จะดีแค่ไหน ถ้าไม่มีคนที่ต้องถูกด่าว่า “พวกไม่มีการศึกษา” ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยนัย เพราะทุกคนมีสิทธิได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน —นั่นคงเป็นภาพฝันอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยที่หลายคนอยากให้เกิดขึ้น และความหวังของเรานั้นก็คงอยู่ที่รัฐบาลชุดที่กำลังจะมาถึง …
เพราะการศึกษาคือรากฐานที่สำคัญที่สุด และเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างที่สุด หลายปีมานี้ เราพบเห็นปัญหาเกี่ยวกับการศึกษาไทยมากมาย ตั้งแต่ที่เห็นภาพชัดอย่างเรื่องการคัดเลือกนักเรียนเข้าโรงเรียน ‘ดีๆ’ ที่โยงไปถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คุณภาพครู คุณภาพการเรียนการสอน จนถึงคุณภาพของบุคลากรที่เป็นผลผลิตทางการศึกษา ประสิทธิภาพของกระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ จึงอยากชวนมาดูกันว่านโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมืองต่างๆ ที่อาสาเข้ามาบริหารประเทศจะพาเราไปใกล้ภาพฝันนั้นได้มากแค่ไหน
ทั้งหมดนี้สรุปจากเวทีปราศรัย การแถลงนโยบายของพรรคการเมือง รายการเสวนา ฯลฯ น่าสนใจว่ามีหลายนโยบายที่แต่ละพรรคเห็นตรงกัน เช่น การให้ความสำคัญกับเด็กแรกเกิดจนถึง 8 ขวบ, การสนับสนุนเป็นเงินก้อนให้กับแต่ละครอบครัว, การให้ความสำคัญกับการเรียนสายอาชีพ, คืนครูให้ห้องเรียน หรือการปรับโครงสร้างกองทุนกู้ยืมทางการศึกษา ฯลฯ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น มาว่ากันไปเป็นพรรคๆ
พรรคอนาคตใหม่
พรรคชี้ให้เห็นว่า “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นรากฐานของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ” (ที่ประเทศไทยมีอยู่สูงปรี๊ด) โดยอนาคตใหม่เสนอนโยบายปฏิวัติการศึกษา ที่มีหัวใจหลักคือ ‘เมกะโปรเจกต์ 1 แสนล้านบาท ใช้ในระยะเวลา 3 ปี’
โดยเงินก้อนใหญ่นี้ ทางพรรคแจกแจงว่าจะนำไปใช้ในการ
-
ศูนย์เลี้ยงเด็กคุณภาพ 20,000 โรงทั่วประเทศไทย เป็นสำคัญ
-
ยกระดับอุปกรณ์การเรียน ห้องสมุด และไว-ไฟ ในโรงเรียนทั้งหมด 17,000 แห่งทั่วประเทศ
-
ยกระดับอุปกรณ์ฝึกทักษะในสถาบันฝึกอาชีวะ 900 แห่ง ทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีก ได้แก่
-
เงินสนับสนุนเยาวชน/เงินเดือนเยาวชน มอบเงินค่ายังชีพให้คนที่อยู่ในระบบการศึกษา ดึงงบมาจากการจัดสรรภาษีใหม่ และการจัดสรรงบประมาณใหม่
-
มอบเงินสนับสนุนการศึกษาเดือนละ 1,200 บาทให้พ่อแม่
-
นักโภชนาการ 1 คน ต่อ 1 เขตการศึกษา เพราะอาหารคือพื้นฐานที่ดีที่สุด
-
ยุบโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการที่ไม่จำเป็น
-
ยุบโครงการที่ไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนทิ้ง
-
งบประมาณที่ยิงตรงมาที่โรงเรียน คณะกรรมการโรงเรียนจาก 8 กลุ่มที่อยู่ใกล้ชิดที่สุด นักเรียนเอง ครูอาจารย์ และคนในท้องถิ่น โดยข้อมูลในการบริหาร ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ
-
ปรับหลักสูตร ลดการท่องจำ เพิ่มทักษะชีวิตและอาชีพ วิชาหลักน้อยลง วิชาเลือกมากขึ้น
-
สนับสนุนการฝึกงานตั้งแต่ ม.ต้น และได้รับค่าตอบแทนในการฝึกงาน
-
ลดภาระทางธุรการและเอกสาร ให้ครูได้สอนอย่างเต็มที่
-
สร้างครูต้นแบบจากครูรุ่นใหม่ โรงเรียนละ 1 คน
-
สนับสนุนให้เกิดการตัดสินใจร่วมกันระหว่างสภานักเรียน โรงเรียน และผู้ปกครอง
-
ปรับข้อสอบให้สนับสนุนวิธีการคิด ไม่ใช่ท่องจำ
พรรคเพื่อไทย
“ครั้งนี้เพื่อไทยเอาจริงเรื่องการศึกษา และให้ความสำคัญกับมันมาก โจทย์เราเข้าใจชัด และเราจะจ่ายยาตามโรคที่มี” —นพดล ปัทมะ คณะทำงานนโยบายการศึกษา พรรคเพื่อไทย
