Perfect Strangers Bangkok เมื่อบาริสต้าและบาร์เทนเดอร์มาบรรจบกัน

เมื่อไม่นานมานี้เราเคยได้พูดคุยกับบาร์เทนเดอร์คนหนึ่ง เขาเล่าให้เราฟังถึงความหมายของ ‘บาริสต้า’ ในภาษาอิตาเลียนว่ามีความหมายเป็นคำเดียวกันกับ ‘บาร์เทนเดอร์’ เราแทบมองไม่ออกเลยว่าบาริสต้าในอิตาลีต้องทำอะไรบ้าง จนกระทั่งได้มาเจอ Perfect Strangers Bangkok คาเฟ่กึ่งบาร์ที่ขับเคลื่อนหลังบาร์กาแฟโดยมีบาร์เทนเดอร์เป็นส่วนหนึ่ง ทำให้เราเริ่มเข้าใจความเหมือนและต่างของ ‘บาริสต้า’ และ ‘บาร์เทนเดอร์’

ร้านนี้นำเอาทักษะของบาร์เทนเดอร์มาสอดประสานกับทักษะของบาริสต้า ผ่านหุ้นส่วนร้านที่มีความรู้เรื่องกาแฟนำเสนอช็อตของกาแฟที่ดี ทำงานควบคู่กับทีมบาร์เทนเดอร์ที่นำเอาส่วนผสมอื่นๆ มาสร้างเครื่องดื่มซิกเนเจอร์จากน้ำกาแฟสีอำพัน ใช่แล้วปัจจุบันเราแยกบาริสต้าออกจากบาร์เทนเดอร์ ซึ่งต่างจากบาริสต้าในอิตาลี เนื่องจากไม่ได้ทำหน้าที่เพียงชงกาแฟ แต่บาริสต้าในอิตาลีจะต้องผสมเครื่องดื่มแอลกกอฮอล์ได้ด้วย เนื่องจากวัฒนธรรมการดื่มของคนอิตาลีมีทั้งเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหารและช่วยย่อยหลังมื้ออาหาร แต่สำหรับบ้านเราเชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการให้บาริสต้าและบาร์เทนเดอร์ทำงานของกันและกันได้

“อยากทำคาเฟ่ ชอบกินกาแฟและค็อกเทลด้วย เคยทำร้านอาหารอิตาเลียน ร้านเหล้า และร้านขนม แต่ไม่สุด ยังไม่เป็นตัวเองเต็มที่ ที่นี่เราได้ปล่อยความเป็นตัวเองได้สุด เราให้ทั้งกาแฟและบาร์เท่าๆ กัน ด้วยชื่อของ Perfect Strangers Bangkok เป็นคอนเซปต์ของการตั้งบาร์ที่ทำให้คนข้างในกับคนข้างนอกมีปฎิสัมพันธ์กัน ก็เลยสื่อถึงอดีตที่ทุกความสัมพันธ์เราเป็นคนแปลกหน้ากันก่อน เราและลูกค้าก็แปลกหน้ากัน เราชอบอะไรเหมือนกัน กินอะไรเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราได้มีโอกาสคุยกันผ่านเครื่องดื่ม เครื่องชงกาแฟเราเลือกตัวนี้เพราะอยากให้ได้สื่อสารกัน ในอนาคตเราจะเชิญ Strangers Guest ทั้งบาร์เทนเดอร์ บาริสต้า และเชฟ มาทำเมนูตามฤดูกาลให้เรา ที่คุยไว้เป็นแกงค์บาริสต้าเชียงใหม่ที่จะมาช่วยยืนบาร์ให้” คุณน้ำ-อมิชชาปตีร์ ปุณวรพิพัฒน์ หุ้นส่วนใหญ่เล่าให้ฟังถึงที่มาของร้าน

คุณน้ำบอกว่ากินอะไรแล้วอร่อยก็จะขายลูกค้าแบบนั้น ยกตัวอย่าง เมล็ดกาแฟ อยากสนับสนุนเมล็ดกาแฟไทยจึงพยายามใช้เมล็ดไทยเป็นส่วนหนึ่งในเบลนด์ จึงมีเมล็ดกาแฟเบลนด์จากเมล็ดไทย โคลัมเบีย และกัวเตมาลา อีกเบลนด์เป็นเมล็ดกาแฟเบลนด์จากเมล็ดไทยกับบราซิล ผ่านการชงด้วยเครื่องทำกาแฟ Mavam ซึ่งทางร้านขอให้แบรนด์ช่วยออกแบบให้เข้ากับดีไซน์ของร้าน แน่นอนว่าเลือกใช้เครื่องทำกาแฟตัวนี้เพราะดีไซน์มาเพื่อให้ลูกค้าเชื่อมโยงกับบาริสต้าและบาร์เทนเดอร์

