อใจกรรมการโดยการส่งนางงามเกาหลีแสนสวยไปให้กรรมการพิจารณาเจ้าภาพถึงห้องพัก

การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งนี้ถือเป็นเรื่องสุดยิ่งใหญ่ ทั้งการเอาชนะญี่ปุ่นได้สำเร็จ นับเป็นความสำเร็จที่สร้างความฮึกเหิม ที่เอาชนะชาติอาณานิคมจอมกดขี่และคู่แค้นในช่วงจัดการแข่งขัน มีคนหนุ่มสาวตะโกนประท้วงเพื่อสื่อให้โลกเห็นความโหดร้ายของประเทศเกาหลี

“เผด็จการจงพินาศ”

เสียงของคนในชาติเปล่งออกมาในกีฬาโอลิมปิกครั้งนั้น

โนกับชุนตกลงกันว่าถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปประเทศ เปลี่ยนผ่านจากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย ที่ผ่านมาชุนชนะเลือกตั้งโดยการเขียนกติกาให้มีการเลือกตั้งทางอ้อม โดยมีคณะผู้แทนไปเลือกประธานาธิบดีอีกที ซึ่งต่อให้ประชาชนกากบาทแทบตาย คณะผู้แทนก็ไม่เลือกคนอื่นนอกจากชุน เพราะชุนแต่งตั้งพวกตัวเองมาเป็นคณะผู้แทนทั้งหมด

โนเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน นั่นก็เพราะผู้สมัครที่ต่อต้านทหารดันมี 2 คน และแตกหักกันเอง คะแนนจึงไหลไปหาโนอย่างสบาย ๆ

วิสัยทัศน์ของ โน แท-อู นั้นไม่ธรรมดา เขาประกาศนโยบายการทูตมุ่งทิศเหนือ เปิดความสัมพันธ์การทูตกับจีน สหภาพโซเวียต และประเทศคอมมิวนิสต์ทั้งหลายแหล่ มีการเจรจาสันติภาพกับเกาหลีเหนือ ที่สำคัญบรรยากาศทางการเมืองในเกาหลีใต้ผ่อนคลายลงมาก โน อนุญาตให้มีคนเห็นต่าง เขาไม่ซีเรียสถ้าจะมีตลกมาแซวผู้นำประเทศ บรรยากาศดูเสรีนิยมมากขึ้น ตำรวจปราบจลาจลที่จะตั้งป้อมอยู่ในกรุงโซล เมืองหลวง ก็หายไป

ในช่วงเวลานี้ คนเกลียดชังชุนอย่างมาก จนเจ้าตัวต้องบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี แต่เวลานั้น ประธานาธิบดีโนไม่ช่วยเพื่อนคนนี้อีกต่อไป ตัวชุนเองต้องหนีไปอยู่วัดพุทธหลายปี และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองจางหายลงไป

ในสังคมเกาหลีขณะนั้น ชื่อเสียงของชุนเท่ากับเผด็จการที่โหดร้าย และนักการเมืองที่รู้งาน จะต้องเข้าใจความรู้สึกของสังคม โนตัดขาดความสัมพันธ์กับเพื่อน เขาเปลี่ยนผ่านเกาหลีให้เข้าสู่ประชาธิปไตย

จากมือวางอันดับ 2 ของประเทศ โนแสดงวิสัยทัศน์ที่จะพาทหารออกจากการเมือง เสียงของเขาดังและได้รับการฟังมากขึ้นเรื่อยๆ

มีคนบอกว่า โน แท-อู เหมือนน้ำ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไหลปรับเปลี่ยนได้ทุกสถานการณ์ เป็นคนที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เขาเลือกอยู่ข้างสถานการณ์ หากมันนำพาไปทางใด เขาก็จะเดินไปทางนั้น

เผอิญทางนั้นคือทางที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการเสียด้วย

สุดท้ายเกาหลีใต้ก็ยุติระบอบทหาร โน แท-อู เป็นนายพลคนสุดท้ายจากตำนาน 3 นายพลที่ปกครองประเทศ เขาส่งต่อตำแหน่งประธานาธิบดีให้กับรัฐบาลพลเรือน ผู้นำสามัญชนได้สำเร็จ

ปิดฉากระบอบเผด็จการเกาหลี แต่ก็เหมือนดาบสองคมที่ให้ความสว่างแก่สังคม อีกด้านมันก็ยื่นภัยให้กับตัวเอง

 

5

รัฐบาลพลเรือนตัดสินใจดำเนินคดีกับนายพล ชุน ดู ฮวาน ทันที ในข้อหาเป็นกบฏ มีส่วนร่วมในการเข่นฆ่าประชาชน คอร์รัปชัน ตัวโนเองก็ไม่พ้น แม้จะมีส่วนพาประเทศเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย แต่เขาก็มีส่วนร่วมในการรัฐประหาร มีส่วนในการฆ่าคนที่กวางจู ในช่วงยุคแห่งการปราบปรามผู้เห็นต่าง โนเป็นผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัย มีเครือข่ายข่าวกรองที่จับกุมคนเห็นต่างไปทรมานจำนวนมาก ว่ากันว่ามีคนโดนอุ้มไปนับหมื่นคน