เพื่อไทยชูนโยบายสายคล้องจองอย่าง “เรียนก่อน ผ่อนทีหลัง” เป็นตัวเด่น นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยมุ่งแก้ปัญหาหลัก 3 ข้อ นั่นคือ 1) ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 2) พัฒนาคุณภาพการศึกษาในทุกช่วงชั้นเรียน 3) พัฒนาการบริหารจัดการด้านการศึกษา ให้ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการจัดการมากขึ้น มีรายละเอียดคือ
-
เรียนฟรี 15 ปี ต้องฟรีจริงๆ รัฐต้องจัดสรรงบประมาณให้ได้ เติมเม็ดเงินในกองทุนความเสมอภาคทางการศึกษา
-
เปลี่ยน กยศ. เป็น “เรียนก่อน ผ่อนทีหลัง” ผ่อนเมื่อมีงานทำและมีรายได้ ปลดผู้ค้ำประกันออกไป ไม่เก็บดอกเบี้ย ชำระเรียบร้อยชำระประวัติ
-
ยกระดับ‘smart day care ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก 20,000 แห่งทั่วประเทศ’ ต้องมีมาตรฐานระดับชาติ
-
เพิ่มเม็ดเงินในการศึกษาปฐมวัย ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ
-
ICL กองทุนกู้ยืมด้านการศึกษาต้องยังคงอยู่
-
One Laptop per Child แล็ปท็อปหนึ่งเครื่องต่อเด็กหนึ่งคน
-
ดึงดูดให้คนเรียนอาชีวะมากขึ้น
-
ปรับบทบาทมหาวิทยาลัย บางคณะต้องยุบ เพราะเด็กเกิดน้อยลง
-
ปรับการจัดสรรงบประมาณโรงเรียน ไม่ใช่นับรายหัว โรงเรียนเด็กน้อยได้น้อย โรงเรียนเด็กเยอะได้เยอะ
-
คืนครูให้ห้องเรียน ครูต้องใช้เวลาเพื่อการสอนมากกว่าการจัดการ
-
ลดขนาดห้องเรียน ให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
คืนโรงเรียนให้ผู้ปกครอง ให้ครูและผู้ปกครองได้สื่อสารกันมากขึ้น เพื่อการพัฒนาแนวทางการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
-
โครงการหนึ่งอำเภอสองภาษา เด็กไทยจะต้องสื่อสารได้ทั้ง 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ และจีน) ผ่านครูเจ้าของภาษา และต่อยอดทักษะภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น
-
ปรับปรุงหลักสูตร ไม่ใช่นกแก้วนกขุนทอง ต้องเป็นนกอินทรี
พรรคประชาธิปัตย์
ทางฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ มากับ 7 เป้าหมาย มุ่งไปที่เด็กและเยาวชน ได้แก่ 1) ให้เด็กและเยาวชนมีสุขภาพแข็งแรง 2) ให้เด็กคิดวิเคราะห์ และนำความรู้ไปใช้ได้ 3) คนไทยต้องใช้สองภาษาได้เป็นอย่างต่ำ 4) ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ได้ 5) มีคุณธรรมและจิตสาธารณะ 6) เข้าใจสิทธิและหน้าที่ตัวเอง 7) มีทักษะชีวิต เช่นการจัดการเรื่องการเงิน
ส่วนวิธีการ มี 10 ข้อ ได้แก่
-
‘เกิดปั๊บ รับสิทธิเงินแสน’ โดยเงิน 1 แสน แบ่งเป็นแรกเกิด ให้ทันที 5,000 บาท หลังจากนั้นให้เงิน 1,000 บาทต่อเดือน จนกว่าจะอายุครบ 8 ปี (ย้ำว่านี่ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน)
-
ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วไทย ต้องการให้มีในทุกชุมชน
-
สนับสนุนอาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรี มีคุณภาพ ปลอดคอร์รัปชันในโรงเรียน
-
ปรับการเรียนการสอน ให้เด็กพูดได้สองภาษา นำชาวต่างชาติมาสอนตั้งแต่อนุบาล ตามที่สำเร็จมาแล้วในโครงการนำร่องที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งต้องขยายไปทั่วประเทศ
-
ยกเครื่องระบบการศึกษาให้มีคุณภาพในทุกช่วงชั้น ใครเก่งเรื่องไหน พุ่งไปสู่การต่อยอดได้ โดยไม่มีสายวิทย์-สายศิลป์มาขวางกั้น ให้สอบเฉพาะวิชาที่จำเป็นต่อการเรียนต่อ
-
สนับสนุนให้คนเรียนต่อในสายอาชีพ ให้มีอัตรา 50-50 ต่อคนเรียนสายสามัญ เพราะเราขาดบุคลากรด้านนี้ ให้ทุนเรียนฟรีถึงระดับ ปวส. และร่วมมือกับเอกชนในการฝึกอาชีพ หาพื้นที่รองรับหลังเรียนจบ