“บาร์เทนเดอร์และบาริสต้าของร้าน เราอยากให้ทำได้ทั้งกาแฟและค็อกเทล จริงๆ แล้วมันเป็นศาสตร์เดียวกัน ด้วยความที่เรามีคอฟฟี่ม็อกเทล เราก็ใช้ศาสตร์ของบาร์เทนเดอร์ด้วย คลาสสิกคอฟฟี่หาดื่มที่ไหนก็ได้ บ้านเรามีบาริสต้าฝีมือดีเยอะ แต่เราอยากนำเสนอแบบใหม่ให้กับคนที่ดื่มกาแฟ และคนที่ไม่ดื่มกาแฟดำเลยให้ดื่มง่าย แน่นอนว่าเน้นความสดชื่นที่เหมาะกับอากาศบ้านเรา” คุณน้ำเล่าถึงทีมบาร์และซิกเนเจอร์เมนูของร้าน

ด้วยความเป็นบาร์ค็อกเทลผสมบาร์กาแฟ ที่นี่จึงต้องทำโฮมเมดไซรัปเองทั้งหมด อาทิ กรีเนดีน ไซรัปใบเนียม ไซรัปไวน์แดง ไซรัปดอกไม้ ไซรัปลิ้นจี่ และไซรัปกระเจี๊ยบ

Wanna Be

ซิกเนเจอร์คอฟฟี่ม็อกเทลที่อยากให้ลองวันนี้ทำโดยคุณมายด์-ณัฐวรา พัฒนาเพิ่มพูนสิน บาริสต้าและบาร์เทนเดอร์ของร้าน แนะนำให้เราลอง Wanna Be ที่นำเอานมเย็นไปบดกับตะไคร้ ให้กลิ่นของตะไคร้ไปอยู่ในน้ำนม แล้วผสมกับไซรัปใบเนียม ท๊อปด้วยเอสเพรสโซ่ชอตด้านบน หอมกลิ่นของตะไคร้ละมุนๆ Artful ใช้น้ำเสาวรสกับน้ำส้มเชครวมกับไข่ขาว แล้วตามด้วยเอสเพรสโซ่ชอตเชครวมกัน เผาด้วยส้มอบแห้ง

Artful

Mae – Ma – Li (แม่มะลิ)

Koon-Luang (คุณหลวง)

อีกจุดเด่นของที่นี่ยังอยู่ที่เมนูตระกูล Dirty ที่ทำออกมา 3 เมนู ด้วยการปรุงรสชาติน้ำนมในแบบเฉพาะตัวแล้วแช่ไว้จนเย็นฉ่ำ Koon-Luang (คุณหลวง) เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลชอต และนมปรุงรสดับเบิ้ลชอต เทสลับเป็นเลเยอร์ เย็นๆ อุ่นๆ Sri – Nuan (ศรีนวล) เอสเพรสโซ่ชอตบนนมเย็น และ Mae – Ma – Li (แม่มะลิ) ที่ปรุงรสน้ำนมให้หอมหวานจากการผสมกะทิและอบควันเทียน

Trinity Flare

ปิดท้ายก่อนกลับด้วยค็อกเทลของร้าน Trinity Flare ใช้วอดก้าอินฟิวกับใบเนียม ผสมด้วยวอดก้าอินฟิวกับเก็กฮวย และกาแฟที่สกัดจากเครื่องชงกาแฟ Trinity เป็นคอฟฟี่ค็อกเทลตัวเดียวของร้าน หรือจะลองเปรี้ยวหวานดื่มง่ายอย่าง Netflix ที่ใช้บรั่นดี ผสมกับทริปเปิลเซค ไซรัปป๊อปคอร์น น้ำส้ม น้ำมะนาว เชคผสม แล้วแต่งด้วยป๊อปคอร์นด้านบน

Netflix

อยากรู้ว่า “บาริสต้า” และ “บาร์เทนเดอร์” ไปด้วยกันได้อย่างไร ห้ามพลาด Perfect Strangers Bangkok