โชคดีที่โนไม่โดนข้อหากบฏเท่านั้นเอง ยุคฟ้าสีทองผ่องอำไพของเกาหลีมาถึง ชุนถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ส่วนโนต้องโทษจำคุก 17 ปี ถูกสั่งให้ต้องชดใช้เงินที่ยักยอกไปด้วย แต่ทั้งสองติดคุกเพียง 2 ปีก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา ด้วยเหตุผลว่าชาติต้องการความสมานฉันท์

ชุนและโนไม่เคยคุยกันอีกเลย แม้จะอาศัยอยู่ใกล้กัน ความเป็นเพื่อนจางหาย โน แท-อูใช้ชีวิตเงียบๆ หลังออกจากคุก ความทรงจำของเขาในสังคมเกาหลีจางหายไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ชุนยังมีลูกน้อง คนใกล้ตัวมาเยี่ยม แต่โนกลับแตกต่าง

“คนเกาหลีต่อสู้กับเผด็จการ แต่พวกเขาก็ยังชอบผู้นำที่เข้มแข็ง”

นั่นทำให้ โน แท-อู หายไปจากบันทึกร่วมสมัย จวบจนถูกพาตัวเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตจากสารพัดโรค

แตกต่างจากโร ชุนยังมีคดีที่ต้องขึ้นศาลอย่างต่อเนื่อง คดีคอร์รัปชันยาวเป็นหางว่าว หากเขาไม่ตายก็จะยังมีคดีมาอีกเรื่อยๆ ก่อนที่อดีตประธานาธิบดีเผด็จการจะลื่นล้มขณะไปเข้าห้องน้ำ และนั่นคือความตายของเขา

งานศพชุน ดู ฮวานไม่ได้รับการจัดแบบรัฐพิธีเหมือนโน เพราะเขาถูกตั้งข้อหากบฏและถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต คนยังจดจำความโหดเหี้ยมของชุนได้เสมอ ขณะที่โน แม้จะมือเปื้อนเลือด แต่เขาก็เปลี่ยนผ่านเกาหลีให้เข้าสู่ประชาธิปไตย

ชุนมีความฝันอยากให้ศพเขาถูกฝังบนเนินที่เห็นดินแดนของเกาหลีเหนือ

ส่วนโนนั้น เขาเป็นประธานาธิบดีที่มาอย่างถูกกฎหมาย เขาเคยไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตที่กวางจู นั่นทำให้เกาหลีใต้จัดพิธีศพแบบรัฐพิธีให้

สำหรับชุน เขาไม่เคยขอโทษต่อเหตุการณ์ล้อมปราบที่กวางจู โดยบอกว่ามันเป็นการแก้แค้นของคนที่เป็นศัตรูกับเขา

“ผมไม่มีอะไรต้องทำกับเหตุการณ์กวางจู ในฐานะทหาร ผมเห็นว่าประเทศกำลังเจอสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ผมเลยต้องมาเป็นประธานาธิบดี เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ใช่ว่าผมอยากเป็นหรอก”

ขณะที่ โน แท-อู ย้ำเตือนว่า ขอให้คนรุ่นหลังได้รวมชาติเกาหลีสำเร็จ นั่นเป็นสิ่งที่เขาปรารถนา แต่ไม่สามารถทำได้ในชั่วชีวิตนี้ โนบอกกับสื่อหลังลงจากอำนาจแล้วว่า

“เชื่อเถอะ ผมมันก็แค่คนธรรมดาเหมือนพวกท่านทุกคนนั่นแหละ”

นี่คือเรื่องราวของนายพล 2 คนที่ปกครองประเทศ จากคำสัญญาที่จะช่วยเหลือกัน สู่ความเหินห่างและเส้นทางแห่งอำนาจ ที่สร้างบาดแผลให้กับประเทศและประชาชนที่พวกเขาสาบานว่าจะปกปักรักษา

สื่อมวลชนเกาหลีใต้เขียนข้อความว่า “ความตายของทั้งสองได้นำไปสู่คำถามสำคัญว่า ทุกวันนี้ระบอบประชาธิปไตยของเราหยั่งรากลึก ประสบความสำเร็จในประเทศแล้วหรือยัง เพราะมีเพียงหนทางนี้เท่านั้น ที่จะชะล้างเศษซากแห่งประวัติศาสตร์อันเลวร้ายนี้ลงได้”

 

อ้างอิง

https://www.nytimes.com/2021/10/26/world/asia/roh-tae-woo-dies.html

https://www.nytimes.com/1988/03/27/magazine/the-quarrelsome-koreans.html

https://www.nytimes.com/1987/06/04/world/man-in-the-news-south-korean-with-future-roh-tae-woo.html

https://www.aljazeera.com/news/2021/10/26/ex-south-korean-president-roh-tae-woo-dies-at-88

https://www.dw.com/en/former-south-korean-president-roh-tae-woo-dies/a-59623847

http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20211123000170

https://www.koreatimes.co.kr/www/nation/2021/11/356_319318.html

https://www.nytimes.com/2021/11/23/world/asia/chun-doo-hwan-dead.html

http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20200515000731

South Korea’s former president Roh Tae-woo dies at 88 – Nikkei Asia   

Tags: , , , ,