-
ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้คูปองกับผู้ใหญ่ ในการฝึกทักษะหรือเรียนรู้ในหลักสูตรต่างๆ
-
‘คืนครูให้นักเรียน’ จ้างบุคลากรด้านธุรการและเอกสาร ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ให้ครูได้ทำหน้าที่สอนจริงๆ
-
‘กองทุน Smart Education’ ตั้ง สสก. (นึกภาพ สสส.แต่ทำงานด้านการศึกษา) เปิดให้เอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุนการศึกษา
-
กระจายอำนาจออกจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้ชุมชนมีส่วนในการบริหาร ให้โรงเรียนทั่วประเทศได้ใช้งบประมาณจัดหาสิ่งที่ต้องการจริงๆ ให้สอดคล้องกับปริมาณนักเรียน
พรรคพลังประชารัฐ
พรรคกล่าวว่าอยากสนับสนุนการศึกษานอกโรงเรียน ที่จะนำไปสู่การใช้ชีวิตและการสร้างอนาคต โดยมีนโยบายที่เห็นภาพ เช่น
-
‘ธนาคารเพื่อการศึกษา’ สร้างระบบที่ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
-
ให้ชุมชนและผู้ปกครองมีส่วนในการดูแลระบบการศึกษาในโรงเรียน แทนกระทรวงศึกษาธิการ
-
ขยายโรงเรียนประชารัฐร่วมพัฒนา จาก 77 แห่ง เป็น 1,000 แห่งทั่วประเทศ
-
ให้เด็กเรียนเรื่อง coding และเทคโนโลยี AI ตั้งแต่ มัธยมปลาย
-
แจก ‘ซิมประชารัฐพัฒนาการเรียนรู้’ ให้ใช้อินเทอร์เน็ตราคาถูกกว่าปกติ
-
ปลดหนี้ครู – หนี้ กยศ.
-
ประกันรายได้หลังเรียนจบปริญญาตรี เริ่มต้นที่ 18,000 บาท
พรรคภูมิใจไทย
-
กระจายอำนาจในการจัดการงบประมาณ ไม่ได้มาจากส่วนกลางอย่างเดียว
-
ปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. (ซึ่งตอนนี้มีคนที่ค้างอยู่ในระบบ 4 ล้านคน)
-
สนับสนุนการศึกษาออนไลน์ ให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเองตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
-
สนับสนุนนวัตกรรมส่งเสริมการเรียนรู้
พรรคชาติไทยพัฒนา
-
ให้ลูกหลานเกษตรกรเรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการเกษตรอย่างต่อเนื่อง
-
การศึกษาขั้นพื้นฐานเรียนฟรีทั้งหมด
-
ชวนครูกลับมาสอนและพัฒนาบ้านเกิด
-
กระจายอำนาจและการจัดการงบประมาณไปสู่ชุมชน
-
ปรับหลักสูตรการศึกษา นำเทคโนโลยีมาช่วยในการเรียนการสอน มีตำราเรียนสำหรับกลุ่มบุคคลพิเศษ เช่นผู้พิการ ออทิสติก หรือเด็กอัจฉริยะ
-
นำกระทรวงศึกษาธิการออกจากระบบการเมือง หารัฐมนตรีคนกลางที่จะไม่ถูกโยกย้ายจากการแบ่งเค้กทางการเมือง
พรรคชาติพัฒนา
พรรคให้ความสำคัญกับความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา รวมถึงเด็กด้อยโอกาสและเด็กพิเศษที่แท้จริงแล้วมีศักยภาพ จนถึงการกีฬา และลดช่องว่างของครอบครัว
-
สนับสนุนการเรียนให้พัฒนา
-
สนับสนุนให้เด็กใช้ภาษาได้อย่างน้อย 3 ภาษา
-
ทุนครูเทคโนโลยี อำเภอละ 1 ล้านบาท
-
ส่งเสริมอุทยานการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการกีฬา
ที่มา:
https://www.youtube.com/watch?v=c4JFfFhcAcY กุลธิดา
https://www.youtube.com/watch?v=dOpu1-cM5Yo ร่วมพูดคุยกับ ‘นพดล ปัทมะ’ คณะทำงานนโยบายการศึกษา พรรคเพื่อไทย, ‘กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ’ รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ ‘พะโยม ชิณวงศ์’ คณะทำงานยุทธศาสตร์ พรรคภูมิใจไทย
https://www.youtube.com/watch?v=gvv7kEshXHM พรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1390460
https://campus.campus-star.com/variety/101217.html
https://news.thaipbs.or.th/content/278195
Tags: พรรค, policy menu, การศึกษา, นโยบาย, เลือกตั้ง62